‘อัษฎางค์’เผยสื่อเกาหลีมองอนุทิน เป็นผู้นำสายปฏิบัติ ผู้วางหมากเศรษฐกิจระดับภูมิภาค

‘อัษฎางค์’เผยสื่อเกาหลีมองอนุทิน เป็นผู้นำสายปฏิบัติ ผู้วางหมากเศรษฐกิจระดับภูมิภาค

วันจันทร์ ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 09.21 น.

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก "เอ็ดดี้ อัษฎางค์" ระบุว่า นายกๆ อนุทินลงข่าวหน้าหนึ่ง Korea Herald เช้านี้

”ไทย–เกาหลีใต้ : เมื่อ “อนุทิน” พาไทยก้าวสู่เวทีโลก“


“อนุทิน” กำลังพิสูจน์ว่า ไทยสามารถยืนในสนามโลก โดยไม่ต้องหมอบให้ใคร

#อัษฎางค์ยมนาค #อ่านเกมอำนาจ

หลังการประชุม APEC 2025 ที่เกาหลีใต้ “สื่อเกาหลี” พาดหัวว่า“Thai PM aims for $30 billion trade with Seoul” 
นายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล ไม่ได้ไปเกาหลีเพื่อถ่ายรูป แต่ไปเพื่อ “วางหมากเศรษฐกิจระดับภูมิภาค”
ในฐานะผู้นำรัฐบาลใหม่ อนุทินประกาศเป้าหมายชัด

• ยกระดับการค้าระหว่างไทย–เกาหลีใต้สู่ 30,000 ล้านดอลลาร์

• เร่งปิดดีล CEPA (Comprehensive Economic Partnership Agreement) ที่ค้างมานานกว่า 20 ปี

• ขยายความร่วมมือจาก “อุตสาหกรรมการผลิต” สู่ “เศรษฐกิจนวัตกรรม–เทคโนโลยี–พลังงานสะอาด”

สื่อเกาหลีมองอนุทิน ว่าเป็นผู้นำ “สายปฏิบัติ”

ที่สามารถเปลี่ยนจากนักการเมืองในประเทศมาเป็น “นักยุทธศาสตร์ภูมิภาค” ได้อย่างรวดเร็ว
เขาเพิ่งรับตำแหน่งไม่ถึงสองเดือน แต่กลับสร้างความเชื่อมั่นในเวทีโลกได้ทันที ทั้งการเซ็น “ข้อตกลงหยุดยิง” ไทย–กัมพูชา (โดยมีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าร่วม)
และการยืนจับมือกับผู้นำเกาหลีใต้ พร้อมแถลงความร่วมมือในระดับ “Strategic Partnership” ครอบคลุมทั้งเศรษฐกิจ กลาโหม และพลังงานสีเขียว

เกาหลีใต้เห็นไทยในฐานะ “Strategic Gateway to ASEAN”

ในบทสัมภาษณ์กับ The Korea Herald

นายกฯ อนุทินย้ำว่า “ไทยพร้อมเป็นสะพานเชื่อมอินโด–แปซิฟิกกับอาเซียน”ขณะที่เกาหลีมองไทยว่าเป็น “พันธมิตรยุทธศาสตร์” ที่มีทั้งฐานอุตสาหกรรมแข็งแรงและทำเลทองในห่วงโซ่อุปทานโลก
ทั้งสองประเทศตกลงเร่งเจรจา CEPA เพื่อเชื่อมอุตสาหกรรม EV, เซมิคอนดักเตอร์ และพลังงานสะอาด โดยไทยเสนอให้ใช้โครงการ EEC (Eastern Economic Corridor) เป็นศูนย์กลางการลงทุนร่วม ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของเกาหลีใต้ในการขยายฐานเทคโนโลยีสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“กัมพูชา” และ “อาชญากรรมไซเบอร์”: เกมการทูตที่ลึกกว่าสงคราม

ประโยคที่คนไทยอาจมองข้ามคือ

“Thailand seeks closer cooperation with South Korea to curb transnational crime.”
“ประเทศไทยมุ่งเสริมสร้างความร่วมมือกับเกาหลีใต้เพื่อร่วมกันสกัดกั้นและแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ”
เพราะเบื้องหลังคือ การเชื่อมโยงปัญหากัมพูชา–ทุนเทา–คอลเซ็นเตอร์–ค้ามนุษย์ ซึ่งกำลังกลายเป็นภัยมั่นคงข้ามชาติ ไทยประกาศร่วมมือกับเกาหลีใต้ เมียนมา จีน และ UN เพื่อสกัดเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ 
นี่คือการยกระดับ “สงครามชายแดน” ให้กลายเป็น “สงครามข้อมูลและทุนเทา” ที่ไทยต้องเล่นในสนามโลก
กล่าวอีกอย่างคือ ไทยเลือก “รบด้วยกฎหมายและพันธมิตร”
แทนที่จะรบด้วยปืน เพราะเข้าใจแล้วว่าศตวรรษที่ 21
การป้องกันชาติไม่ได้อยู่ที่รถถัง แต่อยู่ที่เทคโนโลยี เศรษฐกิจ และพันธมิตรทางภูมิรัฐศาสตร์

สรุป

สื่อเกาหลีมองอนุทิน ว่าเป็นผู้นำ “สายปฏิบัติ” ผู้วางหมากเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ที่กำลังวางหมาก “ระเบิดทางเศรษฐกิจ” เพื่อให้ไทยยืนระหว่างจีน–อเมริกา–เกาหลี เขากำลังเปลี่ยนภาพลักษณ์ไทยจาก “ประเทศที่มีข้อพิพาทชายแดน” โดยการรบด้วยกฎหมายและพันธมิตร” ให้ไทยเป็น “ประเทศศูนย์กลางแห่งอุตสาหกรรมยุคใหม่และความร่วมมือข้ามชาติ 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top