วันอาทิตย์ ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ระงับเจรจาภาษีการค้าชั่วคราว
‘ทรัมป์’บีบ‘ไทย’
ต้องปฏิบัติตามปฏิญญา
ยุติปัญหาชายแดนเขมร
โฆษกรบ.แถลงไทยผิดหวัง
นายกฯอนุทิน เปิด 11 ข้อ คุย “ทรัมป์-อันวาร์”ซัดกัมพูชาฉีกปฏิญญาสันติภาพ รับไม่ได้ที่ยังดอดวางระเบิด จี้ต้องขอโทษคนไทย ด้าน คปท.จัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ที่อนุสาวรีย์พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง จ.สุรินทร์ ประกาศจุดยืนทวงคืนปราสาทตาควายและปราสาทคนา
วันที่ 15 พฤศจิกายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า เมื่อคืนนี้ได้รับโทรศัพท์จากนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งทั้งสองท่านได้พูดคุยหารือกับตนเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา พร้อมทั้งขอให้รัฐบาลไทยยังคงดำรงเป้าหมายการสร้างสันติภาพตามแนวทางที่ได้ลงนามในปฎิญญาที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ต่อไป และตนก็ได้แสดงจุดยืนของรัฐบาลไทย
1.ตนได้ขอบคุณทุกคำแนะนำและรับฟังความเห็นของผู้นำทั้งสองท่านในฐานะที่เป็นพยานในปฏิญญาดังกล่าว เพื่อนำมาพิจารณาร่วมกันกับข้อมูลที่หน่วยงานความมั่นคงของไทยมีอยู่ในการไปดำเนินการกำหนดแนวทางปฏิบัติเพิ่มเติมจากการเกิดเหตุการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชาไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดและละเมิดเงื่อนไขที่ระบุไว้ในปฏิญญา
2.ตนได้แจ้งให้พยานทั้งสองท่านทราบว่า ผู้ร่วมสังเกตการณ์จากหลายประเทศได้เข้าไปทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ได้ยืนยันว่า ทุ่นระเบิดทั้ง 4 ทุ่นเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่มีการลักลอบเข้ามาวางในเขตพื้นที่ของไทยหลังจากที่ไทยและกัมพูชาได้ลงนามในปฏิญญาที่กรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2568 แล้ว
3.ตนได้ยืนยันว่ารัฐบาลไทยจะระงับการดำเนินการภายใต้เนื้อหาที่ระบุไว้ในปฏิญญาจนกว่ากัมพูชาจะยอมรับว่าตนมิได้ปฏิบัติตามและได้ละเมิดเงื่อนไขดังกล่าว และต้องมีคำแถลงขอโทษต่อประชาชนชาวไทยในกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ภูมะเขือ ซึ่งได้ทำให้ทหารของไทยได้รับบาดเจ็บและสูญเสียอวัยวะ
ไทยพร้อมปกป้องอธิปไตย
4.ตนได้ย้ำว่า รัฐบาลไทยทรงไว้ซึ่งสิทธิและมีอำนาจที่จะดำเนินการใดๆ เพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศและสร้างความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทยเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆที่พึงจะกระทำเพื่อปกป้องประเทศและประชาชนให้พ้นจากภัยคุกคามของต่างชาติ
5.ตนได้เรียกร้องให้ผู้นำของทั้งสองประเทศในฐานะที่เป็นสักขีพยานในปฏิญญาดังกล่าวให้ทำการแจ้งไปยังนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาให้เคารพและปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัดและมีความจริงใจต่อประเทศทั้ง 4 ที่ได้ร่วมกันลงนามในปฏิญญาเมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2568 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ และได้ขอให้ผู้นำทั้งสองเน้นย้ำต่อผู้นำรัฐบาลกัมพูชาว่า จะต้องไม่มีการขัดขวางใดๆของฝ่ายกัมพูชาต่อการเข้าไปเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่ฝ่ายกองทัพไทยเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งได้มีการกำหนดพิกัดและพื้นที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
6.ตนได้แจ้งต่อประธานาธิบดี สหรัฐฯและนายกรัฐมนตรีมาเลเซียว่าการที่กัมพูชาไม่เคารพต่อปฏิญญาและไม่ยอมรับผิดต่อเหตุการณ์ที่ทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บและต้องสูญเสียอวัยวะในครั้งนี้จะทำให้ประชาชนชาวไทยหมดความมั่นใจและความเชื่อถือต่อรัฐบาลกัมพูชาซึ่งจะยังผลให้การดำเนินการที่จะนำไปสู่การสร้างสันติภาพมีความยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง
7.ตนได้ยืนยันว่ารัฐบาลไทยพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับทุกชาติ เพื่อเสริมสร้างสันติภาพในภูมิภาคอาเซียน แต่ในขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยก็ไม่ต้องการที่จะมีความสัมพันธ์ใดๆต่อไปกับเพื่อนบ้านที่ไม่มีความจริงใจและคอยคุกคามอธิปไตยของไทยอยู่ตลอดเวลา
ผิดหวังเกิดเหตุการร้ายแรง
8.ผู้นำทั้งสองท่านได้รับทราบจากผมว่ารัฐบาลไทยและพี่น้องประชาชนชาวไทยมีความเสียใจและผิดหวังต่อเหตุร้ายแรงที่ได้เกิดขึ้นเพราะว่าในอดีตที่ผ่านมาประเทศไทยก็เคยให้ความช่วยเหลือ ให้ที่พักพิงแก่ผู้อพยพหนีภัยสงครามชาวกัมพูชาด้วยความปรารถนาดีและด้วยความมีมนุษยธรรม จึงไม่คาดคิดว่ารัฐบาลกัมพูชาจะกระทำตนเป็นปฏิปักษ์และเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศไทยและยังได้ทำร้ายคนไทยได้ถึงระดับนี้
9.ตนได้เน้นย้ำว่า รัฐบาลไทยไม่เคยมีเจตนารุกรานกัมพูชา แต่มีความพร้อมที่จะดำเนินการตอบโต้เพื่อปกป้องอธิปไตยและเกียรติภูมิของชาติและเพื่อสร้างความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของคนไทยในทุกวิถีทาง
10.ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้ถามตนว่าเรื่องการเจรจาทางการค้าระหว่างไทยและสหรัฐ มีปัญหาอะไรหรือไม่ ซึ่งตนได้เรียนท่านไปว่าอยากจะขอให้ท่านได้ลดอัตราภาษีให้กับประเทศไทยมากกว่านี้ ซึ่งท่านได้ตอบมาอย่างอารมณ์ดีว่า ในอัตรา 19% ที่ไทยได้รับ ถือว่าต่ำมากนะ ตนก็ได้พูดกับท่านว่า หากต่ำจริงตนคงไม่เดินไปขอท่านที่เกาหลีใต้ให้ลดลงอีก เพราะประเทศไทยก็ได้ให้ความร่วมมือในทุกๆด้านกับสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างดี ขอให้ท่านได้ให้หน้าตนบ้าง ท่านได้ตอบกลับมาว่า ท่านจะไปคุยกับทางกัมพูชา ซึ่งหากกัมพูชาไม่ขัดขวางการถอนทุ่นระเบิดของไทย แล้วฝ่ายไทยสามารถดำเนินการเร่งถอนทุ่นระเบิดได้อย่างรวดเร็ว ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะพิจารณาให้มีการปรับลดภาษีให้มากกว่านี้ ท่านพูดกลับมาในท่วงทำนองเท่าที่ผมจำได้ว่า “If you do the demining works quickly, I’ll consider chopping more percentage for you.” อาจจะไม่ตรงทุกคำศัพท์ แต่ก็อยู่ในโทน และ 11.ท่านนายกรัฐมนตรีมาเลเซียก็บอกว่าจะเร่งทำเอกสารในนามประธาน ASEAN เพื่อย้ำความเข้าใจและให้ทั้งสองประเทศได้ดำเนินการตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในปฏิญญาอย่างเคร่งครัดต่อไป
“ก่อนวางสาย ทั้งประธานาธิบดีสหรัฐและนายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้ขอให้ผมส่งความปรารถนาดีมายังพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคนซึ่งผมได้กล่าวขอบคุณทั้งสองท่านไปในขณะเดียวกัน ผมกราบขออภัยพี่น้องประชาชนที่อาจจะส่งข้อความนี้ล่าช้าไปเล็กน้อยเนื่องจากกำลังปฎิบัติภารกิจที่สำคัญยิ่งที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน” นายกฯ กล่าว พร้อมติด #ไทยนี้รักสงบ และ #แต่ถึงรบไม่ขลาด
คปท.ทวงคืนปราสาทตาวคาย-คนา
วันเดียวกัน เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เดินทางมาถึงอนุสาวรีย์พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ในเวลา 08.00 น.ตามนัดหมาย กิจกรรมทวงคืนปราสาทตาควาย ทันทีที่มาถึงมีการทำพิธีบวงสรวง อยู่บริเวณด้านหน้าอนุสาวรีย์ฯ จากนั้นแกนนำได้มีการปราศรัยประกาศจุดยืน ในการทวงคืนปราสาทตาควาย และยืนยันว่าปราสาทตาควายนั้นอยู่บนผืนแผ่นดินไทยและต้องการทวงคืนกลับมาให้ได้ท่ามกลางคณะ คปท.กว่า 150 คนที่นำธงชาติมาโบกสะบัด เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) กล่าวว่า วันนี้เป็นกิจกรรมแสดงเชิงสัญลักษณ์ครั้งแรก เพื่อประกาศยืนยันว่าคนไทยพร้อมที่จะสนับสนุนและพร้อมที่จะทวงคืนประสาทตาควายจากกัมพูชา ยินดีเป็นแนวหลังและเป็นแนวร่วมในการให้ทหาร ปฏิบัติการยึดคืน ทั้งปราสาทตาควาย ปราสาทคนา หรือแม้กระทั่งพื้นที่บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว ซึ่งวันนี้เป็นกิจกรรมแรกในการแสดงเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งตั้งใจว่าจะไปให้ถึงบริเวณปราสาทตาควาย แต่เนื่องจากมีสถานการณ์ตึงเครียดในหลายพื้นที่ และทางเจ้าหน้าที่ทหารก็ออกมาเตรียมความพร้อมในการปกป้องอธิปไตย ดังนั้น จึงมีการประสานกับเจ้าหน้าที่ทหารและตกลงกันว่าไปในจุดที่ปลอดภัย ในบริเวณบ้านพลวง อ.ปราสาท และจะมีตัวแทนของเจ้าหน้าที่ทหารมาประชุมร่วมกัน รวมถึงมอบสิ่งของให้กับทหาร และในวันอังคารนี้ก็จะยื่นข้อเสนอให้กับรัฐบาลที่กรุงเทพฯ
“วันนี้ไม่ได้มากดดันรัฐบาล แต่เป็นการรวมพลังกันของคนไทยคือพลังของพี่น้องประชาชนพลังของกองทัพฝ่ายความมั่นคง และพลังของรัฐบาล ในการร่วมกันเรียกร้องกดดันให้กัมพูชาคืนผืนแผ่นดินไทย หากกัมพูชาไม่ปฏิบัติตาม ผมก็เห็นด้วยที่จะต้องมีใช้กำลังทางยุทธวิธีทางทหารในการทวงคืนปราสาทตาควาย กลับคืนมาให้ได้ เพราะหากยิ่งปล่อยนานไปกัมพูชาจะยิ่งได้ใจ รวมถึงกัมพูชายังเข้ามาล่วงล้ำอธิปไตยของไทยและวางทุ่นระเบิดทุกวัน” นายพิชิต กล่าว
ลั่นถึงเวลาใช้กำลังทางทหาร
นายพิชิต กล่าวต่อว่า ฝ่ายความมั่นคงได้มีการประกาศหลายครั้งแม้แต่นายกอนุทิน ก็ประกาศว่าจะไม่ยอมเสียขาของทหารอีกแล้ว หากเสียขาที่ 7 ก็พร้อมที่จะดำเนินการทางยุทธวิธีทางทหาร ส่วนตัวมองว่า ณ วันนี้ กัมพูชาเองก็ไม่ยอมรับและยังกล่าวหาว่าประเทศไทยยิงประชาชนกัมพูชาด้วย รวมถึงยังกล่าวหาว่าทุ่นระเบิดที่ขาที่ 7 ขาดเป็นทุ่นระเบิดเก่า ซึ่งถือว่ากัมพูชาละเมิดข้อตกลงและมองว่าขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องดำเนินยุทธวิธีทางการทหาร เพื่อทวงคืนประสาทตาควาย เพราะประสาทตาควายเป็นของไทย 100%
“วันนี้มี ฮุน ซีนาท น้องสาวของสมเด็จฮุนเซนขึ้นไปบนปราสาทตาควาย และหยามน้ำหน้าคนไทย ซึ่งต้องอย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ที่ปราสาทตาเมือนธม วันที่ 13 กัมภาพันธ์ที่ผ่านมา ภรรยาของนายทหารกัมพูชาขึ้นมาร้องเพลงชาติที่ปราสาทตาเมืองธมหลังจากนั้นก็มีการปะทะด้วยอาวุธ ครั้งนี้ก็เหมือนกันแสดงให้เห็นว่ากัมพูชาเล่นลูกไม้เดิมๆ ที่จะประกาศเชิงสัญลักษณ์ ดังนั้น จึงถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลและกองทัพต้องดำเนินการทางยุทธวิธีในการทวงคืนแผ่นดินไทยให้ได้” นายพิชิต กล่าว
ค้านการเจรจาสันติภาพ
นายพิชิตแสดงความเห็นว่า การเจรจาหรือการลงนามตกลงสันติภาพใด ๆ ที่ผ่านมา ไม่มีประโยชน์ เนื่องจากกัมพูชาไม่เคยปฏิบัติตามข้อตกลง หากจะมีการเจรจาสันติภาพครั้งต่อไป ประเทศไทยต้องเป็นเจ้าภาพหลัก และต้องไม่มีประเทศที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ทางกลุ่มได้มีการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ทหารและปรับเปลี่ยนแผนการเดินขบวน โดยจะเดินทางไปมอบสิ่งของให้กับทหารที่ค่ายทหารบ้านพลวง อำเภอปราสาทแทน และในวันอังคารนี้ (19 พ.ย. 2568) จะมีการยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาลที่กรุงเทพมหานครต่อไป
‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ ดึงสติเขมร ‘
นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ระบุข้อความว่า “สตินะลูก คนฉลาดขนาดนี้? ไม่เคยจำประวัติศาสตร์หลัก? 73 ทำหลังสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส นั่นคือ? จัดทำมาได้? 100 กว่าปีมาแล้ว มันฝังอยู่ที่แหลมสารพัดพิษ? คลองใหญ่ ทำไมไทยจะต้องย้าย? เพื่อเอาเกาะกูด
เกาะกูดเป็นของไทยมาตั้งแต่อดีต ไทยต้องเสียดินแดนบูรพาให้ฝรั่งเศส ประกอบด้วยเสียมราช? พะตะบอง? ศรีโสภณ รวมทั้งเมืองประจันตคีรีเขต? เกาะกง เราเสียดินแดนไปมากพอหรือยัง เป็น? สส.กัมพูชาพูดอะไรไม่เคยคิด เราสู้เอาดินแดนที่เสียทั้งหมดคืนดีไหม ไทยไม่ใช่คนขี้ขโมย? แต่ถูกโกงมาตลอด มีแต่คนโกงเท่านั้นที่อยากจะขยับย้ายมัน เพื่อหวังผลทรัพยากรใต้น้ำในอ่าวไทย หลัก? 73 มันอยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่แรกเพราะอยู่สุดปลายเทือกเขาบรรทัด ความจริงมันควรอยู่ที่จุดบ้านโอบยาม ลึกเข้าไปในเขมรอีก? 3 กิโลเมตร แต่ฝรั่งเศสขอให้เราอยู่ตรงนี้อารมณ์เสีย”
จับ14เขมรอดอยากลอบเข้าไทย
ด้านจังหวัดสระแก้ว เมื่อเวลา 03.30 น.วันที่ 15 พ.ย. 68 พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี ผบ.ฉก.อรัญประเทศ กกล.บูรพา พร้อมด้วย พ.อ.พงศกร เสืองาม ผบ.ชค.ทพ.12 นำกำลังพล ร้อย.ทพ.1204 ร่วมกับ ฉก.อรัญประเทศ ออกทำการลาดตระเวนเข้มป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมายตามช่องทางธรรมชาติริมชายแดนท้ายหมู่บ้านโนนพัฒนา อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พบแรงงานชาวกัมพูชาจำนวน 14 คน เดินเท้าลักลอบข้ามแดนจากฝั่งกัมพูชา
“ทรัมป์”ชี้สถานการณ์จะดีขึ้น
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวในวันศุกร์ว่า เขาคิดว่าสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาจะดีขึ้น หลังจากการโทรศัพท์พูดคุยกับผู้นำของทั้งสองประเทศ เพื่อช่วยไกล่เกลี่ยความขัดแย้งที่ปะทุขึ้นล่าสุดระหว่างกัน
นายทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อเย็นวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า เขาได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของทั้งไทยและกัมพูชา และพวกเขากำลังไปได้ดี ผมคิดว่าคงจะไม่มีอะไรและสถานการณ์จะดีขึ้น
สำหรับความตึงเครียดที่ยืดเยื้อมานานเหนือพื้นที่ชายแดนพิพาทระหว่างสองประเทศได้ปะทุเป็นการสู้รบเป็นเวลาห้าวันในเดือนกรกฎาคม ซึ่งมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 48 ราย และมีผู้พลัดถิ่นชั่วคราวประมาณ 300,000 คน ก่อนที่นายทรัมป์และนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของอมาเลเซีย จะเข้ามาเป็นคนกลางในการเจรจาหยุดยิง
สหรัฐฯแจ้งขอระงับการเจรจาภาษี
นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเรื่องพัฒนาการล่าสุดในสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชาช่วงหนึ่งมีการเปิดเผยถึงการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา รองผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ แจ้งเข้ามาว่า ขอระงับการเจรจากรอบข้อตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างไทยกับสหรัฐฯ เป็นการชั่วคราว และจะกลับมาเจรจาข้อตกลงอีกครั้ง เมื่อฝ่ายไทยให้คำมั่นว่าจะกลับเข้าสู่ Joint Declaration ไทย-กัมพูชา และหวังว่าจะสามารถหาทางออกในเรื่องนี้ได้โดยเร็ว
นายนิกรเดช กล่าวอีกว่า ไทยมีความผิดหวังกับท่าทีของผู้แทนการค้าสหรัฐฯ จากเรื่องนี้ ทั้งนี้ ไทยยืนยันมาตลอดว่า ประเด็นเรื่องความมั่นคง-ความปลอดภัย โดยเฉพาะประเด็นที่เป็นเรื่องทวิภาคีระหว่าง “ไทย-กัมพูชา” จะต้องพิจารณาแยกออกจากประเด็น “การค้า” ซึ่งก็เป็นประเด็นทวิภาคีที่เป็นผลประโยชน์ร่วมระหว่าง “ไทย-สหรัฐฯ”
ซึ่งประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ย้ำกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีในการหารือทางโทรศัพท์ว่า ไม่ได้ประสงค์จะแทรกแซงการแก้ไขปัญหาของทั้ง 2 ประเทศ ตามกลไกทวิภาคีที่มีอยู่
โฆษกบอกยังต้องเดินหน้าต่อ
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงกระทรวงการต่างประเทศรายงานว่าไทยได้รับแจ้งจากรองผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ฝ่ายสหรัฐฯขอระงับชั่วคราว การเจรจากรอบความตกลงภาษีต่างตอบแทนไทย-สหรัฐฯ โดยจะกลับมาหารือได้อีกครั้งเมื่อไทยให้คำมั่นว่าจะปฏิบัติตาม Joint Declaration อย่างเคร่งครัด ในประเด็นนี้รัฐบาลไทยมีความผิดหวังต่อท่าที ดังกล่าว เพราะประเทศไทยยืนยันมา โดยตลอดว่า ประเด็นด้านความมั่นคงกับกัมพูชาเป็นเรื่องทวิภาคีที่ต้องพิจารณาแยกจากเรื่องการค้า ซึ่งเป็นผลประโยชน์ร่วมไทย-สหรัฐฯ ด้านประธานาธิบดีสหรัฐฯเองยังได้ย้ำในการหารือกับนายกรัฐมนตรี ว่าสหรัฐฯไม่ประสงค์แทรกแซงปัญหาไทย-กัมพูชา ตามกลไกทวิภาคีที่มีอยู่
รัฐบาลยินดีที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯรับฟังด้วยความเข้าใจ และหวังว่า ท่าทีของสหรัฐฯ ในประเด็นการค้าและภาษี สามารถหารือและเจรจาต่อไปได้ โดยไม่กระทบต่อกรอบความร่วมมือสำคัญในด้านอื่นๆ ที่ทั้งสองประเทศมีมาอย่างแน่นแฟ้นและยาวนาน
“รัฐบาลขอย้ำว่าประเทศไทย จะยืนหยัดบนพื้นฐานผลประโยชน์แห่งชาติเป็นสำคัญพร้อมทั้งรักษาจุดยืนด้านความมั่นคงและอธิปไตยอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ไทยยังพร้อมร่วมมือกับสหรัฐฯ ในประเด็นความร่วมมือด้านอื่นๆ ที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อสนับสนุนเสถียรภาพ ความมั่นคง และการพัฒนาทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่อไป”นายสิริพงศ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี