วันจันทร์ ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
"แพทองธาร-จุลพันธ์"ร่วมงาน MOONSHOT FORUM ลั่นต้องฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง จ่อนำเอไอพัฒนานโยบาย บอกขอให้มั่นใจจะมีนโยบายดีๆ พัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทยได้แน่นอน
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 ที่พารากอนซีนีเพล็กซ์ โรงภาพยนต์ที่ 13 พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดงาน MOONSHOT FORUM ครั้งที่ 1 ภายใต้ หัวข้อ “ยกเครื่อง 30 บาท ด้วย AI รักษาดี อยู่ดี ตายดี” โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เข้าร่วมงาน
โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวเปิดงานว่า ตนรู้สึกว่าเป็นเกีรยติอย่างยิ่งที่ได้มาพบทุกคน ตนไม่ได้ขึ้นเวทีมานาน รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย การเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ของโลกมักจะเริ่มคำถามที่ว่าง่ายๆ ว่าเราจะสามารถทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนดีขึ้นได้อย่างไร เราจะทำให้คุณภาพชีวิตของคนดีขึ้นได้อย่างไร คำถามง่ายๆ เช่นนี้ได้สร้างนโยบายใหญ่ๆให้กับโลก ให้กับประเทศมานับไม่ถ้วน การที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ตนเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงต่างๆ คงไม่ได้มาจากการที่เราไปดูตัวเลข คำนวณหรือเอกสาร วิจัยหนาเป็นเล่มๆ และสร้างการเปลี่ยนแปลงจริงๆ แต่มันมาง่ายกว่านั้นเยอะ มาจากความฝันของคน มาจากประสบการณ์ของคนที่เจอมาแล้วว่าทำอย่างไรให้โลกนี้เกิดการเปลี่ยนแปลง จะทำอย่างไรให้มีเครื่องมือสำหรับทำให้คุณภาพชีวิตของคนดีขึ้นได้
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า ความฝันที่มีเป้าหมายนั่นคือพลังที่สำคัญที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ นโยบายดีๆ ของพรรคเพื่อไทยตั้งแต่สมัยไทยรักไทยก็เช่นกันเกิดจากการที่เรามารวมตัวกันแล้วมองเห็นว่าคุณภาพชีวิตของคนสามารถดีขึ้นได้ เราเกิดนโยบายที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศเมื่อ 24 ปีที่แล้ว นั่นคือนโยบายที่ทุกคนรู้จัก และคิดว่ามีโอกาสได้ใช้กันถ้วนหน้าคือนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค
น.ส.แพทองธาร กล่าวด้วยว่า นโยบายนี้เมื่อเกิดขึ้นแล้ว เกิดความเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิตของคนไทยเป็นอย่างมาก ทำให้คนที่ไม่สบายเป็นโรคเรื้อรัง หรือมีคนในครอบครัวเจ็บป่วย มีความหวังว่าหากเราป่วยขึ้นมาจริงๆ แล้วเราไม่จำเป็นต้องล้มละลาย เราไม่จำเป็นต้องไปกู้หนี้ยืมสิน หรือสร้างหนี้ให้กับตัวเองและครอบครัว มี 30 บาทจ่ายได้ หายได้ รักษาได้ นี่คือสิทธิ์ขั้นพื้นฐาน ฃที่ทุกคนในประเทศควรจะได้รับ และพรรคไทยรักไทยในวันนั้น ภายใต้การนำของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้เกิดขึ้นจริง พอส่งต่อมาถึงรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เราทราบดีว่าทุกวันนี้เทคโนโลยีเป็นที่สำคัญมาก เราจึงนำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนา เข้ามาปรับปรุงนโยบายให้สามารถใช้ได้ดีมากขึ้น ทั่วถึงมากขึ้น และเกิดประโยชน์กับคนหมู่มากยิ่งขึ้น
“วันนี้อุปสรรคที่เข้ามาเป็นเรื่องของเทคโนโลยี และเรื่องของเอไอเป็นสำคัญ หากเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านหรือประเทศอื่นๆ ในโลกก็อาจจะมีการตกขบวนไปบ้าง แต่แน่นอนว่าเราต้องการศักยภาพในเรื่องของการเมืองด้วย ฉะนั้น การพัฒนาอย่างต่อเนื่องมีส่วนสำคัญอย่างมาก” น.ส.แพทองธาร กล่าว
น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า วันนี้เราต้องสร้างนโยบายเช่นนี้ให้เกิดขึ้น นโยบายที่กล้าฝันไปเกินกรอบ เกินในสิ่งที่เรารู้สึกว่าอาจเป็นไปไม่ได้ เพราะโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ตอนนั้นที่ทำขึ้นมาก็ไม่มีใครเชื่อว่าจะทำนโยบายนี้ได้สำเร็จ มีคำพูดว่ากล่าวนโยบาย 30 บาทมากมาย แต่วันนี้พิสูจน์ได้เห็นแล้วว่ามันเกิดขึ้นจริงและช่วยชีวิตของคนในประเทศได้จริงๆ นี่คือสิ่งที่พรรคเพื่อไทยอยากผลักดันให้เกิดเกิดขึ้นจริง ให้ได้นโยบายที่กินได้ นโยบายที่ดีต่อชีวิตคนจริงๆ นี่คือการที่เป็นดีเอ็นเอแท้ๆ ของพรรคเพื่อไทย
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า สำหรับ Moon Shot Forum ตนอยากให้ทุกคน มีความหวัง มีความฝันมากยิ่งขึ้น กล้าฝันให้ไกลแล้วไปถึง ทำมันให้เกิดขึ้นจริงให้ได้ วันนี้ Moon Shot Forum ได้มีการเชิญคนมีความรู้มาสนทนากัน และคิดถึงนโยบายใหม่ๆ ด้วยว่าอะไรบ้างที่จะเป็นพื้นฐานคุณภาพชีวิต และสามารถทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทยดีขึ้น นี่เป็นสิ่งที่วางแผนกันต่อ และอยากให้คนไทยทุกคนมีความฝันเล็กๆ ที่สามารถทำให้ใหญ่ขึ้นได้ และเกิดขึ้นจริงได้ และขอให้มั่นใจว่าเราจะมีนโยบายดีๆ ที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยได้แน่นอน
ขณะที่ นายจุลพันธ์ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ว่า ตนแสดงความปลื้มยินดีเป็นอย่างยิ่งกับกิจกรรมนี้ ซึ่งเป็นวันที่เราจะมาปลุกจินตนาการ ปลุกความฝันร่วมกัน ขอเรียนว่าเพื่อไทยตั้งแต่ทำนโยบาย ต้องใช้คำว่าชาเลนจ์จำนวนมาก มีนโยบายที่แหวกแนว หรือมีนโยบายที่ก้าวหน้า ซึ่งหลังจากที่เลือกตั้งครั้งล่าสุดที่ผ่านมา มีโอกาสไปเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มีสื่อมวลชนจำนวนมากถามคำถามโดยเฉพาะในช่วงสองสัปดาห์หลังที่เป็นหัวหน้าพรรคว่า หลังจากเป็นรัฐมนตรีพบว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคอะไรในการทำงานบ้าง
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า คำตอบที่ตนให้คือสำคัญในเรื่องของอุปสรรคและเรื่องของรัฐราชการที่เข้มแข็งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอุปสรรคในการเดินหน้า เนื่องจากมีการปฏิวัติรัฐประหาร และครองอำนาจยาวจนถึง 10 ปีภาครัฐราชการที่แข็งและขาดความยืดหยุ่น สิ่งที่ตามมาคือจินตนาการและความฝันหายไปจากสังคม และหายไปจากภาคข้าราชการ มีนโยบายที่ล้ำหน้าและแปลกแหวกแนว เมื่อนำเสนอเข้าไปกลับพบแรงต้านที่ค่อนข้างมาก วันนี้สิ่งที่ต้องทำคือปลุกความฝันกลับคืนมา
นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า ตนได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่ม ซึ่งพูดถึงเรื่องการทำนโยบายของภาครัฐ ต้องตั้งเป้าให้ไกลและครบวงจร ซึ่ง จอห์น เอฟ. เคนเนดี อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เคยจะส่งจรวดไปที่ดวงจันทร์ ซึ่งในวันนั้นไม่มีใครเชื่อ สิ่งที่เขาเคยระบุว่า ที่เราส่งจรวดไปดวงจันทร์ ไม่ใช่เพราะง่ายแต่เพราะยาก และเป็นสิ่งที่จำเป็นกับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของมนุษยชาติ และนโยบายที่เราทำมาในอดีต ในวันที่เราออกนโยบายมา เราถูกปรามาสตั้งข้อสงสัย จนกระทั่งวันนี้เราทำมันสำเร็จและก้าวกระโดดกลายเป็นสวัสดิการที่สำคัญของประชาชน และวันนี้เราต้องตั้งโจทย์สำคัญในการเดินหน้านโยบายต่างๆ เช่น 30 บาท หรือการแก้ไขระบบน้ำทั้งระบบ หรือการแก้ไขเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ทั้งหมดนี้เราต้องตั้งโจทย์ให้ไกล แล้วไปให้ถึง ซึ่งเป็นภารกิจของพรรคเพื่อไทยในการที่จะเดินหน้านโยบายและนำส่งสู่ประชาชน
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า นโยบายที่ถูกใจประชาชนเหล่านี้มีจุดเริ่มต้นจากนักคิด จินตนาการ และความฝันในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญ เราต้องชาเลนจ์ตัวเองในการทำนโยบายที่ตอบโจทย์จริงๆ ซึ่งคำว่าชาเลนจ์ตัวเอง มีอยู่ 2 - 3 มิติ คือ 1.ในฐานะพรรคการเมือง เรามีผู้สมัครสส. และต้องทำเวิร์กช็อปเพื่อให้เขาตอบคำถามประชาชนให้ได้ 2.เราต้องนำนโยบายของเราไปเวิร์กช็อปไปอธิบายให้ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียฟัง ทั้งเกษตร กลุ่มบุคลากรสาธารณสุข หรือนโยบายด้านเศรษฐกิจ เราก็ต้องไปคุยกับสภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม เราต้องไปตอบคำถามให้ได้ว่านโยบายของเรา ตอบโจทย์เขาได้หรือไม่ และ 3.Moon Shot Forum เราต้องนำนโยบายของเราไปตอบคำถามกับภาควิชาการให้ได้ว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาให้กับประเทศได้ทุกมิติหรือไม่ หรือนำสู่การปฎิบัติได้จริงหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่พรรคหรือคนคิดนโยบายสาธารณะต่างๆ จะต้องระลึกและนำเอาเดินหน้า หรือเกิดประโยชน์กับประชาชนได้จริง
นายจุลพันธ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับ Moon Shot Forum ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 1 และเป็นเรื่องเกี่ยวกับ 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งเราตั้งโจทย์เอาไว้ว่าเราจะดึงเอาเอไอเข้ามาพัฒนา 30 บาทอย่างไร อย่างแรกคือการให้บริการที่ครบถ้วนและเกิดประโยชน์กับประชาชนหรือผู้ให้บริการ และมิติที่ 2 คือภาระด้านงบประมาณของ 30 บาทที่เกิดขึ้นรัฐที่สูงขึ้นทุกวัน ซึ่งการนำเอาเอไอจะสามารถบริหารจัดการให้เกิดศักยภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น จะสามารถประหยัดงบประมาณได้อย่างไร และงบประมาณส่วนนี้ จะได้นำไปสู่การบริหารจัดการเพื่อพัฒนาประเทศในมิติอื่นๆ ต่อ
นายจุลพันธ์ กล่าวด้วยว่า พวกเราในฐานะพรรคการเมืองหรือฝ่ายวิชาการหรือคนมาร่วมรับฟัง เป็สผู้ที่มีส่วนได้เสียโดยตรงกับนโยบาย 30 บาท ต้องช่วยกันคิดและช่วยกันวิเคราะห์ เพื่อนำไปสู่คำตอบที่ดีขึ้นกว่าเก่า และที่เกิดประโยชน์ นำสู่ด้านสาธารณสุขของประเทศไทย
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี