“บิ๊กเล็ก”บินมาเลเซีย 23 ตุลาคม ร่วมประชุม GBC ไทย-กัมพูชา สมัยพิเศษ คืบหน้า 3 ประเด็นใหญ่ ทั้งถอนอาวุธ-กู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมออนไลน์
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee - GBC) ว่า การประชุม เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พล.อ.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว รองเสนาธิการทหาร ฝ่ายเลขานุการ คณะกรรมการชายแดนทั่วไป ฝ่ายไทย ร่วมประชุมกับฝ่ายเลขานุการฯ เขมรที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ฝ่ายเลขานุการ คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee - GBC) ได้ร่วมหารือกับเขมรเป็นวันที่สองมีความคืบหน้า ดังนี้
GBCคืบหน้า3ประเด็นใหญ่
1. ประเด็นถอนอาวุธ ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันในร่างข้อกำหนดขอบเขตการปฏิบัติ (Term of Reference - TOR) ของคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (ASEAN Observer Team - AOT) และเห็นชอบร่วมกันในหลักการ การถอนกำลังอาวุธหนัก โดยจะหารือรายละเอียดของแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ร่วมกันในวันนี้ (22 ตุลาคม 2568) ต่อไป 2.ประเด็นเก็บกู้ทุ่นระเบิด ฝ่ายเลขานุการฯของทั้ง 2 ฝ่าย เห็นชอบหลักการของมาตรฐานขั้นตอนการปฏิบัติ (Standard Operating Procedure - SOP) ในเบื้องต้น ทั้งนี้ ฝ่ายกัมพูชา ขอนำเรื่องดังกล่าวไปเสนอผู้บังคับบัญชา เพื่อให้ความเห็นชอบ และวันที่ 22 ตุลาคม จะพิจารณาพื้นที่เก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วมกันระหว่างทั้งสองฝ่าย 3. ประเด็นการปราบปราม Cyber Scam ทั้ง 2 ฝ่าย อยู่ระหว่างจัดทำแผนปฏิบัติการ (Action Plan) โดยร่วมกันพิจารณาข้อเสนอและข้อตกลงที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้เป็นแนวทางดำเนินการร่วมกันต่อไป
‘บิ๊กเล็ก’บินมาเลย์ฯถกGBC
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำหนดเดินทางเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2/2568ที่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเชีย วันที่ 23 ตุลาคมนี้ โดยจะเดินทางออกจากประเทศไทยช่วงเช้าวันที่ 23 ตุลาคม ที่ บน.6 แห่งที่ 2 ดอนเมือง พร้อมคณะ จากนั้นเวลา 10.00 น. ตามเวลาประเทศมาเลเซียซึ่งเร็วกว่า ประเทศไทย 1 ชั่วโมง ประธาน GBC ไทย-กัมพูชาและคณะ เดินทางไป Malaysian Armed Forces Officers Mess เพื่อหารือของประธานก่อนการประชุม 4 EYES และต่อด้วยการลงนามบันทึกการประชุม GBC สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2/2568 จากนั้นฝ่ายไทย และฝ่ายกัมพูชาจะแยกการแถลงข่าว จากนั้น พลเอกณัฐพลยังเข้าร่วมประชุมร่วมรัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหมไทย กัมพูชา และมาเลเชีย ต่อด้วยการการรับประทานอาหารกลางวัน และเดินทางกลับถึงประเทศไทย ประมาณ 16.00 น.
บิ๊กเล็กขอบคุณสหรัฐหนุนข้อตกลงหยุดยิง
วันเดียวกัน ที่กระทรวงกลาโหม พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ต้อนรับ นาย Robert F. Godec (โรเบิร์ต เอฟ. โกเด็ก) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคำนับ โดยรมว.กลาโหมกล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีต่อการเข้าพบ พร้อมย้ำว่า ไทยและสหรัฐฯเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคง ที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นและต่อเนื่องมานาน ความร่วมมือทางทหารระหว่างไทย–สหรัฐฯ ถือเป็นเสาหลักสำคัญของความร่วมมือระหว่างกัน โดยประเทศไทยในฐานะพันธมิตรเก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯ ในภูมิภาคและเป็นพันธมิตรนอกองค์การสนธิสัญญา แอตแลนติกเหนือ ยังให้ความสำคัญต่อการเสริมสร้างเสถียรภาพและสันติภาพของภูมิภาค
นอกจากนี้ รมว.กลาโหมขอบคุณฝ่ายสหรัฐฯ ที่ดำรงความเป็นกลางต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา และมีบทบาทสนับสนุนการเจรจาเพื่อแสวงหาข้อตกลงหยุดยิง โดยไทยยืนยันว่าปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด พร้อมแก้ปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติวิธีผ่านกลไกทวิภาคี ได้แก่ การประชุม GBC และคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC)
ทั้งนี้ ไทยให้ความสำคัญต่อการลดความตึงเครียดในพื้นที่ชายแดน และสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ตามผลการประชุม GBC เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นชอบใน 4 ประเด็นได้แก่ 1.ถอนอาวุธหนัก 2.เก็บกู้และทำลายทุ่นระเบิด 3.ร่วมมือปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ 4.บริหารจัดการพื้นที่ชายแดนอย่างเป็นระบบ พร้อมกันนี้ ไทยหยิบยกกลไก IOT (Interim Observer Team) และ AOT (ASEAN Observer Team) ขึ้นในการหารือ เพื่อสะท้อนความมุ่งมั่นของไทยในการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างจริงจัง ไทยยืนยันความพร้อมร่วมมือกับสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดเช่นที่เคยเป็นมา เพื่อประโยชน์ร่วมกันและสันติภาพที่ยั่งยืนในภูมิภาค
สิงคโปร์สนใจปมไทยเขมรย้ำต้องมีแผนชัดเจน
ที่ประเทศสิงคโปร์ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ เปิดเผยถึงการหารือทวิภาคีกับ ดร.วิเวียน บาลากริชนัน รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ที่กระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ว่า ได้พูดคุยกันหลายประเด็น ซึ่งรวมถึงเรื่องที่ฝ่ายสิงคโปร์สนใจคือ ความสัมพันธ์ระหว่างไทยเขมร โดยตนได้แจ้งให้ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ทราบถึงสิ่งที่เราไปพูดคุย 4 ฝ่ายครั้งล่าสุดที่มาเลเซีย รวมถึงกรณีที่ขณะนี้มีการประชุม จีบีซี ไทย-กัมพูชา ซึ่งนำผลประชุมที่กัวลาลัมเปอร์ไปสู่ภาคปฏิบัติตามแผนงาน โดยไทยเห็นว่าการพูดคุยในหลักการอย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องชัดเจนว่าจะมีแผนงาน และปฏิบัติอย่างไรในการถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดน การเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่ต้องเริ่มมีแผนงานการลงพื้นที่ร่วมกัน และการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งขณะนี้ทุกประเทศให้ความสนใจ จึงต้องดำเนินการจริงจัง
นายสีหศักดิ์ กล่าวต่อว่า เมื่อเรามีข้อมูลและส่งให้ฝ่ายกัมพูชาแล้ว เราก็หวังว่าเขาจะรีบไปสอบสวนหรือตรวจสอบข้อมูลว่าแหล่งอาชญากรรมพวกนี้อยู่ที่ไหนบ้าง รวมถึงมีเรื่องการบริหารพื้นที่ชายแดนและการแก้ปัญหาการรุกล้ำเข้ามา ซึ่งต้องร่วมมือกันและหาแนวทางสันติวิธีมาแก้ไข โดยกรณีเฉพาะหน้าคือ การรุกล้ำพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกันว่าระดับพื้นที่จะมีการบริหารจัดการอย่างไรในการรักษาความสงบ ขณะเดียวกัน เรามีแผนเคลื่อนย้ายคนที่อยู่ในพื้นที่ที่มีการรุกล้ำ
ไม่ต้องการนำปัญหาถกในเวทีอาเซียน
ผู้สื่อข่าวถามว่าขอให้สิงคโปร์ช่วยสนับสนุนไทยด้วยหรือไม่ ถ้ามีการหยิบยกปัญหาข้อพิพาทระหว่างไทยเขมรไปหารือในเวทีสุดยอดอาเซียน รมว.การต่างประเทศ กล่าวว่า ที่จริง เราถือหลักที่ว่าเรื่องดังกล่าว เป็นสิ่งที่ไทยและกัมพูชาต้องมาพูดคุยกัน เราไม่อยากให้กลายเป็นปัญหาของอาเซียน คงไม่จำเป็นที่ต้องนำไปพูดในที่ประชุมอาเซียน แต่ถ้าทั้ง 2 ฝ่ายจะพูดกันก็พูดกันนอกรอบได้ แต่อย่างน้อย สิ่งที่เราควรต้องมีคือ การทำข้อตกลงการร่วมมือกันแก้ปัญหา เพื่อนำไปสู่สันติภาพ และเพื่อก้าวข้ามความขัดแย้งระหว่างประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี