‘เขมร’เหลี่ยมจัด  ขอเก็บทุ่นระเบิด  แค่5จาก13พื้นที่  ไม่รวม‘ตาควาย’

‘เขมร’เหลี่ยมจัด ขอเก็บทุ่นระเบิด แค่5จาก13พื้นที่ ไม่รวม‘ตาควาย’

วันศุกร์ ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

“บิ๊กเล็ก”รับเขมรต่อรอง ขอเก็บกู้ทุ่นระเบิด 5 พื้นที่ จากที่ฝ่ายไทยเสนอ 13 พื้นที่ ไม่ครอบคลุม ปราสาทตาควาย ย้ำดำเนินการต่อขอใช้หลักเจรจา ส่วนใช้กำลังเป็นหนทางสุดท้าย ด้านโฆษก ทบ.เผยพบทหารเขมร วางทุ่นระเบิดอีก2 ที่ช่องอานม้า จ.อุบลฯ แถมวางสิ่งกีดขวางเส้นทางลาดตระเวนที่ช่องบก

เมื่อวันที่ 6พฤศจิกายน พล.อ.ณัฏฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เป็นเขตอธิปไตยของไทย เพียงแต่ช่วงนี้เราจะทำในสิ่งที่ได้ตกลงกับฝ่ายกัมพูชางานสำคัญ มีอยู่ 5อย่างคือ 1.การถอนอาวุธหนัก 2.การเก็บกู้ทุ่นระเบิด3.การบริหารจัดการชายแดน 4.การสร้างรั้วชายแดนตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาระยะทาง 798 กิโลเมตร และ 5.การปราบปรามสแกมเมอร์ งานอื่นๆยังเหลืออีกมากมาย ทางกองทัพไม่ได้นิ่งนอนใจ จะต้องพูดคุยกับฝ่ายกัมพูชา อีกครั้ง


“ผมไม่ได้หมายความว่าจะต้องใช้กำลัง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าจะไม่ต้องใช้กำลังในภายหลัง แต่ในเบื้องต้นจะแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี ผ่านกลไกทวิภาคี ที่ยังคงเดินต่อไปได้คือคณะกรรมธิการชายแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC)คือสิ่งที่เตรียมการไว้ หากเราทำ 5 อย่างได้สำเร็จก็จะเป็นสัญญาณที่ดี ทุกอย่างจะมีความคืบหน้า แต่ถ้าทำพร้อมกันมากกว่า5 เรื่อง จะเกินขีดความสามารถของรัฐบาลและกองทัพ แต่ยืนยันกับประชาชน เราไม่ได้ละทิ้งหรือละเลยแต่ขอให้ทำตามลำดับ สถานการณ์ปัจจัยสภาพแวดล้อมที่จะสามารถดำเนินการได้” พล.อ.ณัฐพล กล่าว

เมื่อถามว่ากรณีปราสาทตาควาย หากการเจรจาไม่ได้ข้อยุติการใช้กําลังอาจจะเกิดขึ้นในอนาคตใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ใช่ แต่เราจะใช้แนวทางสันติวิธีก่อน โดยใช้กลไกที่มีอยู่ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเข้าตีคืน เว้นแต่ว่าเกิดอุบัติเหตุที่เราไม่คาดคิด การใช้กำลังก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเก็บกู้ทุ่นระเบิดใน13 พื้นที่ซึ่งฝ่ายไทยเสนอไป ฝ่ายกัมพูชาต่อรองเหลือ 5 พื้นที่นำร่อง ในส่วนพื้นที่ปราสาทตาควายกัมพูชา ไม่ตอบรับ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เราดำเนินการใน 5 พื้นที่ไปก่อน หากเรียบร้อยก็จะมาพูดคุยในอีก 8 พื้นที่ว่าจะทำอย่างไร หากสถานการณ์มีความคืบหน้าไปเรื่อยๆ เชื่อว่าบรรยากาศจะคลี่คลาย

ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงสถานการณ์พื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา หลังจากทั้งสองประเทศเริ่มดำเนินการถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ความขัดแย้งตามแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ที่ตกลงร่วมกันว่าการถอนอาวุธหนักในขั้นที่ 1 ได้แก่ อาวุธประเภทจรวด ยังคงเป็นไปตามแผนที่ตกลงกันไว้ โดยมีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนของทั้งสองประเทศติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ในส่วนของการเก็บกู้ทุ่นระเบิดก็มีความคืบหน้าเช่นกัน ตามที่กองบัญชาการกองทัพไทย โดย TMAC ได้ออกมาชี้แจงให้ทราบเป็นระยะๆ

พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า สำหรับกองกำลังป้องกันชายแดน ทั้งกองทัพภาคที่ 1และกองทัพภาคที่ 2 ยังคงวางกำลังและใช้มาตรการเฝ้าตรวจพื้นที่อย่างเข้มงวด เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่รับผิดชอบให้เป็นไปตามข้อตกลงร่วมกันตามผลการประชุมทวิภาคีในทุกระดับโดยการเฝ้าตรวจพื้นที่ห้วงที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 2-3 พฤศจิกายน 2568 บริเวณเนิน 677 ใกล้กับช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารได้ลาดตระเวนพื้นที่ ตรวจพบทุ่นระเบิด PMN-2รวม 2 ทุ่น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เก็บกู้เป็นที่เรียบร้อย

นอกจากนี้เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ในพื้นที่ด้านทิศตะวันตกของช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยลาดตระเวนเฝ้าตรวจพื้นที่ ได้ตรวจพบทหารกัมพูชา6 นาย นำไม้ไผ่มาวางขวางเส้นทางลาดตระเวนของฝ่ายไทย จึงได้เข้าเจรจา โดยชี้แจงว่าเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางลาดตระเวนตามปกติ หลังจากการพูดคุยทำความเข้าใจกัน ฝ่ายกัมพูชาได้รื้อสิ่งขวางทางออก และเจ้าหน้าที่ไทยจึงลาดตระเวนต่อไปได้ตามปกติ ต่อมาวันที่ 5พฤศจิกายน ชุดลาดตระเวนของไทยได้เข้าพื้นที่เดิมอีกครั้งเพื่อยืนยันความเรียบร้อย ซึ่งเหตุการณ์ทั่วไปเป็นปกติ ไม่มีการเข้ามาขัดขวางของฝ่ายกัมพูชาแต่อย่างใด

ด้าน พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษา ผบ.ทบ.และอดีตแม่ทัพภาคที่ 2กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณปราสาทตาควาย ว่าเรื่องนี้ต้องให้ผู้ที่มีอำนาจเข้าไปแก้ไข และทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ตนมั่นใจว่าจะสามารถแก้ไขได้ ยืนยันปราสาทตาควายยังเป็นของไทยอยู่ และมองว่าควรจะเริ่มจากมาตรการเบาคือการพูดคุยกันก่อน เข้าสู่โต๊ะเจรจาก่อนเป็นลำดับแรก เมื่อถามว่า ประชาชนบางส่วนมองว่าให้ใช้กำลังเอาปราสาทตาควายคืนกลับมา บางส่วนให้รอก่อน โดยใช้เทคโนโลยี(ไลดาร์)ในการวัดพื้นที่ พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ทั้ง 2 วิธีนี้น่าจะเดินคู่กันได้ ซี่งไลดาร์ เป็นฝ่ายเทคนิค เราต้องคุยกับกรมแผนที่ทหาร ว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้ ถ้าใช้แล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง ยุติธรรมหรือไม่ โดยเฉพาะผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นอย่างไร ต้องคุยกันให้เข้าใจถึงจะใช้วิธีนั้น

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top