สกัดปะทะเขมร  นายกฯสั่งพาAOTเป็นพยาน  ลุยกู้ทุ่นระเบิด13จุดชายแดน

สกัดปะทะเขมร นายกฯสั่งพาAOTเป็นพยาน ลุยกู้ทุ่นระเบิด13จุดชายแดน

วันพุธ ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

“บิ๊กเล็ก”ยันไทยเดินหน้าเร่งเก็บกู้ทุ่นระเบิดเอง 13 พื้นที่ ย้อนเจ็บ“ฮุนเซน”หลังท้าปิดด่าน 100 ปี บอกจะได้สบายใจไม่ต้องพูดเรื่องด่านอีก ยันไม่ปล่อยตัว 18 เชลยศึก ตราบใดเขมรยังเป็นปรปักษ์ไทย“สีหศักดิ์”ยัน ยึดคำพูดผู้นำเดินหน้าเจรจาภาษีสหรัฐต่อนายกฯย้ำทำความเข้าใจเจรจาการค้าสหรัฐ ไม่เกี่ยวสถานการณ์ชายแดน กำชับกู้ทุ่นระเบิดทุกครั้งต้องมี เอโอทีไปเป็นพยาน

เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน เวลา 09.58 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการกำหนดเวลาเก็บกู้ทุ่นระเบิดใน13 พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องให้แล้วเสร็จเมื่อไหร่ว่า ไม่ได้กำหนดเวลา เพราะการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เราจะไปเร่งรัดไม่ได้ ต้องทำตามลำดับ จริงๆเราเสนอไปในที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เมื่อวันที่ 10 กันยายนในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด 13 พื้นที่ ซึ่งขณะนี้เก็บกู้แล้ว 5 พื้นที่ และเราจะเก็บกู้ต่อไปอีก 8 พื้นที่และถ้า8 พื้นที่เสร็จแล้ว เราก็จะขยายต่อ เพราะมีจำนวนมาก ดังนั้นเราไม่ต้องกำหนดเวลา แต่ให้เร่งรัดดำเนินการ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนตามแนวชายแดนและทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วย


ไทยไม่รอเขมรเร่งกู้ระเบิด13จุดเขตไทย

ผู้สื่อข่าวถามถึงพื้นที่ที่กำหนดไว้ 64 พื้นที่ ฝ่ายไทยจะดำเนินการเก็บกู้เองทั้งหมดหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เราก็ต้องดำเนินการเอง ซึ่งจริงๆแล้วตอนแรกที่ประชุมกัน เราต้องการทำร่วมกัน โดยกัมพูชาก็อยากให้รอ แต่เราคงรอไม่ได้แล้ว จากการสูญเสียไปถึง 7 ขา ดังนั้นเราต้องทำเอง และทำฝ่ายเดียวนี่แหละ

“วันนี้ประชาชนไม่ต้องกังวลใจว่า ทำไมกัมพูชายังไม่เก็บ เมื่อเขายังไม่เก็บ เราก็เก็บในพื้นที่ของเรานี่แหล่ะ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนคนไทยและทหารไทยที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่”รมว.กลาโหมกล่าว

ยังไม่ปล่อยเชลย-สัญลักษณ์เขมรเป็นปรปักษ์

เมื่อถามถึงกรณี 18 เชลยศึกทางกัมพูชากล่าวหาว่าไทยพยายามเก็บไว้เพื่อเป็นข้อต่อรอง เรายังยืนยันที่จะไม่ปล่อยตัวใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ยังไม่ปล่อยตัว เพราะเราจะทำเป็นสัญลักษณ์ว่าเขายังไม่แสดงความสิ้นสุดการเป็นปรปักษ์ ไม่ได้เป็นการต่อรองอะไรเลย เพราะฉะนั้นขณะนี้ยังไม่คิดจะปล่อย

ถามว่านายฮุน เซน ออกมาบอกว่า ไม่ได้สนใจ 18 เชลยศึกแล้ว หากไทยอยากเก็บเอาไว้ก็แล้วแต่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า เราทำตามกฎหมายและหลักการอย่างเดียว เราไม่ได้สนใจว่ากัมพูชาจะคิดอย่างไร เราทำตามหลักการและกฎหมาย

สบายใจฮุนเซนไม่สนไทยปิดด่านร้อยปี

เมื่อถามถึงกรณีนายฮุน เซนระบุถ้าไทยอยากจะปิดด่าน 100 ปี ก็ทำไป พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า สื่อมวลชนคงคิดได้ว่าหมายความว่าอย่างไร อย่างนั้นก็ฝากสื่อมวลชนไปดูรายละเอียดในปฏิญญา Joint Declaration ดีๆ ที่มีการให้งดยั่วยุ และต้องแสดงความมุ่งมั่นไปสู่สันติภาพ การที่กัมพูชาพูดแบบนั้นเป็นการมุ่งมั่นหรือไม่ ส่วนตัวที่เคยพูดไว้ว่า ไม่ต้องมาคุยกับตนแล้ว เพราะประชาชนคนไทยไม่ต้องการ ฉะนั้นตนก็จะไม่พูดเรื่องปิดด่าน ตนก็ตอบไปตามความรู้สึก ความเห็นของคนไทย ความต้องการของประชาชน เพราะฉะนั้นตนต้องทำตามความต้องการประชาชน ในเมื่อนายฮุนเซน บอกว่า 100 ปี ไม่ต้องเปิดด่าน ตนเองก็สบายใจว่าชีวิตนี้ไม่ต้องมาคุยกับตนเรื่องเปิดด่านแล้ว

เดินหน้าเจรจาการค้า-คนละเรื่องปมชายแดน

ด้านนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีผู้แทนการค้าสหรัฐฯ(ยูเอสทีอาร์) ส่งหนังสือระงับเจรจาภาษีมาถึงไทยว่า ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย คุยกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ก็ไม่มีการพูดคุยเรื่องนี้ ซึ่งเราก็เดินหน้าของเราต่อไป ส่วนหนังสือที่ส่งมาก่อนหน้านี้มีผลหรือไม่นั้น ไทยถือเรื่องความมั่นคงเป็นสำคัญ ซึ่งควรแยกเรื่องการค้าออกจากกัน ยืนยันไทยจะเดินหน้าแก้ปัญหาที่มีอยู่ร่วมกับเขมร

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าไม่ต้องรอหนังสือยืนยันเป็นทางการจากสหรัฐฯแต่ยึดคำเจรจาระหว่างผู้นำสองประเทศใช่หรือไม่ นายสีหศักดิ์กล่าวว่า ตรงนี้สำคัญที่สุด

ถามว่าผู้นำ 2 ประเทศเข้าใจตรงกันใช่หรือไม่ นายสีหศักดิ์กล่าวว่า ตรงนี้ถือเป็นความเข้าใจตรงกัน เราก็ยังเดินหน้าของเราในการเจรจาการค้า เป็นคนละเรื่องกับปฏิญญาไทยกัมพูชา

นายกฯย้ำกลางครม.คุยการค้าไม่เกี่ยวชายแดน

ขณะที่นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกฯแถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ในที่ประชุมนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย มีข้อห่วงใยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยกำชับให้ทีมโฆษกประจำสำนักนายกฯ ทำความเข้าใจกับประชาชนว่า สหรัฐฯจะไม่นำประเด็นการเจรจาการค้ามาผูกโยงกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยนายกฯสั่งการให้กระทรวงกลาโหมเร่งดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม เพื่อแสดงให้เห็นว่าไทยรักษาคำมั่นที่ให้ไว้กับทุกฝ่าย ซึ่งจะเก็บกู้ฝั่งของประเทศไทยก่อน จากเดิมที่จะร่วมเก็บกู้ระหว่างสองประเทศ แต่ตอนนี้เป็นการดำเนินการของไทยฝ่ายเดียว และนายกฯกำชับว่าการดำเนินการทุกครั้งต้องแจ้งให้คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน(เอโอที)ทราบ เพื่อให้มีประจักษ์พยานป้องกันการบิดเบือนของผู้ไม่หวังดีและประเทศผู้ไม่หวังดี

ย้ำกู้ระเบิดทุกครั้งต้องแจ้งให้เอโอทีไปด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการหารือเรื่องสถานการณ์ชายแดน เป็นการหารือวาระลับ โดยประเด็นปักหมุดเขตแดนชั่วคราวในพื้นที่บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้วนั้น จะดำเนินการต่อ เพื่อดำเนินการสร้างรั้วชั่วคราวในลำดับถัดไป นอกจากนี้เกี่ยวกับการเก็บกู้ทุ่นระเบิดว่ามีอะไรที่น่ากังวลหรือไม่ โดยพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม รายงานว่ามีบางส่วนที่กัมพูชาไม่ให้ความร่วมมือในการเก็บกู้แม้จะอยู่ในเขตแดนไทยหรือไม่ นายกฯจึงสอบถามว่าหากเราเดินหน้าเก็บกู้จะมีการปะทะระหว่างกันหรือไม่ ซึ่งพล.อ.ณัฐพล ตอบกลับมาว่ามีแน่นอน จึงเป็นที่มาว่าการเก็บกู้ทุ่นระเบิดทุกครั้งให้นำเอโอที ลงพื้นที่ไปเป็นพยานด้วย

ชายไทยดับปริศนาในปอยเปต

เฟซบุ๊กเพจ ศูนย์ช่วยเหลือคนไทยในต่างแดน ภาคตะวันออก (IMF)โพสต์ข้อความระบุว่า คนไทยเสียชีวิตอีก 1 ศพ เช้านี้ ( 18 พฤศจิกายน) โดยผู้เสียชีวิตชื่อนายศราวุธ หรือ ‘โตโต้’ (สงวนนามสกุล) ชาวจังหวัดสมุทรปราการ โดยพบเสียชีวิตพิกัดเดียวกับ ‘น้องสุดา’ หญิงสาวชาวจังหวัดพังงา ซึ่งเสียชีวิตก่อนหน้านี้ ที่ตึกบี ชั้น 6 ห้องเลขที่ 218 พื้นที่ PaoyPaetเมืองปอยเปต ข้อความในโพสต์ยังกล่าวเชิงตำหนิถึงเจ้าหน้าที่ฝั่งกัมพูชาว่าไม่สนใจตรวจสอบพิกัด พร้อมระบุว่าผู้ก่อเหตุใช้ความรุนแรง ทำร้ายร่างกายผู้เสียชีวิตด้วยเหล็กตีและไฟฟ้าชอร์ต ซ้ำยังตั้งคำถามว่า ยังต้องมีคนไทยอีกกี่รายที่ต้องสังเวยชีวิตจากอาชญากรรมข้ามชาติรูปแบบนี้ โดยอ้างว่าบอสชาวจีน เป็นผู้สั่งการให้ลูกน้องคนไทยทำร้ายเหยื่อ หากทำยอดหลอกลวงเหยื่อคนไทยไม่ได้ตามเป้า

ศูนย์ช่วยเหลือคนไทยฯ เปิดเผยว่า ผู้ประสานงานได้รับการติดต่อจากเพื่อนรุ่นพี่ของผู้เสียชีวิต ซึ่งสามารถหลบหนีออกมาได้และยืนยันข้อมูลเรื่องการเสียชีวิต โดยขณะนี้เพื่อนรุ่นพี่ปลอดภัยแล้ว และร้องขอให้ศูนย์ฯ ช่วยประสานนำร่างของนายศราวุธกลับประเทศไทย เนื่องจากมีข้อมูลว่าออฟฟิศที่เหตุเกิดอาจนำศพไปฝังอย่างเงียบๆ ที่กรุงพนมเปญ ไม่เผาตามธรรมเนียม

เจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบข้อมูลของชายไทยผู้เคราะห์ร้ายรายนี้ ซึ่งถูกหลอกให้เดินทางไปทำงานกับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ เมื่อไม่สามารถทำยอดหลอกลวงได้ตามเป้า ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าตัวเลขอยู่ในหลักแสนบาท ก็จะถูกลงโทษและทำร้ายอย่างทารุณ ผู้ที่ทนไม่ไหวมักถูกซ้อมจนเสียชีวิต เช่นกรณีล่าสุดที่เพื่อนของผู้ตายส่งข้อมูลขอความช่วยเหลือมายังศูนย์ฯ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top