วันศุกร์ ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
รัฐบาลไทยย้ำข้อเท็จจริงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เดินหน้าชี้แจงนานาชาติต่อเนื่อง หลัง AOT ลงพื้นที่ตรวจพิสูจน์หลักฐาน - เผยทุ่นระเบิดและการใช้อาวุธชี้ชัดการละเมิดของกัมพูชา
วันนี้ (14 พฤศจิกายน 2568) เวลา 20.00 น. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา โดยระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงต่อสาธารณชนในวันนี้ว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยยังคงเดินหน้าเผยแพร่ข้อเท็จจริงต่อประชาคมระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้รับทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างถูกต้องตามข้อเท็จจริง
กองบัญชาการกองทัพไทยได้บรรยายสรุปสถานการณ์ให้คณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทยรับทราบ โดยได้ชี้แจงเหตุการณ์ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ซึ่งไทย ไม่มีในครอบครอง พร้อมหลักฐานยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางใหม่ในเขตไทย โดยเฉพาะเหตุล่าสุดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 นอกจากนี้ยังได้ชี้แจงรายละเอียดเหตุปะทะบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว รวมถึงตัวอย่างข่าวบิดเบือนที่ฝ่ายกัมพูชาเผยแพร่
สำหรับการตรวจพิสูจน์ข้อเท็จจริงของคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ในวันนี้ ซึ่งกองบัญชาการกองทัพไทยอำนวยความสะดวกในการลงพื้นที่ มีการตรวจสอบทั้งสองจุดสำคัญ ได้แก่
1. ห้วยตามาเรีย จังหวัดศรีสะเกษ - คณะ AOT ตรวจจุดที่ทหารไทยประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิด ตรวจดูชิ้นส่วนทุ่นที่ระเบิดแล้ว และพบทุ่นระเบิดใหม่จำนวน 3 ทุ่นที่ถูกลอบวางใกล้กัน
2. บ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว - คณะ AOT ตรวจบังเกอร์ที่ถูกฝ่ายกัมพูชายิงอาวุธใส่ พูดคุยกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ
การลงพื้นที่ทั้งสองจุดช่วยให้คณะผู้สังเกตการณ์สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงและหลักฐานเกี่ยวกับทุ่นระเบิดและการใช้อาวุธได้โดยตรง
ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงได้ดำเนินมาตรการทางการทูตอย่างต่อเนื่อง โดยได้ทำหนังสือประท้วงต่อกัมพูชาแล้วหลายฉบับ และได้รายงานไปยังญี่ปุ่นในฐานะประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา รวมถึงแจ้งต่อเลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อให้รัฐภาคีและประชาคมโลกได้รับทราบการละเมิดพันธกรณีของกัมพูชา
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีมาเลเซียและประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ในฐานะสักขีพยาน Joint Declaration เพื่อแจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังแสดงความกังวลต่อการเผยแพร่ข้อมูลเท็จและข่าวบิดเบือนจากฝ่ายกัมพูชา เช่น การกล่าวหาไทยวางทุ่นระเบิดเอง หรือเป็นฝ่ายเริ่มใช้กำลังก่อน ซึ่งขัดกับข้อเท็จจริงและหลักฐานที่ปรากฏในพื้นที่ รวมถึงกรณีมีการนำภาพศพชาวกัมพูชาที่เสียชีวิตจากโรคประจำตัวในโรงพยาบาลในไทยไปบิดเบือนว่าเป็นศพทหารกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัว
นอกจากนี้ ยังพบกรณีสำนักข่าวต่างประเทศเผยแพร่ข้อมูลผิดพลาดเกี่ยวกับทุ่นระเบิด ซึ่งไทยได้ประสานให้แก้ไขแล้วเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ในสถานการณ์อ่อนไหวเช่นนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกฝ่ายต้องใช้ข้อมูลที่ถูกต้องผ่านการตรวจสอบ พร้อมขอให้ประชาชนระมัดระวังการส่งต่อข้อมูลที่อาจสร้างความเข้าใจคลาดเคลื่อน
ทั้งนี้ หน่วยงานไทยทุกภาคส่วนยังคงทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อรักษาอธิปไตย ความปลอดภัยของประชาชน และบูรณภาพแห่งดินแดน พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาคมโลกว่า ประเทศไทยยึดมั่นในหลักสันติวิธี หลักกฎหมายระหว่างประเทศ และความร่วมมือในภูมิภาค ขณะเดียวกันไทยจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อการละเมิดที่เกิดขึ้น และเฝ้าติดตามข้อมูลบิดเบือนที่อาจส่งผลกระทบต่อความเข้าใจของนานาชาติ
“ประเทศไทยยังคงดำเนินการด้วยความรอบคอบ บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงและหลักกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมประสานงานกับพันธมิตรและองค์กรระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทุกฝ่ายรับทราบสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างถูกต้อง ขณะเดียวกัน ไทยจะรักษาอธิปไตยและคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ และจะไม่ละเลยต่อการละเมิดที่กระทบต่อเสถียรภาพของประเทศ” นายสิริพงศ์ กล่าวว่า
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี