‘จุลพันธ์’ ดักคอ ‘อนุทิน’ มีชนักหรือไม่? แย้มร่างญัตติไว้แล้ว ยื่นเมื่อไหร่เป็นอำนาจของ ‘พท.’

‘จุลพันธ์’ ดักคอ ‘อนุทิน’ มีชนักหรือไม่? แย้มร่างญัตติไว้แล้ว ยื่นเมื่อไหร่เป็นอำนาจของ ‘พท.’

วันศุกร์ ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 13.21 น.

‘จุลพันธ์’ ดักคอ ‘อนุทิน’ ห่วงอะไรถึงกลัวตรวจสอบ แย้ม ร่างญัตติซักฟอกไว้แล้ว ยื่นเมื่อไหร่เป็นอำนาจของ ‘เพื่อไทย’ ย้อนถาม ตอนตั้งรัฐบาลไม่มีเครื่องคิดเลขหรือไง ย้ำ ‘พท.’ มุ่งแก้รัฐธรรมนูญตลอดไม่เหมือนบางพรรควอร์คเอาท์ มอง เป็นเรื่องดี ‘ปชน.’ คุยรัฐบาลเร่งเปิดสมัยประชุมวิสามัญ

เมื่อเวลา 10.50 น. วันที่ 21 พฤศจิกายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ และหัวหน้าพรรค พท. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ส่งสัญญาณความพร้อมยุบสภา ในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ หากมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า พรรค พท. พร้อมเลือกตั้งไม่ได้ติดขัดอะไร และการยุบสภาเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีโดยชอบ จะยุบเมื่อไหร่สามารถทำได้ แต่ยืนยันว่า กระบวนการในการยุบสภาหากมีการเสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แล้วอำนาจไม่ได้อยู่ที่นายกรัฐมนตรีอีกต่อไป ท่านไม่สามารถดำเนินการได้เพราะจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ


นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนก่อนหน้าที่จะมีการเสนอญัตติ หากนายกรัฐมนตรีตัดสินใจยุบสภาเป็นอำนาจโดยชอบ ไม่ต้องปรึกษาฝ่ายค้าน แต่กระบวนการเดินหน้ายื่นญัตติเป็นเรื่องของฝ่ายค้านเช่นเดียวกันที่ต้องตัดสินใจว่าจะดำเนินการหรือไม่ เมื่อไหร่ อย่างไร

เมื่อถามถึง กรณีที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าหากอะไรที่ยังค้างอยู่ ทำไม่สำเร็จ ก็เป็นเพราะมีการยื่นอภิปรายทำให้เกิดการยุบสภานั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เข้าใจเพราะนายกรัฐมนตรีได้เกริ่นว่ารัฐบาลเสียงข้างน้อย ไม่สามารถชนะได้ ในข้อเท็จจริง ไม่แน่ใจว่าวันที่ตั้งรัฐบาลไม่มีเครื่องคิดเลขหรือไม่ เขารู้อยู่แล้วว่าเสียงไม่พอที่จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก

“พวกผมชี้ประเด็นนี้ในสภาหลายครั้งว่าขัดต่อหลักการประชาธิปไตย ในการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะเดินหน้าไม่ได้เกิดปัญหา แต่ท่านเลือกเดินทางนี้ จุดนี้พรรคเพื่อไทยได้ย้ำเตือนหลายครั้ง คราวนี้กระบวนการในการทำ MOA ผู้คุมไม่ได้เกี่ยว และมีการพูดคุย ซึ่งพรรคประชาชนส่งสัญญาณมาแล้วว่าในกรณีที่รัฐบาลไม่ได้กระทำความผิดอะไรร้ายแรง ก็จะไม่ยื่น ไม่ลงมติไม่ไว้วางใจ เช่นนี้แสดงว่ารัฐบาลมีชนักหรือไม่ ท่านห่วงพะวงว่าได้กระทำที่ขัดต่อกฎหมาย กระทำที่เกิดความเสียหายกับประเทศหรือไม่ จึงกลัวว่าหากอภิปรายแล้วจะสามารถโน้มน้าวพรรคการเมืองอื่นให้ร่วมลงมติได้ ถ้าไม่ได้ทำความผิดก็ไม่ต้องกลัว พวกผมหากอภิปรายแล้วไม่มีข้อมูล ไม่มีเนื้อหา สุดท้ายความเสียหายตกกับพวกผม แต่กระบวนการตรวจสอบต้องเกิด” นายจุลพันธ์ กล่าว 

เมื่อถามย้ำถึง กรณีการส่งสัญญาณของรัฐบาลทำให้เข้าใจว่าหากยุบสภาเป็น เพราะพรรค พท. นายจุลพันธ์ กล่าวว่า จะต้องดูว่าความจริงใจตั้งแต่ต้นในการเข้าสู่กระบวนการร่วม MOA มีความจริงใจแค่ไหน มีเจตนาว่าจะเดินไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สำเร็จอยู่แล้วหรือไม่ แล้วจะมาโยนเป็นภาระของฝ่ายค้าน ถ้าท่านไม่ได้กระทำผิดที่ขัดต่อกฎหมาย เช่น การปัดเป่าคดี การแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ การทุจริตคอรัปชั่น ปัญหาชายแดน ถ้าไม่พลาดเลย พรรค พท.ไม่มีเรื่องให้ยื่นอภิปราย ฉะนั้น ให้มองตัวเอง สะท้อนไปที่ตนเอง พรรค พท.มีหน้าที่ในการตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ

เมื่อถามว่า วันนี้ข้อมูลในการยื่นอภิปรายมีกี่เรื่อง เตรียมเนื้อหาถึงไหนแล้ว นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ตามที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้เป็นเรื่องหลัก และเรื่องย่อยในบางเรื่องขอยังไม่เปิดเผย แต่ยังมีอีก 

ต่อข้อถามว่า ได้เตรียมร่างญัตติไว้แล้วหรือไม่ นายจุลพันธ์ ยิ้มรับและกล่าวว่า มีการร่างญัตติไว้แล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ส่วนจะยื่นเมื่อไหร่นั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของพรรค พท. ซึ่งจะต้องมีการหารือกัน เช่น คณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรค ที่จะถามว่าขอเวลาที่เหมาะสม และกระบวนการในการเดินหน้าการอภิปรายจังหวะที่เหมาะสมคือเมื่อไหร่ ยังต้องหารือกันอยู่

เมื่อถามว่า ปัจจัยหลักคือเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มีการมองว่ารัฐธรรมนูญคือตัวประกันหลัก ตรงนี้มองอย่างไร นายจุลพันธ์ กล่าวว่า “ถูกครับ ใช้คำว่าตัวประกัน เพราะเห็นอาการได้ชัดมาตั้งแต่ต้นว่า รัฐบาลพยายามใช้เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นตัวประกัน ไม่ให้มีกระบวนการในการยื่นอภิปราย“ 

“แต่ผมถามหลักคิดนิดหนึ่ง ในกรณีที่พวกผมต้องการให้รัฐธรรมนูญผ่าน หากรัฐบาลบอกว่าเช่นนั้นผ่านกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ อย่างแรกไม่สามารถยืนยันได้ว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ออกมาแล้วจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร เป็นประชาธิปไตยขึ้นหรือไม่ เพราะขณะนี้กระบวนการดำเนินการในชั้นกรรมาธิการ ยังถกกันอยู่” นายจุลพันธ์ กล่าว 

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า การลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญหากผ่านแล้วหมายความว่ารัฐบาล ดำเนินการตามข้อตกลง คือให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และอนุญาต สว. เสียงส่วนใหญ่มาร่วมลงมติผ่านแล้ว กระบวนการทุจริตคอรัปชั่น หรือกระบวนการความเสียหายให้กับประเทศ พรรคฝ่ายค้าน พท.จะต้องยกให้ทั้งหมด ฉะนั้น เรื่องความเสียหายต่อประเทศ และการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย ในฐานะนักการเมืองไม่สามารถเว้นได้ มีความจำเป็นที่ต้องดำเนินการครบถ้วน หากมีอะไรที่เป็นเรื่องที่ต้องกระทำให้ถูก พรรคการเมืองฝ่ายค้านจะต้องดำเนินการ ส่วนรัฐบาลเป็นเวทีที่มีโอกาสตอบ 

เมื่อถามว่า มีการพูดคุยกับหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) แล้วหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า มีการพูดคุยกันแล้ว ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าพรรคปชน. จะร่วมเข้าชื่อลงญัตติด้วยหรือไม่ 

เมื่อถามว่า มองว่าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญแค่ไหน นายจุลพันธ์ กล่าวว่า คนที่พยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญมาโดยตลอดคือ พรรค พท. และพรรคปชน. หากติดตามจะรู้ว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาติดตรงไหน มีบางพรรคการเมืองวอล์คเอาท์ การไม่สามารถรวบรวมเสียง สว. 1 ใน 3 เสียงได้ ก็เป็นข้อสงสัยว่าวุฒิสภาสีอะไร แต่ในส่วนของรัฐบาลชุดปัจจุบัน โจทย์มีความชัดเจนตั้งแต่แรกว่า ไม่แก้ แต่เพื่อต้องการเข้าสู่อำนาจรัฐ จึงมีข้อตกลงกันขึ้นมา ที่เกิดขึ้นจาก 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเชื่อว่าอีกฝ่ายจะสามารถกำกับวุฒิสภาเสียงข้างมากได้ ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งเชื่อว่า จะเข้าไปแล้วสามารถเป็นรัฐบาล แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังเป็นรัฐบาล

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ตนมีความสงสัยถึงความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในชั้นกรรมาธิการ ว่า อนาคตจะจบอย่างไร เพราะเห็นแต่กระบวนการในการแก้ไขเรื่องคดีความ การโยกย้ายข้าราชการ เหมือนเตรียมการเลือกตั้ง ตรงจุดนี้มองว่า สิ่งที่ไปตกลงกันไว้เรื่องการทำ MOA ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการแต่อย่างใด เชื่อมั่นว่า สุดท้ายกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญคงประสบความสำเร็จได้ยาก เพราะความจริงใจของผู้ที่ร่วมในข้อตกลง MOA 

เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ในการที่จะเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ ก่อนเปิดก่อนสมัยประชุมสามัญ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เป็นไปได้ ซึ่งขั้นตอนในชั้นกรรมาธิการฯ ใกล้จะเสร็จแล้ว ซึ่งอยากให้ร่นระยะเวลาการเปิดสมัยวิสามัญก่อนวันที่ 8-9 ธันวาคม ตามแนวคิดของรัฐบาลเพื่อลงมติวาระ 2 ได้ในวันที่ 19-20 ธันวาคม แต่มองว่าขณะนี้ไม่น่าทัน เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นอกจากต้องทำให้เสร็จทันกรอบเวลาที่กำหนดตามกฎหมายแล้ว ภาคการเมืองจะต้องรณรงค์ทำความเข้าใจกับประชาชนด้วย เพราะสุดท้ายต้องลงประชามติ เช่นเดียวกับความพยายามของรัฐบาลในการทำประชามติเกี่ยวกับ MOU 43 และ 44 ที่ประชาชนไม่มีความรู้ และไม่เข้าใจเพียงพอ สุดท้ายการทำประชามติโดยไม่มีข้อมูลเพียงพอให้ประชาชน จะเกิดการลงประชามติด้วยอารมณ์ แทนที่จะลงมติด้วยเหตุผล 

เมื่อถามว่า พรรค พท.ต้องไปคุยกับพรรคปชน. เพื่อหารือกับพรรค ภท. ให้เปิดการประชุมสภาสมัยวิสามัญเร็วขึ้นหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า พรรค พท.คงไม่ไปพูดคุย แต่ถ้าพรรคปชน. ไปพูดคุยกับฝ่ายรัฐบาลได้ก็เป็นเรื่องดี เพราะถือเป็นส่วนหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาล 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top