เตือนครั้งสุดท้าย!!!  'พ.ร.บ.คุ้มครองหมอ-พยาบาล'ส่อตก หากไม่ช่วยกัน ต้องทนงานหนักไปอีกกี่รุ่น?

เตือนครั้งสุดท้าย!!! 'พ.ร.บ.คุ้มครองหมอ-พยาบาล'ส่อตก หากไม่ช่วยกัน ต้องทนงานหนักไปอีกกี่รุ่น?

วันอังคาร ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 09.31 น.

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2568  นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก Veerapun Suvannamai ระบุว่า พ.ร.บ.คุ้มครองการปฏิบัติงานของบุคลากรสาธารณสุข 4 วันที่ผ่านมามีคนสนับสนุนกฎหมายเพียง 2,000 คน แต่เราต้องการ 10,000 คนเพื่อให้กฎหมายเข้าสภานะครับ 

ผมได้ทำส่วนที่ผมทำได้เพื่อพวกเราแล้ว หากพวกเราไม่ช่วยกัน กฎหมายจะตกไปนะครับ และผมเองคงไม่ทำเรื่องนี้อีกแล้วเพราะเต็มที่แล้ว ไม่รู้ต้องรออีกกี่ยุคถึงจะมีคนมาทำเรื่องนี้อีกครั้งแล้วนะ


นพ.วีระพันธ์ ได้มีข้อความอีกว่า หากบุคลากรเอาแต่บ่นว่างานหนัก แต่ไม่ช่วยกดดันกฎหมายรอบนี้ เราอาจต้องทนกันไปอีกชั่วลูกชั่วหลานแล้วนะครับ

ทั้งนี้  นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้โพสตฺข้อความอีกว่า ใจความสำคัญของร่าง พ.ร.บ. ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการปฏิบัติงานของบุคลากรสาธารณสุข พ.ศ. ....
บันทึกหลักการและเหตุผล (หน้า 1)

หลักการ: ให้มีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองการปฏิบัติงานของบุคลากรสาธารณสุข
เหตุผล:

* ปัจจุบันภาระงานของบุคลากรสาธารณสุขในสถานพยาบาลของรัฐเพิ่มขึ้นอย่างมาก
* สาเหตุมาจากการประกาศใช้กฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ, กฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม, และการรองรับผู้ป่วยแรงงานเพื่อนบ้านถูกกฎหมาย
* ส่งผลให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อผู้ป่วยเนื่องจากคุณภาพการรักษาพยาบาลตกต่ำลง อันเป็นผลจากความอ่อนล้าทางกายและใจของบุคลากร
* เกิดการกระทบกระทั่งจากความไม่เข้าใจกันระหว่างบุคลากรและผู้ป่วยหรือญาติ
* ทำให้ขวัญกำลังใจตกต่ำลงและรัฐสูญเสียบุคลากรสาธารณสุขออกไปจากระบบราชการจำนวนมาก
* จึงสมควรกำหนดมาตรฐานในการปฏิบัติงานในเรื่อง จำนวนชั่วโมงปฏิบัติงาน, ชั่วโมงพักผ่อน, ค่าตอบแทน, และความปลอดภัยต่อสุขภาพอนามัย ของบุคลากรสาธารณสุข
* ซึ่งจะส่งผลดีต่อความปลอดภัยในการเข้ารับการรักษาพยาบาลของผู้ป่วย และช่วยให้รัฐวางแผนอัตรากำลังได้อย่างถูกต้อง

ร่างพระราชบัญญัติ (หน้า 2 - 13)

บทบัญญัติสำคัญ
* การบังคับใช้: ใช้บังคับเมื่อพ้น 180 วันนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา (อาจต้องมีบทเฉพาะกาลก่อน 4-5 ปี เพื่อผลิต และกระจายกำลังคนให้เหมาะสมก่อน)
* คำนิยาม "บุคลากร": หมายถึง บุคลากรสาธารณสุข เช่น ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม, การพยาบาลและการผดุงครรภ์, ทันตกรรม, เภสัชกรรม, กายภาพบำบัด, เทคนิคการแพทย์, ผู้ประกอบโรคศิลปะ และอื่น ๆ ที่รัฐมนตรีกำหนดเพิ่มเติม โดยต้องเป็นการปฏิบัติหน้าที่การให้การบริบาลสาธารณสุขตามที่ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการสถานพยาบาลของรัฐ แต่ไม่รวมถึงบุคลากรที่อยู่ระหว่างการศึกษาอบรมไปพร้อมกับการปฏิบัติงาน
* ผู้รักษาการ: รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้รักษาการ

หมวด 1 คณะกรรมการคุ้มครองการปฏิบัติงานของบุคลากรสาธารณสุข (มาตรา 5 - 11)

* องค์ประกอบ: มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานกรรมการ และปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นรองประธานกรรมการ
* กรรมการ: ประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่กำหนดนโยบายการบริการสาธารณสุข (เช่น สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน, สปส., สปสช.), ผู้แทนหน่วยที่เกี่ยวข้อง (เช่น กลาโหม, อว., มหาดไทย, แรงงาน), ผู้แทนสภาวิชาชีพ (เช่น ทันตแพทยสภา, แพทยสภา, สภาการพยาบาล), ผู้แทนผู้อำนวยการโรงพยาบาลแต่ละประเภท, และผู้แทนบุคลากรที่ไม่ใช่ผู้บริหาร
* วาระ: กรรมการที่มาจากการเลือกมีวาระคราวละสามปี และดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระไม่ได้
* อำนาจหน้าที่: กำหนดสัดส่วนบุคลากรให้เหมาะสมกับจำนวนผู้ป่วย, กำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนเบี้ยความเสี่ยงพิเศษ, กำหนดแนวทางคุ้มครองดูแลบุคลากรให้ได้รับความปลอดภัย, ให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่บุคลากรที่ถูกละเมิดสิทธิ, และอื่น ๆ
หมวด 2 การกำหนดจำนวนชั่วโมงปฏิบัติงานและค่าตอบแทน (มาตรา 12 - 19)

* ชั่วโมงปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ: ต้องไม่เกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
* ชั่วโมงปฏิบัติงานในวันหยุดราชการ: ต้องไม่เกิน 12 ชั่วโมงต่อวัน และไม่เกินสองวันติดต่อกัน (มีข้อยกเว้นสำหรับเวรเรียกตัว)
* ชั่วโมงหยุดพักการปฏิบัติงาน: ต้องไม่ต่ำกว่า 60 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และไม่น้อยกว่าสัปดาห์ละหนึ่งวัน
* การปฏิบัติงานในกะดึก: ต้องจัดให้มีชั่วโมงหยุดพักการปฏิบัติงานอย่างน้อย 8 ชั่วโมงติดต่อกันหลังสิ้นสุดกะดึก และห้ามบุคลากรปฏิบัติงานในกะดึกเกินกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์
* ความสมัครใจ: ชั่วโมงปฏิบัติงานนอกเวลาราชการและชั่วโมงปฏิบัติงานเพิ่มเติมต้องเป็นไปตามข้อตกลงด้วยความสมัครใจร่วมกัน ห้ามใช้คำสั่งบังคับโดยมิได้สมัครใจ
* ค่าตอบแทน:
* ชั่วโมงปฏิบัติงานนอกเวลาราชการและเพิ่มเติม: ไม่น้อยกว่า 1.5 เท่า ของค่าจ้างรายชั่วโมงในเวลาราชการ
* การปฏิบัติงานในกะดึก: ได้ค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า ร้อยละ 20 ของค่าจ้างรายชั่วโมงในเวลาราชการ
* การปฏิบัติงานในวันหยุดราชการ: ไม่น้อยกว่า 2 เท่า ของค่าจ้างรายชั่วโมงในเวลาราชการ
* การปฏิบัติงานที่มีความเสี่ยงสูง (เช่น ห้องฉุกเฉิน, ห้องผ่าตัด): มีสิทธิได้รับ เบี้ยความเสี่ยงพิเศษ
* กองทุน: จัดตั้ง "กองทุนสนับสนุนค่าตอบแทนสำหรับชั่วโมงการปฏิบัติงานที่มิใช่ชั่วโมงปฏิบัติงานในเวลาราชการ" มีฐานะเป็นนิติบุคคล ในสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข

หมวด 3 การคุ้มครองบุคลากรสาธารณสุข (มาตรา 20 - 24)
* ความรับผิดชอบ: กรณีต้องเข้าปฏิบัติงานนอกเวลาหรือขาดแคลนบุคลากรจนต้องดูแลรักษาตามมาตรฐานวิชาชีพ บุคลากรจะได้รับการคุ้มครองให้พ้นจากความรับผิดทั้งปวง เว้นแต่ กระทำโดย

เจตนาจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
* ห้องพักผ่อน: สถานพยาบาลของรัฐต้องจัดหาห้องพักผ่อนที่เหมาะสมและเพียงพอ กรณีบุคลากรปฏิบัติงานนอกเวลาราชการและกะดึก
* ความปลอดภัย: ผู้อำนวยการสถานพยาบาลฯ ต้องจัดให้มีมาตรการคุ้มครองและดูแลความปลอดภัยของบุคลากรในสังกัด มิให้ถูกข่มขู่ คุกคาม ทำร้าย หรือถูกละเมิดสิทธิ มาตรการต้อง

ครอบคลุมถึงการจัดระบบรักษาความปลอดภัย (เช่น เจ้าหน้าที่, กล้องวงจรปิด) และการให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย
* สิทธิการลา: ผู้อำนวยการฯ ต้องประกาศหลักเกณฑ์สิทธิในการลาพักร้อน ลากิจ หรือลาป่วย โดยชัดแจ้ง และต้องไม่ละเมิดสิทธิ
หมวด 4 การจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ให้บริการสาธารณสุขที่ได้รับความเสียหายจากการให้บริการสาธารณสุข (มาตรา 25 - 29)
* คณะกรรมการพิจารณาและวินิจฉัย: หัวหน้าส่วนราชการต้นสังกัดเป็นผู้แต่งตั้งเพื่อพิจารณาการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น
* หลักเกณฑ์การได้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น:
* ความเสียหายต้องเกิดจากการให้บริการสาธารณสุขที่มีจริยธรรมและได้มาตรฐานวิชาชีพ
* ความเสียหายต้องไม่เกิดจากความจงใจและความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้ให้บริการสาธารณสุขเอง
* เงินช่วยเหลือเบื้องต้นเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ และหากไม่เพียงพอให้เบิกจ่ายจากเงินนอกงบประมาณ
* การได้รับเงินนี้ไม่เป็นการตัดสิทธิการช่วยเหลืออื่นจากทางราชการ เว้นแต่ได้รับเงินอื่นที่มีลักษณะเดียวกันไปแล้ว

หมวด 5 บทกำหนดโทษ (มาตรา 30 - 31)
* สถานพยาบาลของรัฐ: ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และต้องชดเชยค่าตอบแทนแก่บุคลากรที่ถูกละเมิดสิทธิ
* ผู้อำนวยการสถานพยาบาลฯ หรือหัวหน้าหน่วยบริการฯ: เจตนาละเลยไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ในเรื่องสิทธิการลา (มาตรา 24) ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และถือเป็นความผิดทางวินัย

ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ (หน้า 17)

การมี พ.ร.บ. นี้จะทำให้:
* คุณภาพของการรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลของรัฐดีขึ้น
* ไม่เกิดการกระทบกระทั่งอันเนื่องมาจากความไม่เข้าใจกันระหว่างบุคลากรสาธารณสุขและผู้ป่วยหรือญาติ
* ขวัญกำลังใจของบุคลากรสาธารณสุขดีขึ้น
* รัฐรักษาบุคลากรสาธารณสุขไว้ในระบบราชการเพิ่มมากขึ้น
* เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ป่วยหรือญาติว่าจะได้รับการดูแลรักษาและบริบาลอย่างมีคุณภาพและตรงตามมาตรฐาน

คนไม่พอจะขึ้นเวรกันยังไง รพ.ต้องปิดมั้ย?
https://www.facebook.com/share/p/17iySBGRdi/?mibextid=wwXIfr

เห็นด้วย ต้องการสนับสนุน ทำตามวิธีใน link นี้
https://www.facebook.com/share/p/1H8pqVuqRs/?mibextid=wwXIfr
 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top