วันพุธ ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
"จารย์นกสวน"ติงทบทวนสูตร"20หยิบ1" ชี้ลดผูกขาดเสียงข้างมากไม่ได้จริง แนะให้กำหนดกรอบทำรธน.ใหม่ อย่าตีเช็กเปล่า ด้าน"โฆษก กมธ.แก้รธน."รับไม่เอื้อให้ได้รธน.ที่ดี แต่อยู่ที่การมีส่วนร่วมของประชาชน ขณะที่"อ.นิติ มธ."มองส่อมีปัญหา"ตรวจสอบ-ถ่วงดุล" หากให้"รัฐสภา"เลือกผู้ร่าง-เห็นชอบร่างรธน.ใหม่
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 ที่รัฐสภา ในการจัดเวทีสัมมนาวิชาการ เรื่อง แก้ไขรัฐธรรมนูญ ใครได้ประโยชน์ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการวิชาการของวุฒิสภา ร่วมกับสถาบันพระปกเกล้า โดยมีนักวิชาการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ น.ส.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี นักวิชาการคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สูตร 20 หยิบ 1 ช่วยแก้การผูกขาดระดับหนึ่ง ไม่มีเสียงข้างมากโหวตโดยตรง แต่ต้องพึงระวัง สูตรดังกล่าวจะมีผลจริงจัง สามารถลดการผูกขาดได้ต้องรอผลเลือกตั้งรอบหน้า ทั้งนี้ สว.มี 200 คน สามารถเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้ 10 คนจาก 35 คน อีกฝั่งหนึ่ง คือ พรรคการเมือง ที่อาจรวมกันได้ 200 คน หยิบได้ 10 คน โดยส่วนตัวเชื่อว่าการเลือกตั้งรอบหน้าจะไม่มีพรรคไหนที่ได้ สส.เกิน 200 เสียง ดังนั้น หาก สว.และพรรคการเมืองรวมกันได้ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ 20 คน จาก 35 คน เป็นความน่ากังวลใจ
น.ส.สิริพรรณ กล่าวต่อว่า สำหรับกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชน เป็นสิ่งสำคัญ โดยรัฐสภาต้องชูธงให้ประชานรู้สึกว่าได้ประโยชน์อะไรจากการแก้รัฐธรรมนูญ ขณะที่กระบวนการเลือกตั้งต้องสอดคล้องกัน ว่า ประชาชนเลือก สส.เพื่อให้เป็นตัวแทนเลือก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดกระบวนการการมีส่วนร่วมแก้รัฐธรรมนูญ และทำให้ประเด็นที่อยากแก้กระจายลงไป
"สิ่งที่ต้องคุยกัน คือ ก่อนให้ประชาชนลงประชามติ ต้องทำให้ประชาชนเห็นภาพว่าหน้าตาของรัฐธรรมนูญใหม่เป็นอย่างไร ไม่ใช่ตีเช็คเปล่า ทั้งนี้ ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนต่อการทำรัฐธรรมนูญที่ดี คือการจัดทำรัฐธรรมนูญที่ซื่อตรงเพื่อให้ระบอบการเมือง และรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชามติ ทั้งนี้ ขอพยากรณ์ว่า บัตรประสงค์ไม่ลงคะแนนจะเยอะ เพราะประชาชนไม่เชื่อมั่นในระบอบการเมือง เพราะปัจจุบันพบว่าไม่ต้องเป็นพรรคที่ได้ สส.ข้างมาก ก็ได้เป็นรัฐบาล" น.ส.สิริพรรณ กล่าว
น.ส.สิริพรรณ กล่าวต่อว่า มีประเด็นที่น่ากังวลคือการให้รัฐสภาผ่านร่างแก้รัฐธรรมนูญในวาระสามได้ก่อนการยุบสภา แต่หากยุบสภาก่อน 31 ม.ค.69 อาจทำไม่ได้ ดังนั้นอยากวิงวอนไปยังรัฐบาลให้ประกาศการจัดทำประชามติในคำถามแรก ว่าด้วยการขอความเห็นชอบจากประชาชนต่อการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แม้ว่าคำถามที่สองไม่สามารถทำได้ เพราะยังไม่ผ่านวาระสาม อย่างไรก็ดี หากไม่สามารถผ่านวาระสามได้ทันก่อนการยุบสภา ควรพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา
ขณะที่ นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา กล่าวตอนหนึ่งว่า สูตร 20 หยิบ1 ไม่ได้การันตีว่าจะทำให้ได้รัฐธรรมนูญที่ดี หรือการันตีทุกอย่างได้แต่ข้อเสนอที่คุยใน กมธ.เป็นแนวทางที่ดีที่สุด โดยเฉพาะกันการครอบงำของเสียงข้างมากในรัฐสภา การเลือกตั้งครั้งหน้า อาจไม่มีพรรคไหนได้ 200 เสียง สมมติว่า หาก สว.รวมหัวกัน 200 คน เลือกผู้ร่างได้เต็มที่ 10 คน อาจไปรวมกับพรรค หรือจาก สภาอื่นได้อีก 10 คน เมื่อรวมกันจะได้ 20 คน จาก 35 คน ถือว่ายังห่างไกลครึ่งหนึ่ง
"สูตร 20 หยิบ 1 ไม่ได้ทำให้เกิดรัฐธรมนูญที่ดี แต่อยู่ที่การมีส่วนร่วมของประชาชน จึงเสนอให้มีการถ่ายทอดสดให้ประชาชนได้ชมการถ่ายทอดสด เพื่อไม่ให้ผู้ร่างรัฐธรรมนูญไม่กล้าทำเรื่องที่แปลก ดังนั้นสูตรนั้นคือกระบวนการที่กันการครอบงำ ทำให้ร่างรัฐธรรมนุญใหม่ ที่มีความหลากหลายไม่ถูกผูกมัดกับคนที่มาร่างได้" นายนรเศรษฐ์ กล่าว
ทั้งนี้ น.ส.สิริพรรณ กล่าวชี้แจงทันทีว่า ตนเห็นภาพว่าจะเกิดการผูกขาด เช่น เมื่อพิจารณาจาก สว.ที่โหวตรับร่างแก้รัฐธรรมนูญของพรรคภูมิใจไทย จำนวน 167 คน จะได้ ผู้ยกร่าง 8 คน ส่วน สว.อีกกลุ่มอาจหยิบได้ 2 คน หากกลุ่มใหญ่ไปรวมกับพรรครัฐบาลครั้งหน้า ซึ่งฝั่งนั้นรวมกันได้ 200 คน เท่ากับจะได้ผู้ยกร่าง 20 คน เมื่อรวมกันจะได้ ผู้ยกร่างรวม 28 คน จาก 35 คน ถือว่าเกินครึ่ง ดังนั้นเป็นโจทย์ที่ต้องคิดต่อว่า หากจะลดการผูกขาดต้องหาวิธีอื่นอย่างไร ซึ่งต้องทบทวนดีๆ รวมไปถึงต้องไม่ใช้วิธีเขียนเช็คเปล่าให้ โดยการแก้ไขมาตรา 256 นั้นต้องวางกรอบให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับหน้า มีหลักประกันที่จะทำให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง รับผิดชอบในการกระทำของตนเอง มีระบบตรวจสอบถ่วงดุล ไม่ลดทอนสิทธิเสรีภาพ ที่น่ากังวลคือ การแก้ไขระบบเลือกตั้งที่มีเป้าหมายเพื่อเอื้อบางพรรคการเมือง ดังนั้นหากจะแก้ไขต้องไม่คิดว่าแก้แล้วเอื้อให้พรรคไหน แต่ต้องคำนึงถึงหัวใจให้ประชาชนมีส่วนร่วม ไม่สับสนและสะท้อนเจตนารมณ์ของตนเอง ดังนั้น ต้องวางกรอบให้ชัดเจน
ส่วน นายอภินพ อติพิบูลย์สิน อาจารย์ประจำคณระนำติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า สูตรที่กำหนดให้เป็นที่มาของผู้ร่างรัฐธรรมนูญ ด้วย 20 หยิบ 1 นั้น สุ่มเสี่ยงที่นักการเมืองจะเลือกคนกันเอง และอาจทำให้การแก้รัฐธรรมนูญอยู่ในระบบแบบเดิม ยากต่อการเปลี่ยนแปลงเรื่องที่อยู่นอกวงการเมืองได้ แต่สิ่งที่จะทำให้พ้นภาวะดังกล่าว คือ ประชาชนต้องเรียกร้องกดดันว่าต้องการได้รัฐธรรมนูญแบบไหน ต่อให้ออกแบบสูตร 20 หยิบ 1 การกดดันจะทำให้รัฐสภาเลือกคนที่ไม่น่าเกลียด หรือได้คนเป็นกลางมาทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
"มีคำถามว่ารัฐธรรมนูญจะหน้าตาเป็นอย่างไร ผู้คัดเลือก คือรัฐสภา ไม่ใช่ประชาชน และร่างรัฐธรรมนูญต้องผ่านความเห็นชอบจากรรัฐสภา หากผู้ที่มาเลือกกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ เป็นสภาชุดใหม่หลังเลือกตั้ง และเป็นผู้ที่ต้องรับรองร่างรัฐธรรมนูญเป็นชุดเดียวกัน อาจมีปัญหาตรวจสอบ ถ่วงดุล ขณะที่กระบวนการทำประชามติ สุ่มเสียงมีปัญหา หากถูกหยิบบางประเด็นมาเผยแพร่ เช่น ทรยศชาติ อาจทำให้ประชาชนทะเลาะกันเอง จนควบคุมไม่ได้ ดังนั้น การมีส่วนร่วม ถือเป็นเครื่องมือที่ต้องใช้อย่างงระมัดระวัง แต่หากกำหนดประเด็นชัดเจน เช่น มีคำถามพ่วงว่า เมื่อมีรัฐธรรมนูญใหม่แล้ว ต้องรีเซ็ตรัฐสภาทั้งหมด ทั้ง สส.และ สว." นายอภินพ กล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี