หวั่นถูกตราหน้าไร้ผลงานปราบสแกมเมอร์ ‘อนทิน’รับกดดัน กลัวนานาชาติคว่ำบาตร

หวั่นถูกตราหน้าไร้ผลงานปราบสแกมเมอร์ ‘อนทิน’รับกดดัน กลัวนานาชาติคว่ำบาตร

วันอังคาร ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

หวั่นถูกตราหน้าไร้ผลงานปราบสแกมเมอร์ 

‘อนทิน’รับกดดัน

กลัวนานาชาติคว่ำบาตร

ชี้ทำงานแต่พูดหมดไม่ได้

ปปง.เช็คบิล8แสนบัญชีม้า

 

นายกฯมอบนโยบาย ปปง.ชี้สังคมสนใจภารกิจปราบสแกมเมอร์ บอกเงินเทาฟอกยังไงก็เทา ลั่นหากไม่เฉียบขาด โดนประชาชนตราหน้าว่าไม่มีผลงาน และนานาชาติใช้มาตรการคว่ำบาตร ยันเดินหน้าทำงานตลอด แต่เรื่องแบบนี้เผยไต๋หมดไม่ได้ เผย 4 หน่วยงานจ่อ ทำ MOU จับมือลุยแก้ปัญหาฟอกเงิน ด้าน “ประธาน ปปง.” แจงผลงานรอบปี ยึดทรัพย์ 2.9 หมื่นล้านบาท จัดการแล้ว 8 แสนบัญชีม้า ขอให้นายกฯ สนับสนุนระบบเอไอและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ปราบปรามอาชญากรรม


เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุม 1201 ชั้น 12 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่คณะกรรมการ คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) โดยมี นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธาน ปปง. เข้าร่วม

โดยนายฉัตรชัย กล่าวถึงแผนงานสําคัญของ ปปง.ว่า ในรอบปีที่ผ่านมา ปปง. ดําเนินการยึดทรัพย์ 2.9 หมื่นล้านบาท และดําเนินคดีอาญา 160 คดี ในส่วนที่เกี่ยวกับบัญชีที่มีความเสี่ยงสูง หรือบัญชีม้า ได้ดําเนินการไปแล้ว 8 แสนกว่าบัญชี ทําให้มีวงเงินที่ได้จากการกระทําความผิด ค้างอยู่ในบัญชี 3 พันกว่าล้านบาท ในส่วนนี้จะนําไปสู่กระบวนการคืนให้กับผู้เสียหายตามขั้นตอนต่อไป

ขอนายกฯสนับสนุนเอไอสู้อาชญากรรม

นอกจากนี้ สิ่งที่อยากจะขอสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี เนื่องจากการทํางานของปปง.เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายไทย ซึ่งมีกฎหมายเฉพาะ 2 ฉบับ คือพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และ พระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการสนับสนุน ทางการเงินแก่การก่อการ และการแพร่ ขยายอาวุธที่มีอนุภาพทําลายล้างสูง ซึ่งกฎหมายทั้ง 2 ฉบับเป็นไปตามมาตรฐานกฎหมายไทย

นายฉัตรชัย กล่าวต่อว่าขณะเดียวกันเราก็ต้องปฏิบัติตามกฎสากล ที่เป็นกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งต้องมีการประเมินการปฏิบัติ และส่งผลต่อการแซงชั่นกรณีที่เราไม่ปฏิบัติตาม อีกประเด็นสําคัญที่อยากได้รับการสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี เนื่องจากขณะนี้การดําเนินการตรวจติดตาม ระบบยังไม่เท่าทันกับมิจฉาชีพ และเมื่อมีระบบเงินตราที่เปลี่ยนแปลงไป หรือวิธีการที่ซับซ้อนมากขึ้น การรายงานทางธุรกรรมหลายประเภท หลายประเภทควรต้องมีระบบเอไอ และ เทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ เพราะปปง.ต้องเป็นหน่วยงานกลาง ที่เป็นฐานข้อมูลรองรับธุรกรรมทุกประเภท

“อนุทิน”รับกดดันปมปราบสแกมเมอร์

ด้านนายอนุทิน กล่าวช่วงต้นการประชุมว่า วันนี้ก็ต้องขอบคุณที่ท่านได้เชิญให้ตนได้มาเยี่ยมสถานที่แห่งนี้ เพราะตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งก็ได้มีโอกาสพบกับประธานปปง.และเลขาปปง. 2-3 ครั้ง ก็ได้ถามถึงภารกิจต่างๆ ซึ่งท่านก็มาพบตนที่ทำเนียบรัฐบาลก็เลยได้มีการพูดคุยกันว่าถ้ามีโอกาสก็อยากจะมาพบกันและดูการดำเนินงานของปปง. ซึ่งความเข้าใจตอนแรกตนคิดว่าสังกัดกระทรวงยุติธรรม ตนจึงไม่ได้สั่งการใดๆโดยตรงแต่หลังจากเข้ามาสังคายนาระบบภายในทำเนียบรัฐบาล ก็ทราบมาว่าปปง.เป็นหน่วยงานที่ขึ้นตรงกับนายกฯ ซึ่งความจริงงานของท่านก็มีความสำคัญมาก

แต่ว่าช่วงนี้ภารกิจงานของปปง.ได้รับการสนใจ และเป็นที่สนใจของประชาชนและสังคมมากเป็นพิเศษ

เพราะช่วงนี้ไม่มีอะไรดังไปกว่าสแกมเมอร์เรื่องอาชญากรรมทางการเงิน อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งในธุรกรรมต่างๆของมิจฉาชีพและธุรกิจประเภทนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้กับภารกิจงานของปปง.เพราะทุกอย่างต้องฟอกเงิน เงินที่ไม่สะอาดเป็นเงินที่ไม่ไม่ใช่เทา แต่เป็นเงินดำ แต่ฟอกยังไงก็ยังเป็นดำ

“เพราะฉะนั้น ผมในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานปปง.ก็ต้องยอมรับว่ามีความกดดัน และได้รับความกดดันจากประชาชน และสังคมตลอดจนประชาคมนานาชาติสูงมาก ในเรื่องของการเกิดปัญหาอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสแกมเมอร์เหล่านี้ ยิ่งถ้าเราดำเนินการไม่เฉียบขาดไม่เต็มที่ มันไม่ใช่เฉพาะว่าเราจะถูกตราหน้าว่าเราไม่มีผลงาน แต่สิ่งที่จะตามมาหลังจากนั้นคือการแซงชั่น(มาตรการลงโทษ) และถูกกีดกันจากนานาชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เราเป็นข้าราชการมีเงินเดือน เกษียณอายุยังมีเงินบำนาญมีกินมีใช้” นายอนุทิน กล่าว

กำชับปปง,ดำเนินการอย่างเต็มที่

ต่อมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่คณะกรรมการ คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ ปปง.ว่าวันนี้ ไม่ได้เป็นการมอบนโยบาย เพราะได้มอบนโยบายไปนานแล้ว แต่มาติดตามความคืบหน้า และสอบถามถึงความต้องการว่าอยากให้รัฐบาลสนับสนุนอะไรบ้าง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในในยุคที่อาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสแกมเมอร์ เป็นเรื่องที่ถูกบรรจุเป็นวาระแห่งชาติ ก็จะต้องดำเนินการให้การสนับสนุน ปปง. อย่างเต็มที่

ส่วนมีการกำชับปปง. ให้ดำเนินการอย่างเข้มข้นเพิ่มขึ้นหรือไม่เพราะถูกจับตา และมีความกังวลว่าอาจจะถูกคว่ำบาตรจากนานาชาติ นายกฯ กล่าวว่า ได้มีการพูดเรื่องนี้ในที่ประชุม เพราะไม่ใช่เฉพาะเรื่องภายในประเทศ หากไม่มีการสร้างความมั่นใจเรื่องการปราบปรามผู้กระทำผิดโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานการฟอกเงิน ก็จะมีผลต่อความเชื่อมั่นของนานาชาติต่อประเทศไทย ซึ่งไม่เป็นผลดี และจะสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศเป็นอย่างมาก ดังนััน ปปง. ต้องดำเนินการอย่างเต็มที่ ที่จะไม่ให้มีเงินดำเงินเทาเข้ามาอยู่ในระบบการเงินของประเทศไทย

4หน่วยงานเตรียมทำMOUฟันฟอกเงิน

ส่วนที่ฝ่ายค้านเรียกร้องให้นายกฯ เร่งจัดการเรื่องสแกมเมอร์นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า นายกฯไม่ต้องจัดการ เพราะเรามีปปง. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะดำเนินการ และหากตรงไหนเข้าข่าย และมีพฤติกรรมฟอกเงิน ก็มีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่จะดำเนินการซึ่งเป็นหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆ อยู่แล้ว และจากการหารือในที่ประชุม ประธาน ปปง.คนปัจจุบัน นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ก็เป็นอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งท่านได้นำเสนอ ว่าจะเร่งทำบันทึกความร่วมมือ โดยมี 4 หน่วยงานหลักคือ ปปง. กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และดีเอสไอ มาทำข้อตกลงในการทำงานร่วมกัน เพื่อปราบปรามการฟอกเงิน การใช้ระบบปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและเรื่องสแกมเมอร์ทั้งหลาย เพราะเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ โดยจะลงไปถึงระดับปฏิบัติ คือผู้ว่าราชการจังหวัดด้วย

ชี้หากพูดทั้งหมดเท่ากับแบไต๋

เมื่อถามถึงกรอบระยะเวลาในการดำเนินการ แก้ปัญหาสแกมเมอร์ นายกฯ กล่าวว่า เรารีบอยู่แล้ว ขณะนี้สามารถอายัดวงเงินได้ 2 หมื่นกว่าล้านบาทแล้ว และมีการทยอยฟ้อง บางทีเรื่องพวกนี้ พูดไม่ได้ คนก็เลยนึกว่าไม่ได้ทำอะไร แต่ของพวกนี้ต้องใช้การข่าว ต้องไปสืบสวน เจาะลึกลงรายละเอียด หากมีหลักฐานครบถ้วนก็ดำเนินการทันที ซึ่งไม่ใช่เฉพาะ ปปง. แต่ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็รายงานทุกวัน ถึงการอายัดทรัพย์ผู้กระทำผิด รวมถึงเรื่องยาเสพติด บ่อนการพนัน ค้ามนุษย์ ทั้งหมดมีการดำเนินการ แต่ของพวกนี้หากพูดทั้งหมดก็เท่ากับว่าเผยไต๋ แบบนั้นไม่ได้ เรื่องพวกนี้ต้องมีวิธีการมีเครื่องมือ และเทคโนโลยี ที่ต้องนำหน้าผู้กระทำผิด เราเป็นรัฐเราต้องเหนือกว่า ต้องควบคุมทุกอย่าง

เมื่อถามว่า ได้รับรายงานหรือไม่ว่าขณะนี้แก๊งสแกมเมอร์มีการมาตั้งฐานในประเทศไทยมากขึ้น นายกฯ กล่าวว่า ตนก็พูดแล้วว่าอย่าไปสนใจฝ่ายตรงข้ามหรือนอกบ้านมาก ตนยังบอกเลยว่าหากพาเลขาฯ ปปง. ไปเดินจะพบกับรังสีอำมหิตแน่นอน จะรู้ได้ทันทีว่ามีอะไรที่ไม่ถูกต้องก็ให้ไปดำเนินการตรงนั้น ซึ่งตนเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ทราบหมด ตนก็แค่บอกว่าให้เร่งดำเนินการ เพราะเป็นที่สนใจของประชาชน และเราถูกกดดันจากประชาคมโลกด้วย ซึ่งจากที่ตนไปประชุมอาเซียนซัมมิท และประชุมเอเปค กลับมาก็มีเรื่องนี้เช่นเดียวกัน

ส่วนกรณีที่ ปปง. ขอให้ช่วยสนับสนุนระบบเอไอเข้ามาในการทำงานนั้น นายกฯ กล่าวว่า ก็ขอให้นำเสนอขึ้นมา เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนและสำคัญ เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ หากเสนอขึ้นมาและต้องใช้งบกลางก็ต้องใช้

ตากปิดยอดจับต่างชาติจากเคเคปาร์ค

พ.อ.ชนกานต์ แสงศร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจราชมนู (ผบ.ฉก.ราชมนู) กองกำลังนเรศวร (กกล.นเรศวร )เปิดเผยว่า ฉก.ราชมนู ได้รับการประสานจาก ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก (ตม.จ.ตาก) เกี่ยวกับการดำเนินการกับบุคคลชาวต่างชาติ/ต่างด้าว ณ สำนักงานฯ สะพานมิตรภาพไทย -เมียนมา แห่งที่ 2 ว่าทาง ตม.จ.ตาก ขอปิดยอดบุคคลชาวต่างชาติ สัญชาติต่างๆ ที่อพยพข้ามมาจากโครงการเคเคปาร์ค( KK Park) ในยอดจำนวน 1,598 คน (ชาย 1,333 คน ,หญิง265 คน ) ในวันที่ 3 พ.ย. 68 เวลา 07.00 น.

สำหรับการจับกุมชาวต่างชาติ/ต่างด้าว หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตั้งแต่ 2 พ.ย.68 ให้ส่งตัวดำเนินคดีตามสถานีตำรวจในท้องที่ ตามขั้นตอนปกติ ส่วนการดำเนินคดีผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ให้ส่งดำเนินคดีใน 5 พื้นที่อำเภอชายแดน จังหวัดตาก ประกอบด้วย สภ.ท่าสองยาง สภ.แม่ระมาด สภ.แม่สอด สภ.พบพระ และสภ.อุ้มผาง

รวบ9ชาวจีนคาดเอี่ยวแก๊งสแกมเมอร์

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สายตรวจ สภ.ไม้รูด สนธิกำลังตรวจคนเข้าเมืองตราด สอบตรวจรีสอร์ตแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ไม้รูด อ.คลองใหญ่ จ.ตราด หลังพบความเคลื่อนไหวต้องสงสัย พบชาวจีน 9 คน พักอยู่ภายในห้อง พร้อมโทรศัพท์มือถือ 48 เครื่อง

เบื้องต้นพบว่ามีชายชาวไทยขับรถมาเปิดห้องไว้ก่อน จากนั้นมีรถตู้พาชาวจีนกลุ่มนี้เข้ามาพักในช่วงเย็นวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนหลบหาย ติดต่อไม่ได้ ตำรวจอยู่ระหว่างสอบสวนชาวจีนทั้งหมด โดยใช้ล่ามภาษาจีนช่วยแปล ซึ่งให้การไม่ตรงกัน บางคนอ้างเข้ามาทางทะเล บางคนบอกมาทางช่องธรรมชาติ

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top