วันศุกร์ ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
อัยการสั่งฟ้องคดี ม.116 '5 นักกิจกรรม'คดีประชามติจำลอง เมื่อปี 66

อัยการสั่งฟ้องคดี ม.116 '5 นักกิจกรรม'คดีประชามติจำลอง เมื่อปี 66

วันศุกร์ ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 08.54 น.

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2568 เพจเฟซบุ๊ก "ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน" ได้โพสต์ข้อความว่า  อัยการสั่งฟ้องคดี ม.116 “5 นักกิจกรรม-นศ. ปัตตานี” กรณีเสวนาสิทธิในการกำหนดอนาคตตัวเอง-กิจกรรมประชามติจำลอง

วันที่ 20 พ.ย. 2568 ที่ศาลจังหวัดปัตตานี พนักงานอัยการภาค 9 ได้ยื่นฟ้องคดีของนักกิจกรรมและนักศึกษาจำนวน 5 คน ในข้อหาหลักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 กรณีถูกกล่าวหาจากกิจกรรมทำประชามติจำลอง ระหว่างงานเสวนาเรื่อง “สิทธิในการกำหนดอนาคตตนเองกับสันติภาพปาตานี” ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2566  โดยศาลให้ประกันตัวทั้งห้าคนในระหว่างพิจารณา


แม่ทัพภาค 4 มอบอำนาจกล่าวหา ม.116-ซ่องโจร คดีอยู่ในชั้นอัยการกว่า 1 ปี

ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งห้าคน ได้แก่ อิรฟาน อูมาน, สารีฟ สะแลมัน, ฮุซเซ็น บือแน, อาเต็ฟ โซ๊ะโก และฮากิม พงตีกอ ถูกฟ้องในข้อหา “ยุยงปลุกปั่นฯ” ตามมาตรา 116, ร่วมกันเป็นซ่องโจร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 210 และเฉพาะอิรฟาน ยังถูกฟ้องในข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) ด้วย

สำหรับเหตุที่มาในคดีนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2566 กลุ่มขบวนนักศึกษาแห่งชาติ Pelajar Bangsa ได้จัดงานเปิดตัวกลุ่ม ที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี โดยภายในงานมีการปาฐกถาและเสวนาในหัวข้อเรื่อง “สิทธิในการกำหนดอนาคตตนเอง กับสันติภาพปาตานี” 

ในขณะเดียวกัน ระหว่างเสวนายังมีกิจกรรมประชามติจำลอง ทดลองออกเสียงประชามติแสดงความคิดว่า “คุณเห็นด้วยกับ ‘สิทธิในการกำหนดชะตากรรมตนเอง’ หรือไม่ ที่จะให้ประชาชนปาตานีสามารถออกเสียงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชได้อย่างถูกกฎหมาย?” 

ต่อมา พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาค 4 ในฐานะ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ในขณะนั้น ได้มอบอำนาจให้ ร.อ.พนมกรณ์ พันพรมมา เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองปัตตานี

ต่อมาเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2566 นักกิจกรรมทั้ง 5 คน ได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหา โดยนอกจากข้อหาข้างต้น ยังมีการแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันเป็นอั้งยี่ ตามมาตรา 209 ด้วย แต่พบว่าต่อมาไม่ได้มีการสั่งฟ้องข้อหานี้

ต่อมาในวันที่ 3 ต.ค. 2567 พนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนคดีให้กับอัยการ โดยคดีนี้เป็นคดีในหมวดความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ทำให้ตามระเบียบของอัยการในพื้นที่สำนักงานอัยการภาค 9 สำนวนคดีถูกพิจารณาโดย พนักงานอัยการที่ทำคดีด้านความมั่นคงจากสำนักงานอัยการภาค 9 โดยเฉพาะ ไม่ใช่อัยการจังหวัดเหมือนในพื้นที่ภาคอื่น ๆ 

หลังคดีอยู่ในชั้นอัยการครบ 1 ปี โดยผู้ต้องหาต้องส่งตัวแทนไปรายงานตัวกับอัยการในแต่ละเดือน พนักงานอัยการภาค 9 ก็ได้มีคำสั่งฟ้องคดี โดยในช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ผู้ต้องหายังได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมขอให้อัยการชะลอการฟ้องคดีไว้ เนื่องจากตามทางสภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านร่างกฎหมาย พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข ในวาระที่สองและสาม ซึ่งคดีนี้น่าจะเข้าข่ายตามกฎหมายดังกล่าวด้วย แต่กฎหมายยังต้องรอการพิจารณาในชั้นวุฒิสภาต่อไป

ต่อมาในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ทางอัยการยืนยันการสั่งฟ้องคดีนี้ตามนัดในวันที่ 20 พ.ย. 2568

อัยการฟ้องเป็น 2 กระทง กล่าวหาการกระทำขัดต่อ ม.1 ของรัฐธรรมนูญ

สุภัทรชัย เมียนเกิด พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 4 ภาค 9 ได้เป็นผู้เรียงฟ้องในคดีนี้ โดยฟ้องใน 2 กระทง โดยสรุปว่า

1. กระทงความผิดข้อหาเรื่องร่วมกันเป็นซ่องโจร โดยกล่าวหาว่าระหว่างวันที่ 31 พ.ค. 2566 ถึงวันที่ 7 มิ.ย. 2566 จำเลยทั้งห้าได้สมคบร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป เพื่อจัดกิจกรรมโดยออกประกาศเชิญชวนทางเฟซบุ๊กของขบวนนักศึกษาแห่งชาติ กำหนดจัดเสวนาในหัวข้อ สิทธิในการกำหนดอนาคตตนเอง กับสันติภาพปาตานี” ณ ห้องประชุมศรีวังสา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ในวันที่ 7 มิ.ย. 2566 เวลา 10.00-16.00 น. โดยมีผู้เข้าร่วมเสวนา 5 คน โดยมีอาเต๊ฟ และฮากิม จำเลยที่ 4-5 ร่วมเสวนาด้วย

ข้อกล่าวหาระบุว่ากิจกรรมได้มีการให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วม และถ่ายทอดการเสวนาผ่านทางเฟซบุ๊กเพจ ในลักษณะชี้นำให้ผู้เข้าร่วมเข้าคูหาลงมติแสดงความคิดเห็นว่า เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับสิทธิในการกำหนดชะตากรรมตนเอง และการออกเสียงทำประชามติแยกตัวเป็นเอกราชอย่างถูกกฎหมาย เป็นการชักชวน จูงใจ หรือชี้นำให้ประชาชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่อ่อนไหวหรือขัดแย้งกันในเรื่องแนวความคิดและความเป็นชาติพันธุ์ ให้เห็นพ้องด้วยกับพวกตน 

เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 1 และเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 โดยความผิดที่จำเลยทั้งห้าสมคบกันนั้น เป็นความผิดที่กำหนดโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป

2. กระทงความผิดข้อหาตามมาตรา 116 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) กล่าวหาในกิจกรรมเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2566 เช่นเดียวกัน โดยมีการบรรยายถึงรายละเอียดกำหนดการ การปาฐกกถา และเนื้อหาการเสวนาดังกล่าวโดยละเอียด ซึ่งมีฮุซเซ็น จำเลยที่ 3 เป็นผู้ดำเนินรายการ และจำเลยที่ 4-5 ร่วมเสวนา 

ข้อกล่าวหาบรรยายถึงบทบาทของสารีฟ จำเลยที่ 2 ว่าเป็นผู้อ่านบทกวีเป็นภาษามลายู ในช่วงก่อนเปิดงาน และอิรฟาน จำเลยที่ 1 ในฐานะประธานขบวนศึกษาแห่งชาติ (Pelajar Bangsa) ได้อ่านแถลงการณ์ในตอนท้าย พร้อมกับจัดให้มีการถ่ายทอดสดและเผยแพร่การเสวนาผ่านบัญชีเฟซบุ๊ก

ข้อกล่าวหาบรรยายในลักษณะเดียวกันกับกระทงแรก แต่กล่าวหาว่าเป็นการร่วมกันกระทำความผิดตามมาตรา 116 (2) และ (3) และการเผยแพร่ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ของจำเลยที่ 1 ยังเป็นความผิดในการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร

ต่อมา หลังรับทราบฟ้องของอัยการ และจำเลยทั้งห้าถูกควบคุมตัวไว้ ทนายความได้ยื่นประกันตัวจำเลย และต่อมาในช่วงบ่าย ศาลให้ประกันตัวโดยให้วางหลักทรัพย์คนละ 100,000 บาท ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนราษฎรประสงค์ 

ศาลพร้อมกำหนดวันนัดคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นัดพร้อมเพื่อสอบคำให้การ และตรวจพยานหลักฐานต่อไป ในวันที่ 12 ม.ค. 2569 เวลา 13.30 น. 

ทั้งนี้ เมื่อเดือนกันยายน 2568 ทางคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้เผยแพร่รายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน กรณีร้องเรียนว่า นักกิจกรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ถูกดำเนินคดีเชิงยุทธศาสตร์เพื่อระงับการมีส่วนร่วมในกิจการสาธารณะ (SLAPP) โดยเป็นการตรวจสอบการร้องเรียนจากพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในหลายกรณี โดยเฉพาะกรณีการดำเนินคดีตามมาตรา 116 ต่อนักกิจกรรม รวมทั้งในคดีประชามติจำลองนี้

รายงานการตรวจสอบฉบับนี้ โดยภาพรวม กสม. ให้ความเห็นว่าการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ เป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพเกินสมควรแก่เหตุ และเป็นการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการยับยั้งการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของนักกิจกรรมในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้จนเกินสมควรแก่เหตุ 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top