วันจันทร์ ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2568
“อนุทิน-ฮุน มาเนต” ลงนามสันติภาพไทย-กัมพูชา มุ่งแก้ไขข้อพิพาท-ลดตึงเครียด ถอนอาวุธหนัก เก็บกู้ทุ่นระเบิด โดยมีปธน.ทรัมป์ แห่งสหรัฐ และนายกฯอันวาร์ มาเลเซีย ร่วมเป็นสักขีพยาน
ที่ศูนย์ประชุม KLCC กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ลงนามถ้อยแถลงผลการพบหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรไทยและนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมี ดาโต๊ะ ซรี อันวาร์ บิน อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เป็นสักขีพยาน
สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า ก่อนการลงนามในข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทย-กัมพูชา ที่มีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนลงนามร่วมด้วย สมเด็จฯฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้กล่าวขอบคุณประธานาธิบดีทรัมป์สำหรับ “ความเป็นผู้นำที่เด็ดขาด”และ“ความพยายามอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย” เพื่อทำให้ข้อตกลงสันติภาพครั้งนี้เกิดขึ้นได้จริง
“ไม่ว่าความขัดแย้งจะยากและซับซ้อนเพียงใด ก็ต้องได้รับการแก้ไขด้วยสันติวิธี” ฮุน มาเนตกล่าว พร้อมกับขอบคุณนายกรัฐมนตรีมาเลเซียสำหรับความช่วยเหลือที่ทำให้เกิดข้อตกลงดังกล่าว และกล่าวว่าเขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนและการมีส่วนร่วมจากประชาคมระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่องในการดำเนินการตามตามถ้อยแถลงร่วมนี้
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณทรัมป์สำหรับความพยายามที่จะทำให้เกิดการหยุดยิง และแสดงความแสดงความเสียใจต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง การถอนกำลังอาวุธและการปล่อยเชลยศึกจะเริ่มต้นอย่างทันท่วงที และเสริมว่าถ้อยแถลงร่วมดังกล่าวจะเป็น “รากฐานไปสู่สันติภาพที่ยั่งยืน” หากได้รับการดำเนินการอย่างครบถ้วน
บีบีซีรายงานด้วยว่า หลังการลงนามข้อตกลงหยุดยิงไทย-กัมพูชาเสร็จสิ้น ได้มีการนำเอกสารความตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐกับประเทศไทย และระหว่างสหรัฐกับกัมพูชามาทำการลงนามต่อทันที โดยขณะลงนาม มีเสียงของทรัมป์ที่พูดว่า ข้อตกลงเหล่านี้เป็นข้อตกลงที่ยอดเยี่ยมสำหรับทั้งสองประเทศ
ด้านเทสซา หว่อง ผู้สื่อข่าวบีบีซีที่รายงานจากการประชุมสุดยอดอาเซียนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์วิเคราะห์ว่า “ทรัมป์แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า สำหรับเขา ธุรกิจสำคัญกว่าสงคราม” โดยชี้ว่า เมื่อไทยและกัมพูชายุติการสู้รบในเดือนกรกฎาคม การหยุดยิงดังกล่าวเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ทรัมป์เตือนว่าการทำสงครามของทั้งสองประเทศจะส่งผลกระทบกับการทำข้อตกลงการค้าและการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ ด้วยการลงนามข้อตกลงวันนี้ ประกอบกับการประกาศของทรัมป์เรื่องข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐกับกัมพูชา และข้อตกลงแร่ธาตุกับไทย ทรัมป์แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลของเขามีแผนใช้ข้อตกลงการค้าของสหรัฐเป็นเครื่องมือสำคัญในการกดดันทางการทูต เพื่อให้ประเทศต่างๆ หันมาหาสันติภาพ
“เราทำธุรกรรมมากหมายกับทั้งสองประเทศ ตราบเท่าที่พวกเขายังมีสันติภาพ ผมรู้สึกจริงๆ ว่าเมื่อเราทำข้อตกลง เราก็มองเห็นสองประเทศที่เราทำธุรกิจด้วยอย่างมากมาย เราต้องใช้ธุรกิจเหล่านั้นเพื่อทำให้มั่นใจว่าพวกเขาจะไม่หันไปทำสงครามกัน” ทรัมป์ กล่าว
ด้านกระทรวงการต่างประเทศได้เปิดเผยเนื้อหาในถ้อยแถลงที่มีการลงนาม 4 ฝ่ายในกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ระหว่างนายอุนทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี กับสมเด็นฯฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยมีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมรอกาและนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ลงนามเป็นพยาน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ คำแปลอย่างไม่เป็นทางการ ถ้อยแถลงผลการพบหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรไทยและนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย พวกเรา นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรไทย และโดยมีประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา และนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเป็นสักขีพยาน ได้พบกันที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2568 ขอประกาศ ดังนี้
1. พวกเรายืนยันความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างสองประเทศ ตามที่ได้ประกาศไว้ ณ เมืองปุตราจายา มาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 และย้ำความมุ่งมั่นอย่างหนักแน่นในการละเว้นการคุกคามหรือใช้กำลัง การแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติ และการเคารพต่อเขตแดนระหว่างประเทศและต่อกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคง เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค บนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกันต่อเอกราช อธิปไตย ความเสมอภาค บูรณภาพแห่งดินแดนและอัตลักษณ์แห่งชาติของแต่ละประเทศ
2.พวกเรายืนยันความมุ่งมั่นอย่างหนักแน่นในการยึดมั่น และดำเนินการตามข้อตกลงที่ได้บรรลุร่วมกันในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป 3.พวกเราได้ลงนามในเอกสารขอบเขตการจัดตั้งกลไกผู้สังเกตการณ์อาเซียน (ASEAN Observer Team: AOT) ซึ่งจะประกอบด้วยบุคลากรจากรัฐสมาชิกอาเซียน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้แน่ใจว่าข้อตกลงหยุดยิงได้รับการปฏิบัติอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ พวกเราเรียกร้องให้รัฐสมาชิกอาเซียนให้การสนับสนุนอย่างเหมาะสมเพื่อให้ AOT ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติภารกิจให้บรรลุวัตถุประสงค์ 4.นอกจากนี้ พวกเราได้ให้คำมั่นที่จะลดความตึงเครียด และฟื้นฟูความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างราชอาณาจักรกัมพูชากับราชอาณาจักรไทย ทั้งนี้ เพื่อบรรลุและสนับสนุนเป้าหมายเหล่านี้ พวกเราได้ตกลงในขั้นตอนดังต่อไปนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าข้อตกลงหยุดยิงจะได้รับการปฏิบัติอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ และเพื่อฟื้นฟูสันติภาพ ความมั่นคง และเสถียรภาพในพื้นที่ชายแดน ดำเนินการลดความตึงเครียดทางการทหารภายใต้การสังเกตการณ์และการยืนยันตรวจสอบโดยAOT ซึ่งรวมถึงการถอนอาวุธและยุทโธปกรณ์หนักและทำลายล้างสูงออกจากแนวชายแดน และนำกลับไปยังที่ตั้งปกติของหน่วยทหารแต่ละประเทศ ในบริบทดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายจะมอบหมายให้คณะทำงานของแต่ละฝ่ายร่วมกันหารือเพื่อนำไปสู่ข้อสรุปเรื่องการจัดทำแผนปฏิบัติการที่ปฏิบัติได้และเป็นขั้นตอนภายใต้การสังเกตการณ์โดยคณะผู้สังเกตการณ์การหยุดยิงชั่วคราว (IOT) และหลังจากนั้นโดย AOT ตามที่กำหนดในเอกสารขอบเขตการจัดตั้ง
ละเว้นการเผยแพร่หรือส่งเสริมการใช้ข้อมูลเท็จ การกล่าวอ้าง การกล่าวหา และวาทกรรมที่สร้าง ความเสียหาย ไม่ว่าจะผ่านช่องทางที่เป็นทางการของรัฐบาลหรือช่องทางไม่เป็นทางการ เพื่อลด ความตึงเครียด บรรเทาความรู้สึกเชิงลบของสาธารณชน และสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการหารืออย่างสันติ เห็นพ้องที่จะดำเนินมาตรการสร้างความเชื่อมั่นโดยทันทีและเต็มรูปแบบเพื่อฟื้นฟูและรักษาความเชื่อมั่น ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และสันติภาพตามแนวชายแดน และเพื่อแก้ไขความแตกต่างอย่างสันติด้วยความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี มิตรภาพ และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และร่วมมือเพื่อนำไปสู่การฟื้นฟู ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศประสานงานและดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในพื้นที่ชายแดนตามที่ได้ตกลงกันในที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป เพื่อปกป้องชีวิตของพลเรือนและส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างสองประเทศยืนยันความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดนและการจัดทำหลักเขตแดน ผ่านสันติวิธีและกฎหมายระหว่างประเทศ โดยละเว้นการคุกคามหรือใช้กำลัง หรือการกระทำที่เป็นการยั่วยุใด ๆ และตระหนักว่าคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) และคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) เป็นกลไกทวิภาคีสำหรับการทำงานร่วมกันในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับชายแดนอย่างสันติ โดยให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละกลไก โดยให้มีการประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดในระดับท้องถิ่น เพื่อบริหารจัดการสถานการณ์ในพื้นที่ให้เป็นไปโดยสันติ ซึ่งรวมถึงประเด็นการรุกล้ำพื้นที่ของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ตามแนวทางของผลการหารือในการประชุม JBC ตลอดจนจะยุติกิจกรรมทุกประเภทที่เป็นการขยายขอบเขตข้อพิพาทและเพิ่มความตึงเครียดมากขึ้น
5.เมื่อมีการดำเนินการตามมาตรการข้างต้นอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ทั้งสองฝ่ายจะยอมรับว่าเป็นการสิ้นสุดการเป็นปรปักษ์ที่ดำเนินอยู่ นอกจากนี้ เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศไทยในการส่งเสริมความเชื่อมั่นและความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ไทยจะดำเนินการปล่อยเชลยศึกโดยพลัน
6. พวกเราตกลงที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือ การแบ่งปันข้อมูล และการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์ รวมทั้งเสริมสร้างความเข้มแข็งของการตรวจสอบควบคุมตามแนวชายแดน เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อพลเมืองของเราทั้งสองประเทศและประชาคมระหว่างประเทศ
7.พวกเราตระหนักถึงความจำเป็นในการวางแนวทางเพื่ออนาคตที่สดใสที่ไม่ยึดติดกับความขัดแย้งในอดีต รัฐบาลทั้งสองฝ่ายยืนยันความมุ่งมั่นในการแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติ โดยเคารพในกฎหมายระหว่างประเทศและสนธิสัญญาและความตกลงที่มีอยู่ สภาวการณ์ต่าง ๆ ได้ถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้ทั้งสองประเทศมองไปข้างหน้าและเริ่มต้นพัฒนาความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนบ้าน ตามเจตนารมณ์และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติและหลักการในกฎบัตรอาเซียนเกี่ยวกับการแก้ไขความขัดแย้งโดยสันติ ซึ่งจะเป็นการปูทางไปสู่บทใหม่ของสันติภาพและความร่วมมือระหว่างสองประเทศ
8.พวกเราแสดงความเชื่อมั่นว่า การหารือครั้งนี้ ซึ่งมีประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา และนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม แห่งมาเลเซีย เข้าร่วมและให้การสนับสนุน เป็นรากฐานที่มั่นคงต่อความเคารพซึ่งกันและกันและการส่งเสริมสันติภาพในภูมิภาค พวกเรารับทราบด้วยความขอบคุณอย่างยิ่งต่อบทบาทสำคัญของประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ.ทรัมป์ ในการเสริมสร้างการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทวิภาคีที่เป็นประโยชน์ระหว่างราชอาณาจักรกัมพูชาและราชอาณาจักรไทย ลงนาม ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 26ตุลาคม2568 จำนวน 4ฉบับ เป็นภาษาอังกฤษ นายฮุน มาแนด นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นพยานโดย นายนวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียและนายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา
ต่อมาเวลา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เปิดเผยภายหลังลงนามถ้อยแถลงว่า ถือว่าทุกฝ่ายช่วยกันที่ต้องการสร้างสันติภาพ ซึ่งมันมีความคุ้มค่ามากกว่าการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ส่วนตัวมีโอกาส คุยกับ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และได้ยืนยันว่าเราจะปฏิบัติตามแนวทางข้อตกลงที่เราได้ลงนามร่วมกันไว้ ถือว่าเป็นข้อปฏิบัติที่จะ นำไปสู่การบริหารจัดการความขัดแย้งให้ลดระดับลงมา
นายกฯ กล่าวอีกว่า จากการพูดคุยกับประธานาธิบดีสหรัฐสหรัฐอเมริกา บันทึกข้อตกลงที่ได้ลงนามไป ได้มีการพูดคุยกันหลายรอบแล้ว ได้ถือโอกาสหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ขอให้ช่วยสนับสนุนเรื่องภาษีให้มากกว่านี้ ที่ประเทศไทยให้ความร่วมมือ ในหลาย ๆ เรื่องกับสหรัฐอเมริกา อยากจะขอให้ช่วยพิจารณาลดภาษีให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงที่เกี่ยวข้องจะหารือ USTR ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี