อย่าปล่อยเป็นแค่ดินในสายตาคนอื่น! ‘ไทยก้าวใหม่’ แนะรัฐเข้มนโยบาย-วิจัย ‘แร่แรร์เอิร์ธ’ เพื่อมั่นคง

อย่าปล่อยเป็นแค่ดินในสายตาคนอื่น! ‘ไทยก้าวใหม่’ แนะรัฐเข้มนโยบาย-วิจัย ‘แร่แรร์เอิร์ธ’ เพื่อมั่นคง

วันอังคาร ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 13.18 น.

อย่าปล่อยเป็นแค่ดินในสายตาคนอื่น! ‘ไทยก้าวใหม่’ แนะรัฐเข้มนโยบาย-วิจัย ‘แร่แรร์เอิร์ธ’ เพื่อมั่นคง ดัน ‘มหาวิทยาลัย’ ร่วมเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อน

เมื่อวันที่ 28 ต.ค.2568 นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวให้ความเห็น “แร่แรร์เอิร์ธ” ที่กำลังเป็นกระแส ภายหลังนสยกรัฐมนตนีระบุว่ามรการลงนามในเอ็มโอยูระหว่างไทย-สหรัฐอเมริกา กรณีแร่แรร์เอิร์ธว่า “แร่แรร์เอิร์ธ” อาจเป็นคำที่หลายคนไม่คุ้น แต่วันนี้ มันคือหัวใจของเศรษฐกิจโลกยุคใหม่เพราะแร่ที่อยู่ในดินไทยบางส่วน กลับถูกพูดถึงในระดับเดียวกับ น้ำมัน ของตะวันออกกลาง เพราะมันคือวัตถุดิบในการผลิต รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ไมโครชิป และ AI Processor ที่ขับเคลื่อนเทคโนโลยีทั้งโลกแต่คำถามคือถ้าแร่ในดินเป็นของเรา แล้วทำไมมูลค่ามหาศาลถึงอยู่ที่คนอื่นจากแร่ในดิน สู่ สมองในชาติ


นายสุชัชวีร์ กล่าวต่อว่า ขอตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมาประเทศที่ไม่มีแร่ ยังรวยจากเทคโนโลยีได้แล้วประเทศที่มีแร่ จะยอมจนเพราะขาดงานวิจัยได้ยังไงคำถามนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจ แต่มันคือ “คำเตือนเรื่องอนาคตของชาติ”เพราะแม้ไทยจะเพิ่งลงนาม MOU กับสหรัฐฯ ว่าด้วย “ความร่วมมือด้านแร่แรร์เอิร์ธ”แต่หากมหาวิทยาลัยไทยยังไม่สามารถ “แปรรูปความรู้” ให้เป็น “นวัตกรรมต้นน้ำ”เราก็จะเป็นได้เพียง “ประเทศผู้ขายวัตถุดิบราคาถูก” เหมือนเดิม ส่วนมหาวิทยาลัยไทยด่านสุดท้ายที่ถูกตีแตก ซึ่งรายงานล่าสุดของ Times Higher Education ปี 2026 สะท้อนสัญญาณน่าห่วงมหาวิทยาลัยไทย “ไม่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของอาเซียนขณะที่ มาเลเซีย ติดถึง 7 แห่ง และ เวียดนาม แซงขึ้นมาอีก 3 นี่คือ “ด่านสุดท้ายของการศึกษาไทย” ที่ควรจะเป็นเครื่องผลิตทุนมนุษย์ระดับสูง แต่กลับเริ่มหลุดวงโคจรการแข่งขันในภูมิภาค

“เราต้องสร้างมหาวิทยาลัยนักรบวิจัย ไม่ใช่มหาวิทยาลัยเอกสารราชการเพราะ การศึกษา–การวิจัยคือ ความมั่นคงของชาติไม่ใช่ภาระงบประมาณคนไทยเก่งแต่รัฐยังไม่ให้โอกาส“ นายสุชัชวีร์ กล่าว

นายสุชัชวีร์  ยกตัวอย่างว่า ชัดเจนคือ ศาสตราจารย์ ดร.เยตมิง ชาง จาก MIT นักวิจัยระดับโลกด้านวัสดุศาสตร์ ซึ่งมีศิษย์เอกคนไทยถึงสองคน ทั้ง ดร.พิมพา ลิ้มทองกุล (ศูนย์เทคโนโลยีพลังงาน สวทช.)และ รศ.ดร.นงลักษณ์ มีทอง (คณะวิทยาศาสตร์ ม.ขอนแก่น) ทั้งคู่คือนักวิจัยแนวหน้าที่พิสูจน์ว่า คนไทยเก่งไม่แพ้ใครในโลกแต่ขาด ระบบสนับสนุน ที่จะผลักดันให้คนเก่งเหล่านี้ ต่อยอดงานวิจัยสู่ตลาดได้จริง โดยโลกกำลังเร่งแต่ไทยยังรอคำสั่งในขณะที่สหรัฐฯ ฟื้นเหมืองเก่าเพื่อขุดแร่หายากในขณะที่ญี่ปุ่น เกาหลี และเวียดนาม ตั้งสถาบันวิจัยวัสดุขั้นสูง ประเทศไทยกลับยังไม่ตั้ง เป้าหมายใหญ่ที่ชัดเจนเลย ซึ่งหากเรามีแร่ แต่ไม่มีแผนเรามีคน แต่ไม่มีระบบให้คนได้สร้าง

นายสุชัชวีร์  ระบุอีกว่า พรรคไทยก้าวใหม่ เสนอชัดประเทศไทยต้องมีนโยบาย วิจัยเพื่อความมั่นคงให้มหาวิทยาลัยเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคแรร์เอิร์ธโดยเสนอให้รัฐบาลกำหนด ยุทธศาสตร์วิจัยแห่งชาติสร้างระบบทุนระยะยาวต่อเนื่องและตั้งเครือข่ายมหาวิทยาลัยนักรบวิจัยเพื่อสร้างความได้เปรียบทางเทคโนโลยีลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ และรักษาศักดิ์ศรีของชาติไทย

“ดินของเรา จะกลายเป็นทองได้หรือไม่คำตอบไม่ได้อยู่ที่เหมืองแต่อยู่ที่ มหาวิทยาลัย–นักวิจัย–รัฐบาลว่าจะมองเห็นคุณค่าของมันแค่ไหน โดยอย่าขายดิน แล้วกลับมาซื้อชิปจากคนอื่นถึงเวลาสร้างอนาคตชาติ ด้วยสมองไทยของเราเอง “นายสุชัชวีร์ กล่าว

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top