วันพุธ ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2568
“อนุทิน” ชี้เขมรต้องทำ 4 ข้อ ก่อนพิจารณาเปิดด่าน ด้าน“บิ๊กเล็ก” ชี้ไทย-เขมร ดีเดย์ถอนอาวุธเชิงสัญลักษณ์ 26 ต.ค.วางไทม์ไลน์6สัปดาห์3เฟส พร้อมกำหนดกรอบAOT3 เดือน บรรลุ3เรื่อง ลุยพิสูจน์ปราสาทตาควาย ดงทุ่นระเบิด ขณะที่ ทบ.เตรียมสรุปสถานการณ์-บรรยายพิเศษ‘อาชญากรรมข้ามชาติ’
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม นายอนุทินชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ซึ่งอยู่ระหว่างร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่47ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย กล่าวถึงผลการลงนามในถ้อยแถลงกับกัมพูชาเมื่อวันที่ 26ตุลาคมที่ผ่านมา โดยยืนยันว่าไม่มีการเปิดด่าน ยังไม่ถึงจุดนั้น ถ้อยแถลงที่ลงนามกับกัมพูชาโดยที่มีประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ของสหรัฐฯ และนายอันวาร์อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ร่วมเป็นสักขีพยานเป็นการกำหนดว่าแต่ละประเทศจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง แต่ประเทศไทยก็ดีหน่อยเพราะไม่ได้เป็นฝ่ายละเมิด ดังนั้นการดำเนินการทั้งหลายจะต้องเริ่มจากฝ่ายกัมพูชาก่อน เช่น ถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดน เมื่อคืนนี้ก็ทำแล้ว เมื่อเขาทำแล้วเราก็ทำ เพราะเราก็มีอาวุธหนักเช่นเดียวกัน
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า แต่ในการลงนามไม่ได้บอกว่าเราต้องถอน แต่เมื่อเขาแสดงท่าทีที่มีเจตจำนงที่จะถอนอาวุธหนักออกไปอย่างมีนัยสำคัญ เราก็แสดงท่าทีให้เขาเห็นว่าเราก็พร้อมที่จะถอน เพื่อทำให้เกิดช่องในการเจรจาและเปิดช่องในการที่จะทำให้เกิดความเข้าใจเพิ่มมากยิ่งขึ้น
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ขั้นตอนขณะนี้จะหารือกันในระหว่างกองทัพของทั้ง 2 ประเทศ ผ่านช่องทางทวิภาคีและดำเนินการถอนอาวุธออกไปจนเป็นที่พอใจของคู่กรณีอย่างเช่นประเทศไทย โดยที่คนกลางคือคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) คือตัวแทนผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนที่จะมาเป็นตัวแทน เป็นคนที่ยืนยันว่าคู่กรณีได้ปฏิบัติตามข้อตกลงแล้ว จากนั้นจะไปต่อในเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า เพราะทุ่นระเบิดสามารถทำอันตรายกับคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ตรงไหนก็ได้ โดยคนที่จะเก็บกู้คือฝั่งไทย และมี AOT เป็นผู้สังเกตการณ์ เราก็มีความคาดหวังว่าฝ่ายกัมพูชาจะไม่ขัดขวาง ซึ่งคิดว่าก็คงจะไม่ขัดขวางเพราะเป็นหนึ่งในข้อตกลง
นายอนุทินกล่าวว่า จากนั้นจะมาพูดคุยเรื่องสแกมเมอร์ หาวิธีการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ยืนยันว่าฝ่ายไทยดำเนินการเต็มที่ ทั้งการตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต การสืบหาธุรกรรม เส้นทางการเงิน ดำเนินคดีกับคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และรอฝั่งกัมพูชาให้ข้อมูลเพิ่มมากขึ้น เพื่อสนธิกำลังกันและปราบปรามสุดท้ายคือการบริหารจัดการพื้นที่ทับซ้อน ขณะนี้เราเน้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ส่วนกัมพูชาที่ล้ำมาฝั่งไทยก็มี และส่วนของฝั่งไทยที่ล้ำไปฝั่งกัมพูชาก็มีเช่นกัน ซึ่งหากจะแฟร์ก็ต้องแฟร์ทั้งสองฝ่าย และถ้าตกลงได้แล้วถึงจะมาเริ่มฟื้นฟูเรื่องความสัมพันธ์ทางการทูต
สำนักข่าวเฟรชนิวส์ของกัมพูชารายงานว่าช่วงค่ำวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา กัมพูชาและไทยได้เริ่มถอนอาวุธหนักและยุทโธปกรณ์ที่มีอานุภาพทำลายล้างออกจากพื้นที่ชายแดนที่เป็นข้อพิพาทระหว่างกัน และเคลื่อนย้ายกลับไปยังฐานทัพตามปกติของแต่ละประเทศ ภายใต้การสังเกตการณ์ของคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน หรือ AOT
ขณะเดียวกัน เฟรชนิวส์ยังรายงานด้วยว่า ช่วงเช้าวันที่ 27ตุลาคม กัมพูชายังถอนอาวุธหนักและยุทโธปกรณ์ในระยะแรกออกจาก อ.บันทายศรี จ.เสียมราฐ ภายใต้การสังเกตการณ์ของ AOT ด้วย ซึ่งการลดความตึงเครียดทางทหารครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการลงนามในถ้อยแถลงผลการพบหารือระหว่างนายกฯ ไทยและนายกฯ กัมพูชา ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
ด้าน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการถอนอาวุธหนักออกจากแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าหากนับเวลาตั้งแต่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) เมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา และในวันที่ 26 ตุลาคม ที่นายกฯ ได้ลงนามปฏิญญาเพื่อนำไปสู่สันติภาพ เริ่มมีการถอนอาวุธ ซึ่งอาวุธของทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา ที่ถอนออกมาไม่เหมือนกัน ขณะนี้กองทัพภาคที่2 อยู่ระหว่างการพูดคุยในรายละเอียดกับกัมพูชา จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่ากระทรวงกลาโหมยึดมั่นในอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ จะไม่ยอมให้ไทยเสียศักดิ์ศรีอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่าไทยมีการถอนอาวุธช่วงค่ำวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมาใช่หรือไม่ เพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ใช่เมื่อถามว่า จรวด BM 21 ที่ไทยคาดหวังให้กัมพูชาถอนออกไป เนื่องจากเป็นอาวุธอันตรายพล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ถือเป็นสิ่งที่อยากให้กัมพูชาดำเนินการถอน ซึ่งตามแผนปฏิบัติการ กำหนดกรอบเวลาเอาไว้ 6 สัปดาห์ ประมาณ 1 เดือนครึ่ง หรืออาจจะมากกว่านั้น และกัมพูชาก็เห็นพ้อง ซึ่งจะมีอยู่ 3 เฟส คือเริ่มทันทีในคืนวันที่ 26 ตุลาคม ส่วนเฟสที่ 2 จะเริ่มภายใน 3 สัปดาห์ และเฟสที่ 3 คือสัปดาห์ที่ 6 ซึ่งจะแบ่งการถอนอาวุธเป็นลอตแต่ละลอตจะถอนอาวุธอะไรบ้างนั้น อยู่ระหว่างการพูดคุย และต้องถอนพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นเฟสไหนก็ตาม
ต่อข้อถามถึงการจัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ใช้กรอบการทำงานระยะเวลาเท่าใด พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ประมาณ 3 เดือน และสามารถต่อได้อีก คาดว่าในห้วงเวลาดังกล่าว จะเห็นผลได้ใน 3 เรื่อง ทั้งถอนอาวุธหนัก เก็บกู้วัตถุระเบิดตามแนวชายแดนส่วนของบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จในวันที่ 17 ธันวาคม 2568 รวมถึงพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ด้วย ซึ่งขณะนี้เริ่มทำอยู่ ซึ่งเริ่มทำแผนดำเนินการส่งไปยังกัมพูชา ก่อนย้ำว่าวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ถือเป็นวันดีเดย์ อาวุธอะไรที่เริ่มถอนได้ก็ให้ถอน แม้จะเล็กน้อย แต่ถือว่าเป็นการเริ่มต้น เราจะติดตามความคืบหน้าไป ซึ่งปัจจุบันนี้ได้ขอให้นายกฯตั้งคณะทำงานในเรื่องนี้ โดยมี พล.อ.อุกฤษฏ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธาน และมีหน่วยงานกระทรวงการต่างประเทศ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และกระทรวงมหาดไทย ร่วมขับเคลื่อนในเรื่องดังกล่าวเพื่อให้ประชาชนสบายใจ
รมว.กลาโหม กล่าวต่อว่า เรื่องเก็บกู้ทุ่นระเบิด หากอยู่ในพื้นที่ของฝ่ายใด ให้ฝ่ายนั้นเป็นผู้เก็บกู้ทุ่นระเบิด เมื่อถามว่า จะมั่นใจได้อย่างไรว่าฝ่ายกัมพูชาจะเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ เช่น ในพื้นที่ปราสาทตาควายและพื้นที่โดยรอบ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า คณะAOT ต้องลงไปดูในพื้นที่ปราสาทตาควาย ว่ามีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดจริงหรือไม่ โดยเบื้องต้นเริ่มใน 13 พื้นที่
ขณะที่สำนักงานเลขานุการกองทัพบก (ทบ.) แจ้งกำหนดการเชิญสื่อมวลชนรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ไทยกัมพูชา ในไตรมาสที่ 1 ประจำปีงบประมาณ 2569 ให้แก่คณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย ที่ห้องประชุมกรมข่าวทหารบก กองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนิน วันที่ 29 ตุลาคม 2568 เวลา 09.00น.ทั้งนี้ พล.ท.ธีรนันท์นันทขว้าง เจ้ากรมข่าวทหารบก จะเป็นประธานการประชุม เพื่อย้ำแนวทางการดูแล ความปลอดภัยประชาชน และรักษาอธิปไตย ตามนโยบายของรัฐบาล
ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทยและกองทัพบก ยึดเงื่อนไข 4 ข้อ จากการประชุมจีบีซี ไทย-กัมพูชา คือการถอนอาวุธหนักออกจากแนวชายแดน เก็บกู้วัตถุระเบิด ร่วมมือกันปราบปรามสแกมเมอร์ และหาแนวทางบริหารพื้นที่ชายแดน กรมข่าวทหารบก ได้จัดบรรยายให้กับผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ 2หัวข้อ คือ “ภาพรวมสถานการณ์อาชญากรรมข้ามชาติ รอบชายแดนไทย (Overview of Transnational Crimes Beyond Thailand’s Borders)” และหัวข้อ “ข้อแนะนำการปฏิบัติทางการทูต” มีการนำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศเยี่ยมชมหน่วยงานทางทหาร เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี