วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
“บิ๊กต่าย” ไม่ขอเอ่ยชื่อคนนอกโจมตีองค์กรตำรวจ ขอก้มหน้าก้มตาทำงาน แต่ฝากถึงอดีตคนกรมปทุมวัน อย่าทำร้ายบ้านตัวเอง พูดอะไรต้องรับผิดชอบ
วันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 เวลา 12.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.ออกมาแฉรายวัน เหมือนกับเป็นการแค้นส่วนตัวภายในองค์กรตำรวจหรือไม่ ว่า ตนไม่ขอเอ่ยชื่อใคร ส่วนจะแค้นหรือไม่แค้น มีอะไรที่จะพูดรายวันก็พูดไป พวกเราเป็นตำรวจมีหน้าที่ก้มหน้าก้มตาทำงานดีกว่า
เมื่อถามถึงกรณีมีอดีตนายตำรวจบางคนไม่พอใจและไปยื่นหนังสือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะมองว่าการออกมาแชร์ข้อมูลในลักษณะนี้เป็นการทำลายองค์กรตำรวจ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า อย่างที่ตนบอก บางประโยคหรือคำพูดที่ออกมาต้องรับผิดชอบ เพราะอาจจะกระทบกับความรู้สึกในจิตใจของข้าราชการตำรวจที่รับราชการอยู่ หรือนอกราชการอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นสิทธิของแต่ละคนที่จะแสดงความคิดเห็น หรือแสดงสิทธิตามกฎหมาย ตนมีหน้าที่จะต้องอดทน ขอก้มหน้าก้มตาทำงานดีกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่องค์กรตำรวจถูกโจมตีเช่นนี้ จะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีหรือไม่ เพื่อให้เป็นกรณีตัวอย่าง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนขอไปพิจารณา แต่จริงๆ แล้วคิดว่าอยากให้แต่ละคนได้มีหิริโอตัปปะ มีธรรมะของตัวเอง พวกตนเป็นตำรวจ คนที่ทำงานที่ดีก็มี เรามีหน้าที่ทำงานเพื่อประชาชน เสียงสะท้อนต่างๆ มีจากทั้งฝั่งสนับสนุนและจากอีกฝั่ง แต่ตนไม่ต้องการแฟนคลับ ต้องการทำงาน และไม่ต้องการมายืนแบบนี้ด้วย แต่อยากให้ตำรวจทุกนายทำงาน มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาเรื่องสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวง ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ ทำหน้าที่ป้องกัน ปราบปราม สืบสวนสอบสวน ช่วยเหลือ แต่ใครที่แอบแฝงอยู่วงการของเรา ขอให้ออกมา ตนเอาเรื่องทั้งหมด
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า แต่ตอนนี้คนที่ทำงานจะรู้สึกอย่างไร เขาทำงานเสียสละเป็นสโตรกจนล้ม นอนติดเตียง บางคนไปทำงานรบต่อสู้พิการขาขาด คนเหล่านั้นเป็นสแกมเมอร์หรือ ตนมองว่าไม่เป็นธรรมกับคนที่เป็นตำรวจดี คนไม่ดีก็ขอหลักฐานมา ตนก็ดำเนินการตามกฎหมายได้ คนทำผิดก็มีความชัดเจนแล้วในหลายกรณี ทั้งให้ออกจากราชการ เอาผิดอาญา และเอาผิดทางวินัย ตนคิดว่าเรื่องนี้ขอถือความสงบในใจเป็นหลัก ยิ่งนายกรัฐมนตรีได้เปิดเวทีบันทึกความเข้าใจ ตนรู้สึกดีใจอย่างมาก เพราะเวลาเราทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันปราบปราม สืบสวนสอบสวน เรามีความจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ ต้องประสานจับมือให้แน่น ซึ่งการป้องกันที่นายกฯได้บอกว่าเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และต้องตรวจสอบ ก่อนการโอนเงินในบัญชีธนาคารออนไลน์
เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรถึงคนที่เคยอยู่กรมปทุมวัน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า นี่คือบ้านเรา นี่คือสิ่งที่เคยให้ที่พำนัก ให้ที่อยู่ให้ที่กิน ให้เงินเดือน ให้อาชีพเรา ตนเองก็เติบโตมาจากครอบครัวเล็กๆ พ่อเป็นตำรวจ ยิ่งพ่อเป็นตำรวจเราต้องเข้าใจตำรวจ เราจะพูดอะไรหรือคิดอะไร ต้องเข้าใจพื้นฐานตำรวจ เป็นสถาบันเป็นองค์กรที่ฝึกฝนเรามา ตนเติบโตมาจากครอบครัวที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความเมตตากตัญญู และตนเติบโตมาจากโรงเรียนเตรียมทหาร ที่สอนให้ตนมีวินัย ซื่อสัตย์ รักชาติ รักสถาบัน และมีความเป็นทหารอยู่ในตัว และตนได้ถูกฝึกอบรมจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ วินัยตำรวจ วินัยทหาร อุดมคติของตำรวจ ปลูกฝังอยู่ในความคิดของตน และความคิดของตนคือประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้อะไรกับเราจนเกษียณ เราพ้นราชการไปให้สวัสดิการเราอย่างไร เราต้องสำนึกต่อบุญคุณที่องค์กรนี้ให้มา
“การกล่าวหาต่อองค์กร เป็นเรื่องที่ร้ายแรงและรุนแรง กระทบต่อความรู้สึกและจิตใจของตำรวจทั้งประเทศ ตำรวจท่านใดจะแสดงความคิดเห็นเช่นไร ในการรับราชการอยู่ต่อ ก็ว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องมีการหารือกันว่า เรื่องนี้จะกระทบและมีการดำเนินการตามกฎหมายหรือไม่อย่างไร คงต้องหารือกันก่อน แต่ขอเรียนว่า ไม่ว่าจะเป็นคำพูด ความเห็นตำหนิ เปิดเผย เรารับมาทั้งหมด และจะปรับปรุงตัวเอง เพื่อเดินหน้า ทำงานให้เกิดความสำเร็จ ในภัยคุกคามที่เกิดขึ้นนี้ให้ได้ ส่วนอะไรที่รุนแรงไป มันเป็นคำพูด คนพูดก็ต้องรับผิดชอบ ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น”พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี