'เอ็ดดี้ อัษฎางค์'สรุป 3 มุมมอง อัยการไม่อุทธรณ์คดี ม.112 'ทักษิณ'

'เอ็ดดี้ อัษฎางค์'สรุป 3 มุมมอง อัยการไม่อุทธรณ์คดี ม.112 'ทักษิณ'

วันศุกร์ ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2568, 20.30 น.

เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2568 นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก "เอ็ดดี้ อัษฎางค์" ระบุว่า ความไม่ชอบมาพากลในสายตาประชาชนจากกรณีคณะอัยการมีมติ 7 ต่อ 2 ไม่อุทธรณ์คดี ม.112 “ทักษิณ”

#อัษฎางค์ยมนาค #อ่านเกมอำนาจ


คณะทำงานอัยการมีมติ 7 ต่อ 2 เสนอความเห็นไม่ยื่นอุทธรณ์คดี ม.112 ของนายทักษิณ ชินวัตร หลังศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้อง

โดยอัยการสูงสุดคนปัจจุบันจะส่งเรื่องต่อให้อัยการสูงสุดคนใหม่เป็นผู้พิจารณา เนื่องจากกำลังจะเกษียณอายุราชการ

ถ้ามีใครตั้งคำคำถามกับผมว่า…

คุณคิดว่ามีความไม่ชอบมาพากลหรือไม่

เพราะเป็นคดีใหญ่มาก และผู้กระทำผิดก็มีพฤติกรรมฉ้อฉลหลายประการ เช่นกรณีไปนอนที่ชั้น 14

คำตอบคือ

1. หลักการตามกฎหมายและกระบวนการ

• มาตรา 112 เป็นคดีอาญาแผ่นดิน → โดยปกติอัยการมีหน้าที่ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเพื่อปกป้องสาธารณประโยชน์ ไม่ใช่เพียงคดีแพ่งที่คู่กรณีสามารถยอมความกันได้

• การอุทธรณ์ → ตามหลักแล้ว หากศาลชั้นต้นยกฟ้อง แต่ยังมีพยานหลักฐานที่ตีความได้ต่าง หรือมีข้อกฎหมายให้โต้แย้ง การอุทธรณ์เป็น “มาตรฐานปกติ” ที่ควรทำ เพื่อให้ศาลอุทธรณ์ตรวจสอบซ้ำอีกชั้นหนึ่ง

• อำนาจของ อสส. → แม้คณะทำงานอัยการมีมติ 7 ต่อ 2 แต่เป็นเพียง “ข้อเสนอแนะ” สุดท้ายอัยการสูงสุด (อสส.) ต้องเป็นผู้ตัดสินใจ หาก อสส.เกษียณแล้วยกเรื่องให้คนใหม่ตัดสิน แสดงว่าเป็นการ “ถ่ายความรับผิดชอบ” ซึ่งอาจถูกตีความได้ทั้งว่าเป็นการรักษามารยาท หรือเป็นการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง

2. ความไม่ชอบมาพากลที่ควรตั้งข้อสังเกต

• น้ำหนักของคดี: เนื่องจากเป็นคดีใหญ่ที่เกี่ยวกับอดีตนายกรัฐมนตรีผู้มีประวัติถูกพิพากษาและหลบหนีคดีอื่น ๆ การที่คณะอัยการส่วนใหญ่เสนอ “ไม่อุทธรณ์” ทั้งที่หลักการทั่วไปควรอุทธรณ์ → อาจถูกตั้งคำถามว่าเป็นการใช้ดุลพินิจที่ “เลือกปฏิบัติ” หรือไม่

• การโยกย้ายต่ออายุราชการ: การส่งต่อให้ อสส. คนใหม่ตัดสินใจในช่วงรอยต่อ อาจสะท้อนความพยายาม “ผลักภาระ” ให้ผู้อื่นรับผิดแทน ทั้งที่โดยตำแหน่ง อสส.ปัจจุบันยังมีอำนาจเต็ม → จุดนี้ทำให้เกิดความคลางแคลงใจเรื่อง “การจัดฉากเวลา”

• บริบทอื่น: พฤติกรรมของนายทักษิณในกรณี “ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ” ที่ได้รับอภิสิทธิ์เหนือผู้ต้องขังทั่วไป เป็นตัวอย่างที่ตอกย้ำภาพการฉ้อฉลของคดีนายทักษิณที่ “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย” และเป็นเหตุให้ต้อง “กลับไปติดคุก” เพราะศาลเห็นว่านายทักษิณไม่ได้มีอาการป่วยวิกฤตที่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล แต่เป็นโรคเรื้อรังที่รักษาแบบผู้ป่วยนอกได้

3. มุมการเมืองและผลสะเทือน

• การไม่อุทธรณ์ อาจถูกตีความว่าเป็นการเปิดทางให้ทักษิณพ้นจากภาระคดีสำคัญ และทำให้ “คลายพันธนาการทางการเมือง”

• กระทบความน่าเชื่อถือของ สถาบันอัยการ ในสายตาสังคม เพราะดูเหมือนถูกกดดันทางการเมือง

• เสี่ยงต่อ ปัญหาความชอบธรรม ของระบบยุติธรรมไทยระยะยาว เมื่อประชาชนเห็นว่าคนระดับสูงหลุดพ้นได้ง่าย แต่คนทั่วไปถูกดำเนินคดีอย่างเข้มงวด

สรุป

ในมุมกฎหมาย → การที่อัยการไม่อุทธรณ์ “ทำได้” แต่ไม่ใช่แนวปฏิบัติที่เหมาะสมในคดีใหญ่เช่นนี้

ในมุมกระบวนการยุติธรรม → มี “ความไม่ชอบมาพากล” ที่สังคมตั้งคำถามได้ โดยเฉพาะเรื่องการถ่ายความรับผิดชอบให้ อสส. คนใหม่

ในมุมการเมือง → สะท้อนอิทธิพลของบุคคลในกระบวนการยุติธรรม และจะกลายเป็นบรรทัดฐานอันตราย ว่าคนบางกลุ่ม “แตะไม่ได้”

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top