‘มาร์ค’ปลื้มผลโพล ชู2นโยบายสุจริต-เศรษฐกิจโต ‘วันนอร์’ชี้พร้อมเปิดสภาวิสามัญ

‘มาร์ค’ปลื้มผลโพล ชู2นโยบายสุจริต-เศรษฐกิจโต ‘วันนอร์’ชี้พร้อมเปิดสภาวิสามัญ

วันอังคาร ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

มาร์คปลื้มผลโพล

ชู2นโยบายสุจริต-เศรษฐกิจโต

วันนอร์ชี้พร้อมเปิดสภาวิสามัญ

วันนอร์ย้ำยึดรธน.ม.151วรรคสอง ยื่นญัตติซักฟอกแล้วห้ามรัฐบาลยุบสภา แม้มีคนโต้แย้งมองก่อนบรรจุวาระยังมีอำนาจยุบสภา พร้อมเปิดสมัยวิสามัญธันวาคม ถกแก้ไขร่างรธน.วาระ 2 ด้าน อภิสิทธิ์ขอบคุณผลโพลอันดับปชป.เพิ่มขึ้น ถือเป็นกำลังใจ ชู 2 นโยบาย บ้านเมืองสุจริต-เศรษฐกิจโตขึ้นไม่กังวลพื้นที่กทม.สกลธีชนเอกนัฎขอแข่งขันแบบมิตร ไม่เล่นฟาวล์

เมื่อวันที่ 17พฤศจิกายน2568 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) เตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในช่วงเปิดสมัยประชุมสภา เดือนธันวาคมว่า เมื่อสภาเปิดสมัยประชุม ส.ส.สามารถเข้าชื่อ1ใน5 เพื่อขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ได้ ทั้งนี้ มีประเด็นข้อแย้งที่ต้องพิจารณาว่าหากมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วจะยุบสภาได้หรือไม่ และในความเห็น 2 ฝ่าย คือรัฐธรรมนูญ มาตรา151วรรคสอง กำหนดชัดเจนว่า เมื่อยื่นญัตติแล้ว รัฐบาลจะยุบสภาไม่ได้ ขณะที่ข้อบังคับการประชุมสภา ระบุว่า เมื่อยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ แล้วกำหนดให้ประธานสภาตรวจสอบรายชื่อว่าครบถ้วน ถูกต้องหรือไม่ ญัตติขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ หรือข้อบังคับหรือไม่ ซึ่งเป็นอำนาจของประธานสภาก่อนบรรจุวาระ โดยกำหนดเวลาให้พิจารณาแล้วเสร็จไม่เกิน7วัน


ยันยื่นซักฟอกแล้วยุบสภาไม่ได้

“ดังนั้นช่วงเวลาดังกล่าวนั้นจะยุบสภาได้หรือไม่ เป็นประเด็นข้อกฎหมาย ผมได้มอบหมายให้เลขาธิการสภาประชุมกับฝ่ายกฎหมายของสภา พิจารณาเบื้องต้นแล้วเห็นว่า ต้องยึดตามรัฐธรรมนูญ คือเมื่อยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ว่าจะยื่นต่อสภาหรือประธานสภา ตามรัฐธรรมนูญไม่สามารถยุบสภาได้ ส่วนข้อบังคับนั้นมีสิทธิน้อยกว่ารัฐธรรมนุญ ทั้งนี้ เป็นข้อกฎหมายของสำนักงานที่เสนอ แต่จะมีคนขอหารือไปยังหน่วยงานอื่นก็แล้วแต่ แต่รัฐธรรมนูญพูดชัด ทั้งนี้ ความเห็นของฝ่ายกฎหมายเสนอไปยังเลขาธิการสภาแล้ว แต่ยังไม่มาถึงผม ซึ่งต้องยึดตามรัฐธรรมนูญ” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว

พร้อมเปิดวิสามัญธ.ค.ถกแก้รธน.

นายวันนอร์ ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลแจ้งเตรียมความพร้อมต่อการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ ช่วง 8 ธ.ค. เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้งจากรัฐบาล แต่ตนได้หารือกับ นายศิโรจน์ แพทย์พันธุ์ เลขาธิการสภาฯ แล้ว ว่า หากมีประกาศราชกิจจานุเบกษา ให้เปิดประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญ จะมีความพร้อมเปิดประชุมตั้งแต่ 1 ธ.ค. เป็นต้นไป แต่เรื่องดังกล่าวขึ้นอยู่กับรัฐบาลเพราะอำนาจของการเปิดประชุมสมัยวิสามัญเป็นเรื่องของรัฐบาล นอกจากนั้นแล้วได้หารือกับคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา อย่างไม่เป็นทางการ ทราบว่าต้องการเปิดประชุม ช่วง 8-10 ธ.ค.รัฐสภาต้องหารือกับวิปทั้ง 3 ฝ่าย เพื่อให้การประชุมเป็นไปอย่างเรียบร้อย แต่ละฝ่ายจะใช้เวลาอภิปรายเท่าใดในวาระสอง ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับกมธ.ที่สงวนความเห็นกับ สส.ที่เสนอคำแปรญัตติ แม้จะไม่ถูกจำกัดเวลาอภิปราย ต้องไม่อภิปรายเหมือนกับวาระแรก และเมื่อรัฐสภาพิจารณาจบวาระสองแล้ว ต้องเว้นไว้ 15 วัน ถึงจะลงมติในวาระสามได้ ดังนั้นเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญจะจบต้องลงมติเห็นชอบในวาระสาม

อภิสิทธิ์ขอบคุณผลโพลอันดับดีขึ้น

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)ให้สัมภาษณ์ถึงผลสำรวจนิด้าโพลที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับความนิยมในอันดับที่ดีขึ้น ว่า ขอบคุณพี่น้องประชาชน แต่สิ่งเหล่านี้ก็มีขึ้นมีลงตลอดเวลา จริงๆ ตอนนี้สำคัญที่สุดสำหรับเรา แข่งขันกันด้วยเวลา เพราะเวลามีจำกัดมาก และงานก็ต้องทำเยอะมากทั้งนโยบายและผู้สมัคร และเรื่องอื่นๆ รวมทั้งแข่งขันกับตัวเองด้วย เพราะเรารู้ ว่าต้องการให้ประชาชนเกิดการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น กับแนวทางของเราทั้งในแง่การการเมืองและสิ่งที่จะทำให้กับประเทศ เพราะฉะนั้นผลสำรวจที่ออกมาก็เป็นกำลังใจ แต่ว่างานหลักรออยู่ข้างหน้าเยอะมาก

ชู2นโยบายบ้านเมืองสุจริต-เศรษฐกิจโต

เมื่อถามถึงนโยบายหลักที่จะใช้ชูในการเลือกตั้งครั้งหน้า นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มีเรื่องหลักอยู่ 2 เรื่อง ที่ตนคิดว่าสำคัญที่สุดสำหรับประเทศคือ 1.ถ้าเราไม่สามารถทำให้บ้านเมืองเป็นบ้านเมืองที่สุจริตจริงๆ ปัญหาอื่นแทบแก้ไม่ได้เลย เพราะตัวนี้คือตัวบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ความสัมพันธ์ระหว่างสถาบัน ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน นำมาซึ่งปัญหาสารพัด ทั้งการเมือง สังคมและเศรษฐกิจ 2.ถ้าเราไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจไทยกลับไปเติบโตได้เหมือนสมัยก่อน คือ ยังโตอยู่แค่ร้อยละ1ร้อยละ2 ต่อเนื่องแบบนี้เรื่องอื่นเราก็แก้ไม่ได้ เพราะไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจอย่างเดียวแต่เราจะไม่มีทรัพยากร มาดูแลผู้สูงอายุ มาสร้างระบบสวัสดิการ ที่มีมีความจำเป็นเพียงพอกับทุกคน เพราะฉะนั้นสองเรื่องนี้คือสองเรื่องหลัก หมายความว่าต้องทำให้บ้านเมืองสุจริตและเศรษฐกิจต้องดี ดีในที่นี้คือทั้งโตและกระจายให้ทั่วถึง

แจกเงินกระตุ้นทำตามสถานการณ์

เมื่อถามว่า จะมีนโยบายแบบกระตุ้นให้เร็วขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าว นโยบายกระตุ้นต้องดูตามสถานการณ์ แต่ไม่ใช่เรื่องหลักที่จะเป็นคำตอบให้กับประเทศต่อไป ตนคิดว่าในรอบ 10 กว่าปีที่ผ่านมา เรามีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจถี่มาก ซึ่งได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง บางช่วงรวมทั้งในปัจจุบันก็แก้ปัญหาความยากลำบากได้ระดับหนึ่ง แต่ตนคิดว่าคนก็มองว่าเป็นคำตอบเฉพาะในช่วงนี้ และถ้าเศรษฐกิจไม่ดีอย่างที่ตนตั้งเป้าหมายไว้ เราก็จะวนเวียนอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ และเราจะมีข้อจำกัดมากขึ้นเรื่อยๆ ในการทำเรื่องนี้ เพราะฐานะทางการคลังก็จะมีปัญหามากขึ้น

ไม่กังวลกทม.สกลธีชนเอกนัฎ

เมื่อถามถึงการเลือกตั้ง ส.ส.กทม. ที่ นายสกลธี ภัททิยกุล รองหัวหน้าพรรคฯดูแลพื้นที่ กทม.อาจจะต้องชนกับ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ที่มีกระแสข่าวว่า พรรคภูมิใจไทย ให้ดูพื้น กทม. ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นฐานเสียงเดียวกันนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่พูดเรื่องฐานเสียง เราแข่งขันเสนอตัวให้คนกรุงเทพฯ ซึ่งสิ่งที่จะตอบโจทย์ทั้งคนกรุงเทพฯ โดยเฉพาะคือนโยบายบางเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนที่นี่ แต่อีกส่วนหนึ่งมองว่าคนกรุงเทพฯ จะมองถึงภาพใหญ่ของประเทศด้วยว่าต้องการจะไปอย่างไร การแข่งขันเป็นเรื่องปกติ ตนไม่ได้มีความกังวลอะไร นายสกลธี ต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในฐานะรองหัวหน้าพรรคดูแล กทม. ซึ่งเราทราบตั้งแต่ต้นอยู่แล้วว่าเป็นจุดที่ยาก เมื่อถามว่า เป็นการเจอมิตรเก่า นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราต้องแข่งขันกันแบบมิตรเต็มที่ แต่เราไม่เล่นฟาวล์อยู่แล้ว

หากยุบสภาม.ค.ต้องทำงานหนักขึ้น

ต่อข้อถามว่า หากมีอุบัติเหตุทางการเมืองยุบสภาก่อนไทม์ไลน์ปลายเดือนม.ค.69 ที่ประกาศไว้ พรรคประชาธิปัตย์มีความพร้อมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องพร้อม แต่จะเหนื่อยมากขึ้น ซึ่งเรายอมรับไม่ปฏิเสธ และในวันพรุ่งนี้ (18 พ.ย.) จะเริ่มประชุมกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรค อย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังจากได้รับการรับรองจากคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เรารู้ว่าเวลาเดิมก็น้อย ถ้าน้อยเพิ่มขึ้นไปอีกก็เหนื่อยมากขึ้น แต่เป็นปกติของระบบสภาฯ พรรคการเมืองต้องเดินหน้าเต็มที่

ส่วนหนักใจหรือไม่เรื่องการเมืองสุจริตซึ่งหลายฝ่ายเกรงว่าจะมีการใช้เงินจากการฟอกขาว เข้ามาใช้ในการเมือง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนหนักใจน้อยลงกว่าเดิมเยอะ เพราะตั้งแต่ตนกลับเข้ามา ได้เจอผู้คนประชาชนธรรมดาไปจนถึงนักธุรกิจระดับสูงพูดเป็นเสียงเดียวกันหมดว่าไม่ต้องการอยู่แบบนี้อีกแล้ว ยืนยันว่าหนักใจน้อยลงเพราะแนวร่วมของคนที่จะต่อสู้กับความไม่ถูกต้องเพิ่มมากขึ้นมาก

ภราดรยันรบ.พร้อมแจงถูกอภิปราย

นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมพร้อมรับมืออภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า ต้องรอดูว่าฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ ถ้ายื่นก็เชื่อว่าทุกคนในคณะรัฐมนตรี (ครม.) พร้อมที่จะชี้แจง ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อวันที่ 16 พ.ย.นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี ออกมาท้าทายฝ่ายค้านให้ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 152 คือการอภิปรายโดยไม่มีการลงมติ นายภราดร กล่าวว่า นายโสภณพูดที่พรรคในนามส่วนตัว ซึ่งพูดชัดว่าเป็นการพูดในนามของลูกพรคภูมิใจไทย แต่ในส่วนของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีได้มีการออกแถลงการณ์ไปแล้วว่าพร้อมที่จะให้ฝ่ายนิติบัญญัติเดินหน้าสู่กระบวนการตรวจสอบและพร้อมที่จะชี้แจงในทุกประเด็น

เมื่อถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลยืนยันหรือไม่ว่ายังคงเป็นไปตามบันทึกความเข้าใจ (MOA) ในประเด็นเรื่องการยุบสภาวันที่ 31 ม.ค.69 นายภราดร กล่าวว่า ไทม์ไลน์ยังเหมือนเดิม เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านขอเปิดตามมาตรา 151 ในขณะที่รัฐบาลเป็นเสียงข้างน้อย ประเด็นนี้รัฐบาลทำใจแล้วใช่หรือไม่ว่าถึงอย่างไรก็คงจะแพ้ นายภราดร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีประกาศตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่มีแค่ 140 กว่าเสียง เพราะฉะนั้นในส่วนของงานสภาไม่ว่าจะเป็นญัตติใดถ้าไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภาก็คงไม่สามารถชนะโหวตได้ รวมถึงญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย ดังนั้นเมื่อถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจโอกาสที่จะพลิกชนะเสียงไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านมันเป็นไปไม่ได้เลย แต่อย่างไรก็ตามในรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าการจะไม่ไว้วางใจนั้นต้องมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดคือ 250เสียงถึงจะล้มรัฐบาลได้ ซึ่งต้องไปดูในช่วงนั้นว่าจะมีเสียงลงมติมากกว่ากึ่งหนึ่งหรือไม่ กรณีนี้หมายถึงถ้าฝ่ายค้านยื่นอภิปรายจริง เมื่อถามว่า มีคนจับตาว่า จะมีเสียงจากฝ่ายค้านอื่นที่ไม่ใช่พรรคประชาชนมาช่วยยกมือโหวตให้รัฐบาล นายภราดร กล่าวว่า ยังไม่ยื่นญัตติอภิปรายเลย อย่าเพิ่งคิดถึงลงมติ ให้มีญัตติก่อนแล้วค่อยว่ากัน

กางไทม์ไลน์แก้รธน.จบก่อนปีใหม่

นายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ยังให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเปิดวันใดว่า การจะเปิดวันใดอยู่ที่กรรมาธิการว่าจะพิจารณาเสร็จเมื่อใด หากเสร็จภายในต้นเดือนธ.ค. ก็สามารถเปิดประชุมสมัยวิสามัญได้ ก่อนเปิดสมัยประชุมสามัญวันที่ 12ธ.ค.ตนดูไทม์ไลน์คร่าวๆ และได้หารือกับคณะกรรมาธิการแล้วว่าการโหวตวาระ 3 ต้องแล้วเสร็จก่อนช่วงปีใหม่ หมายความว่าหากเปิดสมัยประชุมวิสามัญวันที่ 9-11 ธ.ค. ยังสามารถลงมติวาระ 3 ก่อนช่วงปีใหม่ได้อยู่ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรมว.มหาดไทยยืนยันว่าพร้อมเปิดประชุมสมัยวิสามัญให้ อย่างไรก็ตามขณะนี้การพิจารณาของกรรมาธิการเดินหน้าไปได้พอสมควรแล้ว ในมาตรา 256/1 ที่เป็นหัวใจของการแก้รัฐธรรมนูญได้ผ่านมติเสียงข้างมากแล้ว ส่วนมาตราอื่นคงใช้เวลาไม่มาก เดินหน้าได้เร็วมากขึ้น คาดว่าภายในเดือน พ.ย. น่าจะแล้วเสร็จ แต่หากไม่แล้วเสร็จก็น่าจะเสร็จต้นเดือนธ.ค.

สูตร20หยิบ1’เพื่อไทยเห็นด้วยแล้ว

เมื่อถามว่า กระบวนการนี้จะเดินหน้าไปถึงเดือนม.ค.ใช่หรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า“อยู่แล้ว เพราะจากไทม์ไลน์ลงมติวาระ3ช่วงก่อนปีใหม่ หลังผ่านช่วงปีใหม่ไปแล้ว จะส่งเรื่องมาที่ ครม.แล้วหลังจากนั้นอีก 2-3วัน ก็จะประชุมครม.เพื่อมีมติให้ทำประชามติแล้วส่งเรื่องไปที่ กกต.โดยช้าที่สุดไม่เกินกลางเดือน ม.ค.”เมื่อถามว่า การทำประชามติจะทันไทม์ไลน์ของกกต.ที่ขอเวลาเตรียมความพร้อมไว้ 75วันหรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า เมื่อ 2สัปดาห์ก่อน ทางเลขา กกต.แจ้งแล้วว่าขอเวลา 75วัน โดยย้อนจากวันที่ 29 มี.ค.69 ซึ่งจะตรงกับวันที่ 15ม.ค.69 ครม.จำเป็นต้องมีมติภายในวันดังกล่าวเพื่อส่งให้กับ กกต.เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่พรรคเพื่อไทยโจมตีว่าสูตร 20หยิบ1 จะทำให้เกิดการล็อกสเปก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ นายภราดร กล่าวว่า อะไรก็ไม่ดีไปหมด จริงๆสูตรนี้ได้มีการหารือกันนอกรอบ ตนได้อภิปรายเรื่องนี้ตามร่างของพรรคภูมิใจไทยมาตั้งแต่วาระ1 แต่พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนมองว่า จะทำให้สภาร่างรัฐธรรมนูญเป็นสีใดสีหนึ่ง ตนเลยยอมถอยแล้วใช้สูตรพรรคประชาชน วันนั้นพรรคเพื่อไทยบอกว่า แบบนี้ก็พูดคุยกันได้ แล้วพยายามทำทุกอย่างให้การแก้รัฐธรรมนูญเดินต่อได้

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top