วันอาทิตย์ ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
‘เขมร’ยอมลงนาม
เปิดทางกองทัพไทยสร้างรั้ว
แนวชายแดนจังหวัดจันทบุรี
“ไทย-กัมพูชา” ลงนามรับรอง “เอกสารเทคนิค” สร้างรั้วระหว่างหลักเขต 52-59 แล้ว เตรียมเข้าสู่ ขั้นตอน “ปักหลักเขตชั่วคราว” อย่างเร่งด่วน เผยมีงบฯพร้อมทั้งจากรัฐบาล กองทุนหทัยทิพย์ ย้ำชัด เสริมความแข็งแกร่งตามแนวชายแดนในพื้นที่ ฉก.นย.จันทบุรี โดยเร็วที่สุด ด้าน “แม่ทัพภาคที่ 2” ยืนยันหนักแน่น “ปราสาทตาควายเป็นของไทยแน่นอน” ย้ำประชาชนไม่ต้องกังวล ทหารพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์
วันที่ 8 พ.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการสร้างรั้วชายแดน พื้นที่หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี (ฉก.นย.จันทบุรี) ในการกำกับดูแลของทางกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายไทยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย หัวหน้าคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ได้ลงนาม และทางฝ่ายกัมพูชาได้พิจารณารับรองเอกสารทางเทคนิค (Technical Instruction : TI) สำหรับการสำรวจและติดตั้งหลักเขตแดนชั่วคราวระหว่างหลักเขตที่ 52-59 ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ 1-2 เรียบร้อยแล้ว ในขั้นต่อไปจะดำเนินการขั้นที่ 3 คือการสำรวจแนวเขตและปักหลักเขตชั่วคราว โดยได้นัดกับทางฝ่ายกัมพูชา มาดำเนินการในเร็ววันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 4 พ.ย.68 ที่ผ่านมา ชุดสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา โดยมี พ.อ.ยุทธพล สุจริต แม่กองสนามฯ ฝ่ายไทย นายพรมเซือน วัฒนะ แม่กองสนามฯ ฝ่ายกัมพูชา ได้ร่วมหารือการจัดทำคำแนะนำทางเทคนิคในการสำรวจและกำหนดหมุดชั่วคราว ระหว่างหลักเขตแดนที่ 52-59 พร้อมทั้งได้ลงนามเห็นชอบร่วมกันในคำแนะนำทางเทคนิคดังกล่าว โดยมี น.อ.ปรัชญา หาญเทียม ผบ.ฉก.นย.จันทบุรี น.อ.แทน ทองรับแก้ว รอง ผบ.ฉก.นย.จันทบุรี น.อ.วีระเชษฐ์ ขยันทำ หน.ชค.ทพ.นย.2 และนายสิทธินนทร์ เชียรชีระสกุล กำนันตำบลเทพนิมิตร เข้าร่วมหารือ ณ ด่านผ่านแดนถาวรช่องโดง อ.ก็อมเรียง จ.พระตะบอง ประเทศกัมพูชา
ขณะที่งบประมาณในการสร้างมีพร้อมแล้ว รวมถึงกองทุนหทัยทิพย์ ภายใต้มูลนิธิจุฬาภรณ์ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี
“บิ๊กเล็ก”เยี่ยมภูมะเขือ
ด้าน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์ ชายแดนไทย–กัมพูชา ในพื้นที่อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยสวมชุดสนามและเสื้อกั๊ก MoD ลงพื้นที่ตรวจแนวชายแดน พร้อมสร้างขวัญและกำลังใจให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำฐานปฏิบัติการสำคัญ ได้แก่ ฐานปฏิบัติการภูมะเขือ ฐานปฏิบัติการพลาญยาว และฐานปฏิบัติการป้อมปูน ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี
การลงพื้นที่ครั้งนี้ พล.อ.ณัฐพล ได้รับการรายงานสถานการณ์จาก พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 และ พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ซึ่งได้นำตรวจพื้นที่และสรุปภาพรวมการปฏิบัติการ รวมถึงแนวทางการเฝ้าระวังสถานการณ์บริเวณชายแดน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้กล่าวสอบถามความเป็นอยู่ของกำลังพล พูดคุยแลกเปลี่ยนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ พร้อมร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับทหารประจำฐานปฏิบัติการ และมอบสิ่งของจำเป็นเพื่อใช้สนับสนุนภารกิจ
พล.อ.ณัฐพล ยังได้ย้ำให้หน่วยกำลังรบให้ความสำคัญกับการดูแลสวัสดิการ ขวัญ และกำลังใจของกำลังพลในทุกระดับ รวมถึงให้มีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาความสงบและความมั่นคงตามแนวชายแดนต่อไป
ทัพ2ทวงคืนแน่ปราสาทตาควาย
พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงประเด็นการทวงคืนปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ โดยเน้นย้ำให้ประชาชนอย่าได้กังวล พร้อมยืนยันความพร้อมของกำลังพลว่า ทหารไทยมีการเตรียมพร้อมและวางแผนไว้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องการทหารที่ต้องพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์ในทุกด้าน แม้รายละเอียดทางยุทธการทหารจะเปิดเผยไม่ได้ แต่ยืนยันว่า ปราสาทตาควายคือของประเทศไทย
ด้าน พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบก อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 และอดีต ผอ.กอ.รมน.ภาค 2 กล่าวภายหลังเป็นประธานบรรยายพิเศษในหัวข้อ “เรื่องเล่าหลังเกษียณแม่ทัพกุ้ง: ภารกิจใหม่หัวใจดวงเดิม” บริเวณชั้น 1 เซ็นทรัลโคราช อ.เมือง จ.นครราชสีมา ท่ามกลางประชาชนชาวโคราชและแฟนคลับที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดเข้าร่วมรับฟังอย่างคับคั่ง เมื่อวันที่ 7 พ.ย.68 ที่ผ่านมา โดยกล่าวถึงประเด็นความขัดแย้งเกี่ยวกับปราสาทตาควาย ยืนยันหนักแน่นว่า ผู้ใหญ่หลายฝ่ายได้ออกมา ยืนยันแล้วว่าเป็นของไทย แต่ขั้นตอนการทวงคืนนั้นเป็นหน้าที่ของผู้รับผิดชอบด้านความมั่นคงที่จะต้องหารือกับผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ซึ่งทราบว่ามีแผนรองรับไว้แล้ว แนวโน้มเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่ต้องรอดูขั้นตอนปฏิบัติอย่างรอบคอบ โดยจะเริ่มจากมาตรการเบาไปหาขั้นตอนที่เด็ดขาด
อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ชี้ว่าการแก้ปัญหาชายแดนอย่างยั่งยืนขึ้นอยู่กับการเจรจาระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์และความจริงใจของผู้นำกัมพูชา ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้และนำมาสู่การปะทะและมาตรการปิดด่านที่เข้มงวดนั้น เกิดจากผู้นำกัมพูชาที่มีลักษณะไม่ค่อยจะจริงใจ
แนะรัฐบาลอย่ารีบเปิดด่านพรมแดน
สำหรับเรื่องความกังวลของประชาชนเกี่ยวกับการเปิดด่านพรมแดนนั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีและผู้ใหญ่ในรัฐบาลรับทราบในเรื่องนี้ดี และจะต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เพราะการเปิดด่าน คือ การคืนความเข้มแข็งให้กับกัมพูชา รวมถึงการคืนหลายๆ อย่างทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี การเข้าออกที่ง่ายขึ้นก็คือปัญหา ดังนั้น จึงควรเปิดด่านเมื่อมีการพูดคุยและเข้าใจตรงกันในทุกเรื่องแล้ว จึงจะไม่เกิดปัญหา
“ผมเป็นกำลังใจให้กับนายกฯ และทุกเหล่าทัพ เชื่อมั่นว่าทุกท่านได้หารือพูดคุยกันอยู่แล้วเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก...ตอนนี้ต้องดูว่ากัมพูชาจริงใจกับเรารึเปล่า หลังจากลงนามหลายๆ ฉบับ รวมทั้งผู้สังเกตการณ์จากประเทศที่สาม ก็ต้องดูความจริงใจในการแก้ปัญหา” พล.ท.บุญสิน กล่าว
อย่างไรก็ตาม พล.ท.บุญสิน เห็นว่าข้อตกลงที่นายกฯไปลงนามก็ทำให้ทุกอย่างเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น เริ่มมีการถอนอาวุธหนักเพื่อลดความตึงเครียด จึงวอนให้ประชาชนคนไทย ใจเย็น อย่าเพิ่งใจร้อน รอให้รัฐบาลได้แก้ปัญหาอย่างเต็มที่ เนื่องจากนายกฯ กำลังเผชิญกับแรงกดดันหลายอย่าง และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ระหว่างสองฝ่าย
ประดับยศ “ผู้กอง” บน “ปราสาทตาเมือน”
วันเดียวกัน พ.ท.จักรกฤษ ปิยะศุภฤกษ์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 23 (ร.23 พัน 4) และผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กองกำลังสุรนารี ได้เป็นประธานในพิธีประดับเครื่องหมายยศให้กับกำลังพลนายทหารสัญญาบัตร ที่ได้รับการเลื่อนยศเป็น “ผู้กอง” (ร้อยเอก) ในขณะปฏิบัติราชการสนาม โดยมีทหารนายสิบและพลทหารร่วมแสดงความยินดีในบรรยากาศแห่งความภาคภูมิใจ
ซึ่งพิธีดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ทหารจาก ร.23 พัน 4 ยังคงประจำการและดูแลรักษาพื้นที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างปราสาทตาเมือน ซึ่งถูกเปรียบเสมือนเป็นบ้านของกำลังพล
สำหรับปราสาทตาเมือน เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญทางยุทธศาสตร์ที่ทหารกัมพูชาเคยพยายามเข้ายึดในวันปะทะวันแรก เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่กำลังพลทหารไทยสามารถรักษาพื้นที่ไว้ได้ โดยการประดับยศครั้งนี้ถือเป็นขวัญและกำลังใจสำคัญให้กับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่แนวหน้าในการปกป้องอธิปไตยของประเทศอย่างต่อเนื่อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี