วันศุกร์ ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
“นายกฯ” ขึ้นเหนือ แถลงจับ “ปลัดอำเภอ-กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน”อ.เวียงแหง นำกลุ่ม “จีนเทา” สวมสิทธิ์ทำบัตรประชาชนได้ค่าจ้าง 8 แสน-1 ล้านบาท ลั่นเป็นเรื่องยอมรับไม่ได้ แก๊งสวมบัตรเอี่ยวกลุ่มจีนเทา มีขรก.ใช้ช่องว่างระบบสัญชาติ เปิดทางเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติเข้ามาสวมสิทธ์ิ คนไทยและจากการสืบสวนสอบสวนพบที่อ.เวียงแหงเยอะมาก จึงกวาดล้างครั้งใหญ่และจับกุมทั้งหมด ย้ำรัฐบาลยุคนี้จะสร้างความมั่นคงให้ประชาชน จะปราบปราบเรื่องเหล่านี้ให้หมด ทำให้บ้านเมืองสะอาด กร้าวไม่ว่าใครทำผิดมียศมีตำแหน่งจะจับให้หมด
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ที่ห้องประชุมคุ้มแก้วขวัญดาว กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานแถลงข่าวผลดำเนินการ“ปฏิบัติการตัดหมอกเวียงแหง” การดำเนินคดีกับขบวนการนำคนต่างด้าวมาสวมตัว และทำหลักฐานเท็จ ในพื้นที่อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ และผลการปฏิบัติงานด้านการปราบปรามยาเสพติดคดีรายสำคัญ ในพื้นที่ ภ.5 จำนวน 3 คดี
โดยเจ้าหน้าที่ส่วนปราบปรามทุจริตทางทะเบียนและบัตร สน.บท. เจ้าหน้าที่ สน.สก.กรมการปกครอง สํานักงานตํารวจแห่งชาติ (บก.ปปป.,) ปปช., ปปท. และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ดำเนินการจับกุมกลุ่มขบวนการทุจริตเรียกรับผลประโยชน์จัดทําใบสําคัญถิ่นที่อยู่ถาวร และการให้สัญชาติไทยแก่คนต่างด้าว ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 ในพื้นที่อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ โดยมีการออกบัตรที่น่าสงสัยกว่า 20,000 ราย สามารถจับกุมนายอภิสิทธิ์ (สงวนนามสกุล) ปลัดอำเภอ เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการพิเศษ อดีต หน.กง.ทบ.อ.เวียงแหงปัจจุบัน ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่ อ.ภูซาง จ.พะเยา ถูกจับกุมในพื้นที่ อ.ภูซาง จ.พะเยา นายสรรเสริญ (สงวนนามสกุล) ปลัดอำเภอ เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ อดีตปลัดอำเภอ(สำนักทะเบียน อ.เวียงแหง) ปัจจุบัน ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ถูกจับกุมในพื้นที่อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
กลุ่มอดีตลูกจ้างอำเภอที่ปฏิบัติหน้าที่ ที่สำนักทะเบียน อ.เวียงแหง น.ส.ชนันพัทธ์ (สงวนนามสกุล) ถูกจับกุมในพื้นที่จ.สมุทรสาคร น.ส.ชนิศา (สงวนนามสกุล) ถูกจับกุมในพื้นที่อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่นายวิโรจน์ (สงวนนามสกุล) ถูกจับกุมในพื้นที่อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ น.ส.ธัญชนก (สงวนนามสกุล) ถูกจับกุมในพื้นที่ อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่
กลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้าน นายศรีทน (สงวนนามสกุล) กำนันต.เมืองแหง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ถูกจับกุมในพื้นที่ อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ นางอิ่นแก้ว (สงวนนามสกุล) ผู้ใหญ่บ้าน ม.4 ต.เมืองแหง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ถูกจับกุมในพื้นที่ อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ นายนาคินทร์ (สงวนนามสกุล) ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.เปียงหลวง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ (ปัจจุบันเสียชีวิต) นายศุภกิจ (สงวนนามสกุล) ผู้ใหญ่บ้าน ม.9 ต.เมืองแหง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ถูกจับกุมในพื้นที่ อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่
กลุ่มบุคคลต่างด้าวที่กระทำผิด น.ส.คำแหลง (สงวนนามสกุล) ถูกจับกุมในพื้นที่อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ นายวันชัย (สงวนนามสกุล) ถูกจับกุมในพื้นที่กทม. นอกจากนี้ ยังตรวจยึดอาวุธปืนได้เป็นจำนวนมากและจะมีการตรวจสอบว่าอาวุธปืนเหล่านี้ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
นายกฯกล่าวต่อว่า การจับกุมครั้งนี้เจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนสอบสวนพบว่ามีกลุ่มนายหน้าร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริต นําคนต่างด้าวซึ่งไม่มีคุณสมบัติตามมติครม.ดังกล่าว มาทําการสวมตัวและทํารายการเท็จออกใบสําคัญถิ่นที่อยู่ถาวรและบัตรประจําตัว โดยทุกคนจะเสียค่าใช้จ่ายรายละ 8 แสนบาท บางรายกว่าล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มจีนเทาและเชื่อมโยงกับการเปิดบัญชีม้าดำ จึงรวบรวมพยานหลักฐานและมีการออกหมายจับและเปิดปฏิบัติการตัดหมอกเวียงแหง และจับกุมทั้งหมดไว้ได้ ก่อนแจ้งข้อหาความผิดฐานร่วมกันกระทําการเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นมีชื่อหรือมีรายการในทะเบียนบ้านหรือเอกสารการทะเบียนราษฎรอื่นโดยมิชอบ ตามมาตรา 50 วรรคสอง แห่งพ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534, นําเข้าสู่ระบบ คอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จหรือข้อมูลปลอมโดยทุจริตหรือโดย หลอกลวง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน มาตรา 9 ประกอบ มาตรา 14 (1) แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560, เป็นเจ้าพนักงานทําเอกสารเท็จ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริตตามมาตรา 162 และมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
นายอนุทินกล่าวอีกว่า นอกจากอำเภอเวียงแหง ทางชุดทำงานยังพบว่า มีกระบวนการที่ทำรูปแบบนี้ในพื้นที่อื่นอีกในประเทศไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานในการดำเนินการต่อไป ในส่วนคดียาเสพติด ตำรวจภูธรภาค 5 บูรณาการร่วมกับ ฝ่ายปกครอง ฝ่ายทหาร และสำนักงาน ป.ป.ส. บูรณาการป้องกันปราบปรามยาเสพติด สามารถจับกุมได้ 3 คดีสำคัญ
คดีแรก ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย รับแจ้งเบาะแสจากพลเมืองดีว่า พบเห็นรถกระบะ มาสด้า สีน้ำตาล บรรทุกหญ้าคาเต็มกระบะท้ายรถ จอดอยู่ข้างเมรุเผาศพ ภายในฌาปนสถาน บ้านปงเคียน ต.ดงมหาวัน อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย จึงเข้าไปตรวจสอบไม่พบคนขับค้นในรถพบยาบ้า 6 ล้านเม็ด
คดีที่สอง เจ้าหน้าที่สืบสวนจังหวัดพะเยาจับกุม ผู้ต้องหาได้ 1 คน พร้อมรถยนต์ 1 คัน ยาบ้า 5 ล้านเม็ด ในพื้นที่ ต.ห้วยลาน อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา
คดีที่สาม ชุดสืบสวนจังหวัดเชียงราย รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า ผู้ต้องหามีรถยนต์บรรทุกมีพฤติการณ์หาฟางข้าวบรรทุกใส่รถเดินทางจากเชียงราย ไปยังจ.สุพรรณบุรี จึงเข้าตรวจสอบพบผู้ต้องหา 2 คน คือ นายนิติฐพนธ์และน.ส.วิมลวรรณ กำลังเอาฟางข้าวขึ้นท้ายรถบรรทุกในลักษณะอำพราง จึงเข้าตรวจค้น พบของกลางไอซ์ 20 กระสอบ รวมประมาณ 500 กก. บรรทุกอยู่กระบะท้ายรถ ผู้ต้องหารับว่าไปลำเลียงยาเสพติดมาจากพื้นที่อ.เชียงแสน ไปส่งที่จ.พระนครศรีอยุธยา โดยใช้ฟางข้าวปิดบังอำพราง ได้รับค่าจ้าง เป็นเงิน 1 ล้านบาท
นายอนุทินเผยว่า สำหรับแก๊งสวมบัตรนั้น เกี่ยวข้องกับกลุ่มจีนเทา ซึ่งมีข้าราชการใช้ช่องว่างระบบสัญชาติ เป็นการเปิดทางเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติเข้ามาสวมสิทธิคนไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ และจากการสืบสวนสอบสวนพบว่ามีการทำที่อ.เวียงแหงเยอะมาก จึงกวาดล้างครั้งใหญ่และจับกุมทั้งหมด รัฐบาลยุคนี้จะสร้างความมั่นคงให้ประชาชน จะปราบปราบเรื่องเหล่านี้ให้หมดทำให้บ้านเมืองสะอาด และไม่ว่าใครจะทำผิดเป็นคนมียศมีตำแหน่งก็จะจับให้หมด
สำหรับยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือเป็นจุดสำคัญในการนำเข้ายาเสพติด ซึ่งทุกหน่วยงานก็ประสานความร่วมมือป้องกันปราบปรามจับกุม ซึ่งจากนี้ทุกหน่วยงานจะเดินหน้าปราบปรามอย่างจริงจัง รวมถึงการ ขยายผลต่อยอดถึงผู้ค้าผู้ส่งและอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ขอให้ความมั่นใจว่ากลุ่มผู้บุคคลที่เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้จะถูกจับและได้รับโทษรุนแรงที่สุด รัฐบาลพร้อมสนับสนุนการทำงานทุกภาคส่วนในการปราบปรามสกัดกั้นยาเสพติด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี