วันเสาร์ ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เคาะแล้วที่มา
‘35อรหันต์’ยกร่างรธน.
เลือกผ่านสูตร20หยิบ1
กมธ.แก้รธน.เคาะที่มา“กมธ.ยกร่างฯ”ต้องมี 100 คน รับรอง ก่อนสมัครผ่านกกต.เขียนแสดงวิสัยทัศน์-อุดมการณ์ เผยแพร่ประชาชนตรวจสอบ ก่อนส่ง“รัฐสภา”เลือกผ่านสูตร 20 หยิบ 1 มีข้อเสนอห้ามคนเป็นกรรมาธิการร่างฯยุ่งเกี่ยวการเมืองตลอดชีวิต ด้าน‘พท.’ชี้ไม่มีเหตุเตะถ่วงแก้รธน.เชื่อบางพรรคดึงเกม หวังใช้เป็นตัวประกัน แลกยื่นซักฟอก เปิดตัวผู้เสนอตัวลงสมัครสส.นนทบุรีอีก 11 คน
เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ที่รัฐสภา นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ(แก้ไขเพิ่มเติม) รัฐสภา แถลงถึงความคืบหน้าของการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ที่ประชุมกมธ.เห็นชอบการกำหนดที่มาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35คน มาจากการสมัครของประชาชน ผ่านคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยผู้สมัครนั้นต้องมีประชาชนรับรองอย่างน้อย100รายชื่อ พร้อมต้องมีเอกสารแสดงวิสัยทัศน์และอุดมการณ์ความยาว 1 หน้ากระดาษ ทั้งนี้มีข้อกำหนดว่า เมื่อรับสมัครแล้วจะนำข้อมูลของผู้สมัครเผยแพร่ให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมตรวจสอบประวัติและอุดมการณ์ จากนั้นให้ส่งรายชื่อให้รัฐสภาคัดเลือก
สูตร20หยิบ1ตั้ง35อรหันต์ยกร่าง
นายนรเศรษฐ์ กล่าวต่อว่า สำหรับกระบวนการเลือกโดยรัฐสภานั้น มติของกมธ.แก้รัฐธรรมนูญ กำหนดให้ใช้สูตร 20หยิบ1 คือ ให้สมาชิกรัฐสภารวมกลุ่มๆละ20คน เพื่อเสนอชื่อ กมธ.1คน หากไม่สามารถหาจำนวนกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ครบ 35คน จะใช้วิธีการที่สมาชิกรัฐสภา 10คนเสนอบัญชีผู้จะได้รับการเลือกเป็น กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เป็นจำนวน 2เท่าของ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่ขาด จากนั้นให้รัฐสภาลงมติ เห็นชอบด้วยเสียงข้างมาก เกิน2ใน3 ทั้งนี้ กมธ.ได้กำหนดให้รัฐสภาเเลือกกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายใน 60วัน แต่หากครบเวลาแล้วยังได้ไม่ครบ 35คน แต่ได้เป็นจำนวน 90% หรือ 33คน ให้ปฏิบัติหน้าที่ได้ เมื่อถามถึงการกำหนดสูตร 20 หยิบ 1 กมธ.ได้หารือถึงวิธีการรวมกลุ่มหรือไม่ว่าจะรวมกลุ่มอย่างอิสระหรือมีเงื่อนไขนายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า ในหลักการเป็นรวมกันของสมาชิกรัฐสภาที่มีอุดมการณ์ร่วมกัน ซึ่งกมธ.เห็นว่ามีข้อดีที่จะทำให้เกิดความหลากหลายของกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ
ห้ามคนยกร่างยุ่งการเมืองตลอดชีวิต
ขณะที่ นายเอกพร รักความสุข สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกกมธ. กล่าวว่าสำหรับการพิจารณากำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ตามข้อเสนอของนายพริษฐ์วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กำหนดให้ผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญถูกจำกัดการเข้าสู่ตำแหน่งการเมือง 3 ปี แต่มีข้อเสนอจากกมธ.คนอื่นว่า ควรให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมืองตลอดชีวิต เพื่อให้เกิดความสบายใจว่าคนทำรัฐธรรมนูญนั้นไม่มีผลประโยชน์ใด อย่างไรก็ดีตนยืนยันว่าการทำงานในกมธ.มีความเห็นพ้องไม่มีความขัดแย้งระหว่างกมธ.ที่มาจากต่างพรรคการเมือง
พท.ไม่มีเหตุเตะถ่วงแก้ไขรธน.
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะคณะกรรมการยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เปิดเผยว่า การทำงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เป็นไปด้วยความล่าช้ามาก เพราะมีการแก้ไขทุกมาตรา จากร่างหลักที่รับหลักการมามีการเสนอรายละเอียด ในแต่ละมาตราค่อนข้างมาก ประกอบกับวิธีการพิจารณา ไม่ตกผลึกกลับไปกลับมา ส่งผลให้การพิจารณาของกมธ.ช้าลงจากเดิม จากเดิมที่มีการตกลงกันไว้ว่าการประชุมจะมีขึ้น 10 ครั้ง ซึ่งการพิจารณาในชั้นกมธ.น่าจะแล้วเสร็จทุกมาตรา แต่จนถึงขณะนี้กมธ.ประชุมไปแล้ว 9 ครั้ง เพิ่งจะพิจารณาได้เพียง 3มาตรา โอกาสที่การพิจารณาแล้วเสร็จตามกำหนดเวลาจึงเป็นไปไม่ได้
บางพรรคยึดตัวประกันแลกซักฟอก
นพ.ชลน่าน กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ การเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญที่มีการกำหนดไว้ว่าการพิจารณาในวาระ 2 จะแล้วเสร็จในวันที่ 24-25พ.ย. ไม่น่าจะทันแล้ว ดังนั้นการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ2560 ในวาระที่ 2 คงเป็นไปตามที่นายภราดร ปริศนานันทกุล กมธ. จากพรรคภูมิใจไทย ได้แถลงไว้ คือวันที่ 8-10 ธ.ค.68 ก่อนเปิดการประชุมสมัยสามัญ จากนั้น เมื่อสภาเปิดประชุมสมัยสามัญฯ ในวันที่ 12 ธ.ค.เป็นต้นไป จึงจะไปพิจารณาในวาระที่ 3 ช่วงปลายเดือนธ.ค.ซึ่งเป็นไปตามไทม์ไลน์ที่พรรคภูมิใจไทยกำหนด ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่าเหตุที่ทำให้การพิจารณาช้า มาจากกมธ.จากพรรคเพื่อไทย พยายามตีรวนในที่ประชุมและดึงช้าในทุกมาตรานั้น เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างร้ายแรง เพราะพรรคเพื่อไทยเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญปี2560 ตั้งแต่การเลือกตั้งปี2566 ไม่ใช่เพิ่งมาคิดกัน แต่เหตุที่ช้าหลายฝ่ายมองว่า บางพรรคจะใช้การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาเป็นตัวประกัน เพื่อแลกเปลี่ยนกับการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้าน ขณะที่พรรคประชาชนอ้างว่า ไม่ควรยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังไม่แล้วเสร็จทำให้ไม่สามารถยื่นอภิปรายรัฐบาลได้ จึงน่าจะเป็นเหตุผลหลัก ทำให้พรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องได้ประโยชน์จากการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ถึงวันนี้กมธฯ ควรเอาความจริงมาพูดกันไม่ควรมาสาดโคลนใส่กันเพราะไม่เกิดประโยชน์กับฝ่ายใดเลย
พท.เปิดผู้สมัครสส.นนทบุรีอีก11คน
ที่พรรคเพื่อไทย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วย นางมนพร เจริญศรี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายสรวงศ์ เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค, นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองหัวหน้าพรรคย, นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รองหัวหน้าพรรคย, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคเและนายภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำพรรคเพื่อไทย ร่วมเปิดตัวผู้สมัคร สส.รอบที่4
โวพรรคเพื่อไทยพร้อมเลือกตั้งที่สุด
โดย นายสุริยะ กล่าวว่า วันนี้เป็นอีกวันที่พรรคเพื่อไทยพยายามเติมเต็มตามเป้าหมายที่ตนได้ประกาศไว้ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งว่าจะกวาด สส.ให้ได้ 200ที่นั่ง ในการเลือกตั้งที่จะมาถึง พรรคเพื่อไทยได้เปิดตัวผู้เสนอตัวลงสมัครเลือกตั้งไปแล้ว 260คน วันนี้อีก 11คน รวมเป็น 271คน เชื่อว่าบุคลากรที่พรรคเพื่อไทยพยายามคัดเลือกเข้ามามีแนวทางเดียวกับพรรค คือยึดถือประชาชนเป็นหลัก และจุดแข็งที่สุดของพรรคเพื่อไทยที่ในอดีต คือ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ขณะนี้ถือเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ
ด้าน นายจุลพันธ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นอีกหนึ่งวาระที่มีบุคลากรที่เข้มแข็ง ทำงานใกล้ชิดพื้นที่ มีความรอบรู้ในพื้นที่ ซึ่งคนที่เข้ามาร่วมอุดมการณ์กับพรรค มีการพูดคุยมาอย่างยาวนาน และพรรคได้เปิดตัวผู้สมัครไปแล้ว 3รอบ รวมทั้งหมดเปิดตัว65%ของเขตเลือกตั้งที่มีอยู่ เชื่อว่าไม่มีพรรคไหนพร้อมเท่าพรรคเพื่อไทย ซึ่งบุคลากรเหล่านี้เป็นคนที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ ทำงานกับประชาชนจริง
สำหรับรายชื่อผู้เสนอตัวเป็นผู้สมัครสส.วันนี้ประกอบด้วย 1.นายวิทยา มาลา ผู้เสนอตัวลงสมัครเลือกตั้ง สส.พิจิตร 2.นายจอมจักรภพ วัชระจินดาวัฒนะ ผู้เสนอตัวลงสมัครเลือกตั้ง สส. ชัยภูมิ 3.น.ส.ณิชาภา โกวิทานนท์ ผู้เสนอตัวลงสมัครเลือกตั้ง สส.สมุทรสงคราม 4.นายวิรัตน์ เกียรติสันติกุล ผู้เสนอตัวลงสมัครเลือกตั้ง สส. นนทบุรี 5.นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ผู้เสนอตัวลงสมัครเลือกตั้ง สส. นนทบุรี 6.น.ส.ดาราวรรณ อัจฉริยะประสิทธิ์ ผู้เสนอตัวลงสมัครเลือกตั้ง สส. นนทบุรี 7.นายมนตรี ตั้งเจริญถาวร ผู้เสนอตัวลงสมัครเลือกตั้ง สส.นนทบุรี 8.นายวัชยธนันท์ อัศวนิโครธร ผู้เสนอตัวลงสมัครเลือกตั้ง สส. นนทบุรี 9.นายประถมการ อ่วมอ่อง ผู้เสนอตัวลงสมัครเลือกตั้ง สส.นนทบุรี 10.นายภณณัฏฐ์ ศรีอินทร์สุทธิ์ ผู้เสนอตัวลงสมัครเลือกตั้ง สส.นนทบุรี และ11.นายจำลอง ขำสา ผู้เสนอตัวลงสมัครเลือกตั้ง สส.นนทบุรี
ยัน’สุดารัตน์’ลูกเฮียกุ่ย ยังไม่ย้าย
นายจุลพันธ์ ยังกล่าวถึงกรณี น.ส.สุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ สส. อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย บุตรสาวของ นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ หรือ สส.กุ่ย ออกจากไลน์กลุ่ม สส.เพื่อไทย ว่า การออกจากกลุ่มไลน์ไม่ได้สื่ออะไร เป็นเรื่องปกติ อย่าเอาเรื่องเทคโนโลยีเล็กๆน้อยๆมาเป็นประเด็น ซึ่งน.ส.สุดารัตน์ เป็นบุคลากรที่มีคุณค่าของพรรคและทำงานเต็มที่มาตลอด ตนในฐานะหัวหน้าพรรคเห็นว่าบุคลากรที่อยู่กับพรรคทุกคน ตนมีความเชื่อมั่นในอุดมการณ์และจุดยืนของทุกคน และตนกล้าพูดว่าในกรณีของน.ส.สุดารัตน์ มีความรักพรรคเพื่อไทย ใจอยู่ที่นี่อยู่แล้ว ดังนั้น ยังเชื่อมั่น ในการทำงานร่วมกันต่อไป
‘สุชาติ’ให้ผู้ใหญ่เคาะรับ’สนธยา’
ด้าน นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะสมาชิกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกระแสข่าว นายสนธยา คุณปลื้ม อดีต รมว.วัฒนธรรม จะย้ายมาอยู่กับพรรค ภท.จะแบ่งพื้นที่ส่งผู้สมัครสส.ชลบุรี คนละครึ่งจังหวัดหรือไม่ ว่า เรื่องนักการเมืองทุกค่าย ทุกกลุ่มเมื่อมีสัญญาณนับถอยหลังเลือกตั้ง เขาต้องพยายามหาสังกัดและต้องหาพรรคการเมืองที่มั่นคงที่จะนำพาประเทศให้เจริญได้ เขาก็ไปตรงนั้น ส่วน จ.ชลบุรี ตนเป็นผู้แทนไม่ได้ยึดติดว่า จะต้องไปดูแลจังหวัดนั้นจังหวัดนี้ เพราะเราไม่ได้มีประชาชนที่รู้จักทั้งจังหวัด หรือทุกจังหวัด เราอาจชำนาญบางพื้นที่ อำเภอ ตำบล ซึ่งตนยินดีถ้าใครมีความรู้ความสามารถที่พร้อมทำงานในพรรคเดียวกัน แต่วันนี้เท่าที่ทราบยังไม่มีอะไรที่เป็นรูปธรรมชัดเจน แต่ทุกคนพูดคุยกันได้หมด สำหรับตนยินดี หากใครมีความรู้มีศักยภาพทางการเมืองที่พร้อมจะมาทำงานด้วยกัน ถึงจะเป็นจังหวัดเดียวกันก็ยินดี เพราะคนได้ประโยชน์คือประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังไม่ได้พูดคุยกับกลุ่ม นายสนธยา ใช่หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ตนเป็นผู้น้อยกว่า เรื่องนี้ขอให้ทางผู้บริหารพรรค ภท.หรือหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค เป็นหลักในการที่จะพิจารณามากกว่า เพราะตนไม่ได้มีตำแหน่งอะไรในพรรค ภท.แค่เป็นสมาชิกเฉยๆ และตนไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลหรือผู้บริหารในโซนไหน จึงไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียงอะไรขนาดนั้น
ปชป.โวเสนอตัวลงสส.ทะลุ300คน
นายพงศกร ขวัญเมือง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยความสำเร็จอย่างล้นหลามของแคมเปญ “สส.ที่ดี คุณเองก็เป็นได้นะ”โดยระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้กลับมาสู่บรรยากาศแห่งความคึกคักอีกครั้ง เมื่อมีผู้สนใจยื่นความจำนงขอสมัครเป็นผู้สมัคร สส.ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง นายพงศกร เปิดเผยตัวเลขอัปเดตล่าสุดว่า หลังเปิดแคมเปญเพียง 7 วัน มีผู้แสดงความจำนงขอสมัครเป็นผู้สมัคร สส. ทั้งระบบเขตและระบบบัญชีรายชื่อรวมแล้วกว่า 300 คน ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกที่แข็งแกร่งของพรรคในการเข้าสู่สนามเลือกตั้งครั้งหน้า บรรยากาศที่สำนักงานใหญ่พรรคประชาธิปัตย์คึกคักอย่างมาก มีผู้สมัครที่มีความรู้ความสามารถจากหลากหลายสาขาอาชีพ โดยเฉพาะ “คนรุ่นใหม่ที่มีโปรไฟล์ดี” ทั้งเดินทางแบบวอล์คอินเข้ามาที่พรรคฯ สมัครผ่านช่องทางไปรษณีย์และออนไลน์จากทั่วประเทศไม่ขาดสาย
สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีเขตเลือกตั้งทั้งหมด 33เขต นายพงศกร เปิดเผยว่าได้รับความสนใจอย่างสูงเช่นกัน วันนี้มีผู้แสดงความจำนงขอร่วมอุดมการณ์กับพรรคประชาธิปัตย์แล้ว มากกว่า 90 คน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่ประชาชนในเมืองหลวงมีต่อแนวทางและหลักการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของกรรมการบริหารชุดใหม่ สำหรับผู้สนใจร่วมอุดมการณ์กับประชาธิปัตย์ สามารถยื่นความจำนง สมัครได้จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี