ปัญหารุมเร้ารัฐบาล! วิกฤตความเชื่อมั่น-กระแสนิยม'เปลี่ยน'

ปัญหารุมเร้ารัฐบาล! วิกฤตความเชื่อมั่น-กระแสนิยม'เปลี่ยน'

วันศุกร์ ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 07.30 น.

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2568 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิป พร้อมเนื้อหาบนเฟซบุ๊ก "เทพไท - คุยการเมือง" หัวข้อ "จับตาการเมืองช่วงปิดสมัยประชุมสภา" ระบุว่า...

วันนี้วันที่ 31 ตุลาคม 2568 เป็นวันสุดท้ายของสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร หลังจากเมื่อวานได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งสุดท้ายในสมัยประชุมนี้ ซึ่งจะมีการปิดสมัยประชุม จะเปิดสมัยประชุมใหม่อีกครั้ง ในวันที่ 12 ธันวาคม 2568 ระหว่างนี้ก็เหมือนกับโรงเรียนปิดเทอม ส.ส.ก็ไม่ต้องมาประชุมสภาผู้แทนราษฎร จะมีการประชุมเฉพาะในส่วนของคณะกรรมาธิการ และรัฐบาลก็ไม่ต้องมาชี้แจงต่อที่ประชุม ไม่ต้องมาตอบกระทู้ถามใดๆ สร้างความสบายใจให้ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่าย ส.ส.จะได้ลงพื้นที่ไปเตรียมการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นภายในวันที่ 31 มกราคม 2569


แต่ระหว่างปิดสมัยประชุมนี้ เชื่อว่าคณะกรรมาธิการหลายคณะ จะต้องติดตามตรวจสอบเรื่องการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์ ซึ่งมีส่วนหนึ่งเป็นบุคคลในรัฐบาลชุดนี้ ที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี จะต้องรับผิดชอบ ถ้าระหว่างปิดสมัยประชุมนี้ คณะกรรมาธิการที่ตรวจสอบเรื่องแก๊งสแกมเมอร์ได้ทำงานอย่างจริงจัง เป็นการเตรียมข้อมูลเพื่อที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในช่วงเปิดสมัยประชุม ซึ่งรัฐบาลกำลังเผชิญกับปัญหาวิกฤติความเชื่อมั่นจากประชาชนอยู่จำนวนไม่น้อย เพราะระยะเวลาเพียง 1 เดือนของอายุรัฐบาลชุดนี้ ความเชื่อมั่นหรือกระแสนิยมของรัฐบาล เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

ไม่น่าเชื่อว่าปัญหาต่างๆ ประดังเข้ามารุมเร้ารัฐบาลชุดนี้ ตั้งแต่เรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ปัญหาจากการเซ็นปฎิญญาสันติภาพ การเซ็น MOU เรื่องแร่หายาก หรือแรร์เอิร์ธ กับสหรัฐอเมริกา รวมไปถึงการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ซึ่งรัฐบาลชุดนี้กำลังเมาหมัด มึนงง ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นที่ปัญหาอะไรดี

ถ้ารัฐบาลชุดนี้ยังตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เชื่อว่าเปิดสมัยประชุมครั้งหน้าในวันที่ 12 ธันวาคม 2568 รัฐบาลจะต้องเจอกับญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นญัตติไม่ไว้วางใจของพรรคเพื่อไทย หรือญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคประชาชน หรือจะเป็นการร่วมกันยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดนี้ จากพรรคฝ่ายค้านทั้ง 2 พรรคได้

ซึ่งรัฐบาลก็สุ่มเสี่ยงที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ และเมื่อมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว รัฐบาลก็ไม่สามารถจะยุบสภา คืนอำนาจให้กับประชาชนไปเลือกตั้งใหม่ได้ จึงจำเป็นต้องมีการชิงไหวชิงพริบกัน ระหว่างฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาล และเชื่อว่าเมื่อฝ่ายค้านตั้งท่าจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็จะใช้สิทธิ์ความเป็นนายกรัฐมนตรียุบสภาอย่างแน่นอน

เพราะฉะนั้นเชื่อว่า ระหว่างปิดสมัยประชุมนี้ ปัญหาต่างๆ ก็จะรุมเร้ามายังรัฐบาล ถ้ารัฐบาลรับมือไม่ดี แก้ปัญหาไม่ตก และปัญหาประดังเข้ามาเป็นไฟสุมขอน สุดท้ายก็จะถูกยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ และยุบสภาในที่สุด

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top