เหน็บแรง‘อนุทิน’มีชนักหรือไม่ถึงกลัวซักฟอก 'เพื่อไทย'ขู่ฟ่อ! ‘จุลพันธ์’โวร่างญัตติไว้แล้ว รอพรรคเคาะจะยื่นวันไหน

เหน็บแรง‘อนุทิน’มีชนักหรือไม่ถึงกลัวซักฟอก 'เพื่อไทย'ขู่ฟ่อ! ‘จุลพันธ์’โวร่างญัตติไว้แล้ว รอพรรคเคาะจะยื่นวันไหน

วันเสาร์ ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

เหน็บแรง‘อนุทิน’มีชนักหรือไม่ถึงกลัวซักฟอก

'เพื่อไทย'ขู่ฟ่อ!

‘จุลพันธ์’โวร่างญัตติไว้แล้ว

รอพรรคเคาะจะยื่นวันไหน

‘กลุ่มปากน้ำ’ซบ‘เพื่อไทย’

ภท.ย้ำ‘อนุทิน’มีอำนาจยุบ

 

“ภราดร” ย้ำยุบสภา เป็นอำนาจนายกฯปล่อยซักฟอก รัฐบาลแจงดีแค่ไหนก็โหวตแพ้อยู่ดี ไม่ทราบข่าว “วราวุธ”ซบ ภท.แต่รู้สึกดีต่อกัน รับอยากให้ต้นสังกัดโต แท็กทีมภาคกลาง “ปชน.” ชี้เหมือน “ผู้รับเหมาทิ้งงาน!” ติง “อนุทิน”ยุบสภา 12 ธันวาคม หนีตรวจสอบไม่เป็นผลดีต่อตัวเอง ประกาศเป็นแคนดิเดตนายกฯแล้ว ปัดตอบผิดMOAหรือไม่ ไม่ขัด‘เพื่อไทย’จะยื่นซักฟอกเอง ‘จุลพันธ์’ดักคอ‘อนุทิน’ห่วงอะไรถึงกลัวตรวจสอบหรือมีชนัก แย้มร่างญัตติซักฟอกไว้แล้ว ยื่นเมื่อไหร่ เป็นอำนาจของ‘เพื่อไทย’ย้อนถาม ตอนตั้ง รบ.ไม่มีเครื่องคิดเลขหรือไง ย้ำ‘พท.’มุ่งแก้ไขรัฐธรรมนูญตลอด ไม่เหมือนบางพรรค’วอล์คเอาท์’


เมื่อวันที่ 21พฤศจิกายน 2568 นายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และสส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย (ภท.)กล่าวถึงกรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ระบุหากมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ อาจจะยุบสภาวันที่ 12ธ.ค.ว่า เป็นอำนาจของนายกฯในการยุบสภา ต้องดูการตัดสินใจว่า จะยุบสภาหรือไม่ เนื่องจากนายกฯระบุว่า หากมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างไรก็โหวตแพ้ เพราะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ไม่ว่าฝ่ายตรวจสอบจะอภิปรายแย่แค่ไหน หรือรัฐบาลจะชี้แจงได้ดีแค่ไหน ก็แพ้อยู่ดี ย้ำว่าท้ายที่สุดเป็นอำนาจนายกฯ

‘ภท.’ย้ำอำนาจยุบสภาขึ้นกับนายกฯ

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯเคยพูดเรื่องนี้กับสมาชิกพรรค ภท.หรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า ตนเพิ่งทราบจากข่าวเมื่อวันที่ 20พ.ย.อย่างไรก็ตาม ขอให้รอดูว่าในวันที่ 12ธ.ค.เหตุการณ์การเมืองจะเป็นแบบไหน เมื่อถามว่า หากมีการยุบสภาในวันดังกล่าวจริง พรรค ภท.มีความพร้อมแค่ไหน นายภราดร กล่าวว่า พรรค ภท.พร้อมตั้งแต่เดือน มิ.ย. ตั้งแต่ร่วมรัฐบาลที่แล้ว เราพร้อมเลือกตั้งตั้งแต่วันนั้น เมื่อถามอีกว่า หากยุบสภาในวันที่ 12 ธ.ค. สส.จะย้ายมาสมัครสมาชิกพรรคตามกรอบ 30วัน นับถึงวันเลือกตั้งทันหรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า ตามกฎหมายให้นับวันเลือกตั้ง ไม่ใช่วันยุบสภา

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้จะมี สส.จากพรรคอื่นย้ายมาร่วมพรรค ภท.หรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ทราบ เพราะไม่ได้ติดต่อให้ใครมาร่วม ต้องรอดูหลังยุบสภา เนื่องจาก สส.สามารถย้ายพรรคกันได้ เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับนายวราวุธศิลปอาชา สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ว่าจะย้ายมาร่วมพรรค ภท.หรือไม่ นายภราดร ยิ้มและกล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ได้คุยปกติทั่วไป เช่นวันก่อนได้เจอกับนายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรค ชทพ. โดยได้คุยกันเรื่องทั่วไป เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ได้คุยเรื่องจะย้ายมา ยืนยันว่าตนไม่ได้ชวน อยู่ที่หัวหน้าพรรค ภท. ซึ่งได้ชวนหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่ยอมรับว่าเคยอยู่ด้วยกัน มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน เมื่อถามอีกว่า อยากให้มาอยู่แท็กทีมภาคกลางร่วมกันหรือไม่ นายภราดร หัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ผมอยู่พรรค ภท. ผมก็อยากให้พรรคผมโต” เมื่อถามย้ำว่า ตระกูลสะสมทรัพย์ จ.นครปฐม จะพ่วงมาด้วยหรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า ไม่ทราบ

แก้รธน.แท้งแน่ได้แค่วาระ2ไม่ผิดMOA

นายภราดร ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีหากมียุบสภาในวันที่ 12ธ.ค.จะกระทบต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญของ กมธ.หรือไม่ว่า โดยไทม์ไลน์มันก็ไม่ทันอยู่แล้ว อาจจะได้เข้าพิจารณาวาระ 2 หากมีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ แต่วาระ 3 ตามข้อบังคับต้องเว้นระยะ 15วัน ดังนั้นอย่างไรก็ไม่ทัน และหากยุบสภาก็เท่ากับว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นหายไปเลย ไม่มีค้างในสภา ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ ผู้สื่อข่าวถามว่า หากยุบสภาจะถือเป็นการผิด MOA กับพรรคประชาชน (ปชน.) หรือไม่ นายภราดร ย้อนถามว่า MOA บอกว่าอะไรบ้างล่ะ บอกว่าต้องยุบสภาภายใน 120 วัน ผลักดันการแก้ไขadรัฐธรรมนูญ และทำประชามติ ซึ่งตนคิดว่าเราทำตาม MOA แล้ว แต่เหตุการณ์การเมืองเป็นแบบนี้ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ยังไม่เกิด ก็รอดูว่าสุดท้ายนายกฯจะยุบสภาหรือไม่ อย่าเพิ่งไปคิดตอนนี้ เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการเอาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาเป็นตัวประกันหรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า “ไม่ครับ คนละเรื่อง”

‘ปชน.’ชี้เหมือนผู้รับเหมาทิ้งงาน!‘

ด้าน นายพริษฐ์วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ระบุว่า ยุบสภาวันที่ 12ธ.ค.หากยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งอาจจะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้รับผลกระทบไปด้วยว่า ท่าทีนายกฯในการยุบสภา ซึ่งตนเคยพูดไว้ว่าหากนายกฯ จะยุบสภาเพื่อหลีกหนีการตรวจสอบหรือปัดความรับผิดชอบเรื่องรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ต่างอะไรกับผู้รับเหมาที่ทิ้งงานหรือปิดกิจการเพื่อหนีการตรวจสอบ แม้เวลานี้ยังมีการถกเถียงในเชิงข้อกฎหมายอยู่ว่าเมื่อยื่นอภิปรายแล้วจะยุบสภาได้หรือไม่ “ผมคิดว่าเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญก็เขียนไว้ชัดว่า“ไม่ต้องการให้นายกฯใช้อำนาจในการยุบสภาหนีการตรวจสอบ”แม้ว่าจะถกกันว่ากฎหมายตีความอย่างไร ตนคิดว่าในเชิงความรับผิดรับชอบทางการเมือง หากนายกฯ ตัดสินใจยุบสภาก็ย่อมไม่ส่งผลดีต่อมุมมองของประชาชนที่มีต่อนายกฯ โดยเฉพาะในสนามเลือกตั้งที่จะมาถึง”

ไม่ตอบขัดหลักการข้อตกลงMOA

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเงื่อนไขของพรรคประชาชน เรื่องการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ เราประกาศชัดเจนใน 3 เงื่อนไข ได้แก่ 1.หากนายกฯ ไม่ยุบสภาภายในวันที่ 31 ม.ค. 2569 ก็จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะถือว่าขัดเงื่อนไข MOA 2.หากการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่เสร็จสิ้นในวาระ 3 ภายในสิ้นปีนี้ เราจะยื่นอภิปราย 3.นอกเหนือจาก 2 เงื่อนไขข้างต้น หากมีการดำเนินนโยบายอะไรที่เราเห็นว่าสร้างความเสียหายให้ประชาชน เราจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่แน่นอนว่าเราไม่ได้เป็นฝ่ายค้านพรรคเดียว ซึ่งเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมของพรรคอื่นที่จะพิจารณายื่นอภิปรายตามมาตรา 151 ด้วยเงื่อนไขของตัวเอง แต่หากเป็นเช่นนั้น เราก็พร้อมที่จะทำหน้าที่ของเราในสภา

เมื่อถามว่าหากยุบสภาในวันที่ 12ธ.ค.โดยที่รัฐธรรมนูญยังแก้ไขไม่เสร็จ จะถือว่าพรรคภูมิใจไทยผิดข้อตกลงกับพรรคประชาชนหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าชัดเจน ว่า MOA ที่ลงนามกันไว้ มี 2 ประเด็นหลักคือ ต้องยุบสภาภายใน 31ม.ค.2569และการผลักดันแก้รัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และหากไม่มี2คำถามในการทำประชามติ พร้อมกับการเลือกตั้งก็ถือว่าผิดเงื่อนไขMOA

ต่อข้อถามว่าสิ่งที่นายกฯพูด พยามยามส่งสัญญาณทางการเมืองอะไรหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ไม่รู้ว่าเบื้องหลังเป็นอย่างไร แต่ตนขอย้ำจุดยืนเดิมว่าถ้ายุบสภา ก็เหมือนผู้รับเหมาทิ้งงานหรือปิดกิจการเพื่อหนีการตรวจสอบ แต่ช่วงใกล้เลือกตั้งแบบนี้ก็คงไม่ส่งผลดีแน่นอนต่อตัวนายกฯ เพราะนายอนุทินได้ประกาศไปแล้วว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยไปแล้ว

ย้ำบทบาท’ปชน.’มีหน้าที่ตรวจสอบ

เมื่อถามย้ำว่าเสียงโหวตในสภา พรรคประชาชนอาจต้องเลือกว่าจะเป็นฝ่ายค้ำรัฐธรรมนูญและฝ่ายค้ำรัฐบาลหรือไม่ เพราะนายกฯ ระบุว่า ไม่ได้กลัวการซักฟอก แต่กลัวเสียงโหวตในสภา นายพริษฐ์ กล่าวว่า เงื่อนไขและท่าทีของเราชัดเจนว่าการยื่นอภิปรายเป็นอย่างไร และเราชัดเจนมาตลอดว่าในการเซ็น MOA ตอนนั้น เราตั้งใจให้คนที่เป็นคู่สัญญาของเรา ไม่ว่าวันนั้นจะเป็นใครก็ตามมาดำรงสถานะในรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพื่อให้เราสามารถใช้กลไกอภิปรายไม่ไว้วางใจควบคุมให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยรักษาสัญญาตามเงื่อนไข MOA การที่เราคงสถานะเป็นฝ่ายค้าน นอกจากจะสอดคล้องกับสิ่งที่เราประกาศมาโดยตลอดว่าเราจะเป็นฝ่ายค้านไปตลอดสภาชุดนี้ อีกส่วนก็เพื่อให้เราคงสถานะอิสระในการตรวจสอบรัฐบาล โดยใช้กลไกรัฐสภาในการตรวจสอบ เมื่อถามว่า หากชะลอยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะเป็นผลดีกับทุกฝ่ายหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทยว่าจะอภิปรายหรือไม่ ยื่นใคร ไม่ยื่นใคร ยื่นเมื่อไหร่ ก็เป็นสิทธิ์ของพรรคเพื่อไทย เราก็เคารพสิทธิ์

‘จุลพันธ์’ดักคอห่วงอะไรหนีตรวจสอบ

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท. )ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ส่งสัญญาณความพร้อมยุบสภา ในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ หากมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า พรรค พท.พร้อมเลือกตั้งไม่ได้ติดขัดอะไร และการยุบสภาเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีโดยชอบ จะยุบเมื่อไหร่สามารถทำได้ แต่ยืนยันว่า กระบวนการในการยุบสภาหากมีการเสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แล้วอำนาจไม่ได้อยู่ที่นายกรัฐมนตรีอีกต่อไป ท่านไม่สามารถดำเนินการได้เพราะจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ ส่วนก่อนหน้าที่จะมีการเสนอญัตติ หากนายกรัฐมนตรีตัดสินใจยุบสภาเป็นอำนาจโดยชอบ ไม่ต้องปรึกษาฝ่ายค้าน แต่กระบวนการเดินหน้ายื่นญัตติเป็นเรื่องของฝ่ายค้านเช่นเดียวกันที่ต้องตัดสินใจว่าจะดำเนินการหรือไม่ เมื่อไหร่ อย่างไร

ไม่ให้ตรวจสอบรบ.'มีชนัก'หรือใม่

เมื่อถามถึง กรณีที่นายกฯบอกว่า หากอะไรที่ยังค้างอยู่ ทำไม่สำเร็จ เป็นเพราะมีการยื่นอภิปรายทำให้เกิดการยุบสภานั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เข้าใจเพราะนายกฯได้เกริ่นว่ารัฐบาลเสียงข้างน้อย ไม่สามารถชนะได้ ในข้อเท็จจริง ไม่แน่ใจว่าวันที่ตั้งรัฐบาลไม่มีเครื่องคิดเลขหรือไม่ เขารู้อยู่แล้วว่าเสียงไม่พอที่จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก พวกผมชี้ประเด็นนี้ในสภาหลายครั้งว่าขัดต่อหลักการประชาธิปไตย ในการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะเดินหน้าไม่ได้เกิดปัญหา แต่ท่านเลือกเดินทางนี้ จุดนี้พรรคพท.ย้ำเตือนหลายครั้ง คราวนี้กระบวนการในการทำMOAผู้คุมไม่ได้เกี่ยวและมีการพูดคุย ซึ่งพรรคประชาชนส่งสัญญาณมาแล้วว่าในกรณีที่รัฐบาลไม่ได้กระทำความผิดอะไรร้ายแรงก็จะไม่ยื่น ไม่ลงมติไม่ไว้วางใจ เช่นนี้แสดงว่ารัฐบาลมีชนักหรือไม่ ท่านห่วงพะวงว่า ได้กระทำที่ขัดต่อกฎหมาย กระทำที่เกิดความเสียหายกับประเทศหรือไม่ จึงกลัวว่า หากอภิปรายแล้วจะสามารถโน้มน้าวพรรคการเมืองอื่นให้ร่วมลงมติได้ ถ้าไม่ได้ทำความผิดก็ไม่ต้องกลัว พวกผมหากอภิปรายแล้วไม่มีข้อมูล ไม่มีเนื้อหา สุดท้ายความเสียหายตกกับพวกผม แต่กระบวนการตรวจสอบต้องเกิด” นายจุลพันธ์ กล่าว

เมื่อถามย้ำถึง กรณีการส่งสัญญาณของรัฐบาลทำให้เข้าใจว่าหากยุบสภาเป็น เพราะพรรค พท. นายจุลพันธ์ กล่าวว่า จะต้องดูว่าความจริงใจตั้งแต่ต้นในการเข้าสู่กระบวนการร่วม MOA มีความจริงใจแค่ไหน มีเจตนาว่าจะเดินไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สำเร็จอยู่แล้วหรือไม่ แล้วจะมาโยนเป็นภาระของฝ่ายค้าน ถ้าท่านไม่ได้กระทำผิดที่ขัดต่อกฎหมาย เช่น การปัดเป่าคดี การแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ การทุจริตคอรัปชั่น ปัญหาชายแดน ถ้าไม่พลาดเลย พรรค พท.ไม่มีเรื่องให้ยื่นอภิปราย ฉะนั้น ให้มองตัวเอง สะท้อนไปที่ตนเอง พรรค พท.มีหน้าที่ในการตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ

ร่างญัตติซักฟอกไว้แล้ว-รอยื่นเมื่อไหร่

เมื่อถามว่า ข้อมูลการยื่นอภิปรายมีกี่เรื่อง เตรียมเนื้อหาถึงไหน นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ตามที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้เป็นเรื่องหลัก และเรื่องย่อยในบางเรื่องขอยังไม่เปิดเผย แต่ยังมีอีก ต่อข้อถามว่า ได้เตรียมร่างญัตติไว้แล้วหรือไม่ นายจุลพันธ์ ยิ้มรับและกล่าวว่า มีการร่างญัตติไว้แล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ส่วนจะยื่นเมื่อไหร่นั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของพรรค พท.ซึ่งจะต้องหารือกัน เช่น คณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรค ที่จะถามว่า ขอเวลาที่เหมาะสมและกระบวนการในการเดินหน้าการอภิปรายจังหวะที่เหมาะสมคือเมื่อไหร่ ยังต้องหารือกันอยู่ เมื่อถามว่า ปัจจัยหลักคือเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ที่มีการมองว่ารัฐธรรมนูญคือตัวประกันหลัก ตรงนี้มองอย่างไร นายจุลพันธ์ กล่าวว่า “ถูกครับ ใช้คำว่าตัวประกัน เพราะเห็นอาการได้ชัดมาตั้งแต่ต้นว่า รัฐบาลพยายามใช้เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นตัวประกัน ไม่ให้มีกระบวนการในการยื่นอภิปราย แต่ผมถามหลักคิดนิดหนึ่ง ในกรณีพวกผมต้องการให้รัฐธรรมนูญผ่าน หากรัฐบาลบอกว่าเช่นนั้นผ่านกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ อย่างแรกไม่สามารถยืนยันได้ว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ออกมาแล้วจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร เป็นประชาธิปไตยขึ้นหรือไม่ เพราะขณะนี้กระบวนการดำเนินการในชั้นกรรมาธิการ ยังถกกันอยู่”

‘ชลน่าน’ซัดใช้ร่างรธน.ตัวประกัน

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย(พท.) ในฐานะกมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติมรัฐสภา ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ตัดสินใจเตรียมยุบสภาในวันที่สภาเปิดสมัยประชุม คือวันที่ 12 ธ.ค. ว่า เป็นการท้าทายและขู่ฝ่ายค้าน ที่เตรียมยื่นญัตติเพื่อขออภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ ซึ่งมีนัยส่งถึงการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เนื่องจากนายกฯ บอกว่าหากมีอะไรเกิดขึ้นให้ไปรับผิดชอบกันเอง อย่าโทษนายกฯ เท่ากับเอาร่างรัฐธรรมนูญเป็นตัวประกัน เมื่อถามถึงท่าทีพรรคเพื่อไทยต่อเรื่องดังกล่าว ที่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญให้สำเร็จและต้องยื่นญัตติซักฟอกด้วยนพ.ชลน่าน กล่าวว่า การยื่นซักฟอก เพื่อตรวจสอบรัฐบาลเป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทยที่ให้ความสำคัญ ตามที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ ฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุ รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมรัฐธรรม ให้กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ออกมาดีที่สุด เน้นการเป็นประชาธิปไตยภายใต้การมีส่วนร่วมของประชาชนไม่ยึดติดฝ่ายใด หรือฝ่ายใดมาชี้นำ หรือครอบงำได้ เพื่อให้เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนอย่างแท้จริง ดังนั้นทั้ง 2 ประเด็นนั้น พรรคเพื่อไทยอยากได้ทั้งคู่

หากแก้สูตรที่มากมธ.ยกร่างอาจยืด

“ขณะนี้มีประเด็นที่ต้องพิจารณา คือ เนื้อหาของการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่า เป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่ หากไม่สามารถไปสู่ความคาดหวังได้ โดยเฉพาะ ที่มาของกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ ที่พบว่าเสียงข้างมากถูกครอบงำจากสีใดสีหนึ่ง ซึ่งส่งผลให้การจัดทำรัฐธรรมนูญไม่สามารถได้รัฐธรรมนูญฉบับที่ดีที่สุดและดีกว่ารัฐธรรมนูญ 2560 ไม่ได้ จึงเป็นความชอบธรรมที่พรรคเพื่อไทยจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม ในวาระสองแล้วเสร็จ” นพ.ชลน่าน กล่าว

เมื่อถามว่า หากเนื้อหาพอรับได้ เป็นไปได้หรือไม่ว่า จะทบทวนเรื่องเวลายื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือ หลังโหวตร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ในวาระสาม นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ขณะนี้ กมธ.ฯพิจารณาเนื้อหาครบทุกมาตรา แต่ยังรอพิจารณาไว้ 16 มาตราซึ่งเป็นบทประกอบเท่านั้น แต่บทหลักผ่านไปแล้ว อย่างไรก็ตามในประเด็นที่มาของ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน ที่กำหนดที่มา จากการสมัครและมี 100คนรับรอง เหมือนจะเปิดให้มีส่วนร่วม แต่ประเด็นดังกล่าวจัดตั้งได้ ผ่านกลุ่มการเมืองและพรรคการเมืองที่มีสมาชิก ซึ่งสามารถกำหนดตัวได้มาตั้งแต่การสมัคร ส่วนสูตร 20 หยิบ 1 นั้นตอบได้ทันทีว่าจะทำให้ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญเป็นของเสียงข้างมากของรัฐสภาสมัยหน้าแน่นอน เพราะสูตรดังกล่าวกำหนดให้เป็นไปตามสัดส่วนของพรรคการเมืองเสียงข้างมาก

เมื่อถามว่า หากมีการทบทวนและแก้ไขตามประเด็นที่เสนอได้ จะพิจารณายืดเวลายื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นข้อพิจารณา เพราะพรรคเพื่อไทยมีวัตถุประสงค์อยากได้ทั้งสองอย่าง ไม่ผูกมัด แต่ไปด้วยกันได้

เปิดตัวบ้านใหญ่‘อัศวเหม’ซบพรรค

ที่พรรคเพื่อไทย จัดงานเปิดตัวผู้เสนอตัวลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งที่6 โดยวันนี้ได้เปิดตัว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ 8คนและผู้เสนอตัวสมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 3คน โดยมี นายอัครวัฒน์ อัศวเหม รองนายกอบ จ.สมุทรปราการ นายอัครวัฒน์ กล่าวว่า ที่มาร่วมกับพรรคเพื่อไทย เพราะมั่นใจว่าเพื่อไทยเป็นสถาบันทางการเมืองและสมุทรปราการ พี่น้องก็ดี นักการเมืองท้องถิ่นและผู้สมัคร เป็นเพื่อนกันทั้งนั้น ได้ชวน สมุทรปราการก้าวหน้ามาอยู่ด้วยหลายครั้ง วันนี้โอกาสดี ได้มีการมาร่วม ตัวแทนเป็นคนรุ่นใหม่ ผ่านประสบการณ์อย่างดี ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน ปัญหาต่างๆ ที่พรรคเพื่อไทยเห็น ศึกษามายาวนาน มั่นใจอยู่เพื่อไทย สิ่งต่างๆ ถ้าเป็นรัฐบาล จะแก้ไขปัญหาในสมุทรปราการให้ดียิ่งขึ้น นายอัครวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับการเปิดตัววันนี้ ตนจะลงในเขต 1 นอกจากนี้ ยังมี ภิญโญ กิจเลิศไพโรจน์ ลูกชาย นายสงคราม ที่ลงสมัครครั้งนี้ แล ยังมี นายประชา ประสพดี ที่ลงสมัคร ส.ส.เขตด้วย ยังมีชื่อ นายต่อศักดิ์ อัศวเหม ลงสมัครบัญชีรายชื่อ

‘อนุทิน’ยินดีได้มาช่วยบ้านเมือง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคเพื่อไทย เปิดตัวบ้านใหญ่สมุทรปราการ “ตระกูลอัศวเหม” เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งสส.ครั้งหน้าว่า ยินดีด้วยจะได้มาช่วยบ้านเมืองเมื่อถามว่าถือว่าเป็นการตัดขาดกันเลยหรือไม่ นายกฯ ยิ้มก่อนจะโบกมือและขึ้นรถ

‘ไทยก้าวใหม่’ เปิด15ว่าที่ผู้สมัครสส.กทม.

วันเดียวกัน ที่ชั้น 14 อาคารไอทาวเวอร์ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตจตุจักร พรรคไทยก้าวใหม่ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ประธานพรรคไทยก้าวใหม่ และนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หัวหน้าพรรค ร่วมเปิดตัว 15 ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) กรุงเทพมหานคร โดยมอบหมวกและสวมเสื้อแจ็กเก็ตพรรคไทยก้าวใหม่ให้กับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 15 คน ประกอบด้วย นายกัณฑ์ มนต์กันภัย,นางสาวกุลธิภัสร์ ธนวีรชุติวัฒน์,ดร.ณรงค์ พลมาตร์,ดร.ปภพพล เติมธีรกิจ,ดร.รัชพล พุทธรักษา ,นายภาวุฒิ จุณณานนท์ ,นายทรงวุฒิ จันทร์อำนวยโชค ,นางสาวทิพย์รัมภา วิธูชุลีโชติ ,นายธนกร บรรพศิริ,นางสาวเนตรสกาว ชาหอม,นางสาวจิดาภา วิไลวรางกูร ,ผศ.รุ่งโรจน์ สุวรรณสิชณน์,นายศุภพิพัฒน์ บัลนาลังก์ ,นางสาวอภิชชยา เทพโสธรและนายโชติพงศ์ สรรเสริญ พร้อมจะส่งลงครบทั้ง 33 เขต

ชูแก้มลิงเจ้าพระยาแก้น้ำท่วมแบบยั่งยืน

ทั้งนี้ นายสุชัชวีร์ แถลงนโยบายป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพมหานครและปริมณฑลว่า วันนี้เป็นประวัติศาสตร์การเมืองไทย เพราะมีพรรคการเมืองขออาสาพาประเทศไทยก้าวใหม่ ทุกวันนี้หนึ่งในปัญหาที่ทุกคนทุกข์มากที่สุดก็คือ ปัญหาน้ำท่วม ที่ถูกใช้เป็นประเด็นหาเสียงตั้งแต่ตนยังเด็ก แต่ยังไม่มีใครเสนอแก้ปัญหาน้ำท่วมที่ต้นตอ พรรคไทยก้าวใหม่ ประกาศตัวว่ามีความพร้อมมีผู้เชี่ยวชาญที่มีใจแก้ปัญหาน้ำท่วมให้กับคนกรุงเทพมหานครอย่างยั่งยืน ไม่ทิ้งปัญหาไปถึงลูกหลาน

โดยขอเสนอ 2 มาตรการ ในการแก้ปัญหาน้ำท่วมที่ซ้ำซากอย่างยั่งยืน มาตรการ แรก บรรเทาการบริหารจัดน้ำโดยพัฒนาต่อยอดแนวทางการพัฒนาธนาคารน้ำใต้ดิน เราจะหานวัตกรรมหาสะดือกรวยทรายและผันน้ำไปเก็บไว้ที่ธนาคารน้ำใต้ดิน หน้าแล้งก็สามารถสูบน้ำกลับขึ้นมาได้ เพื่อป้องกันน้ำเหนือไม่ให้ลงมาสู่ภาคกลาง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่พิสูจน์ได้ในต่างประเทศ และนำมาใช้ในประเทศไทยเป็นประเทศแรก ๆ ในเอเชียตะวันออกเชียงใต้ มาตรการที่สองจะให้แก้ปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ โดยโครงการ“แก้มลิงเจ้าพระยา“ เพื่อบริหารจัดการน้ำทะเลหนุน ซึ่งเป็นนโยบายเรือของพรรคไทยก้าวใหม่ที่จะขออาสาเข้าไปผลักดัน เป็นความร่วมมือวิศวกรระดับท็อปของไทยและของโลก เพราะไม่เช่นนั้นกรุงเทพมหานครจมทะเลแน่นอน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top