วันอาทิตย์ ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
พท.รุมยำอนุทิน/ถ้าไม่ทำผิดก็อย่ากลัว
ดักคออย่ายุบสภา
เดินหน้าเจาะยางรายวัน
กุมอำนาจรัฐเอื้อเลือกตั้ง
ปลาไหลถกย้ายเข้ารังหนู
เพื่อไทย เดินหน้าเจาะยางรัฐบาลอนุทิน รายวัน“ชลน่าน” ซัดนายกฯ เลือกยุบสภาหนีการตรวจสอบ ของฝ่ายค้าน หวังคุมอำนาจรัฐเอื้อประโยชน์เลือกตั้ง มีแต่ได้กับได้ แล้วโยนบาปให้ฝ่ายค้านทำรัฐบาลสะดุด ชี้ถ้าไม่ได้ทำผิดก็อย่ายุบสภาหนี ปลาไหลนัดประชุมอาทิตย์นี้ ชี้ขาดมุดเข้ารังหนู
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา กล่าวว่าการที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ระบุว่าอาจยุบสภาในวันที่ 12 ธ.ค.หากพรรคเพื่อไทยยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 จริงตามที่ประกาศไว้ แม้จะขัดกับข้อตกลง หรือ MOA ระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชน แต่เป็นเรื่องที่พรรคภูมิใจไทยไม่ได้เสียอะไรมีแต่ได้กับได้ ดังนั้น การประกาศยุบสภาอย่างชัดเจนก็มองเป็นเรื่องอื่นไม่ได้เลย นอกจากเพื่อประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้น เพราะการเป็นรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทยมีแต่ได้ คือได้ใช้งบประมาณ ได้อำนาจบริหาร ได้จัดทัพข้าราชการรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นด้วย
ซัด‘หนู’เลือกยุบสภาหนีซักฟอก
นพ.ชลน่าน กล่าวว่าสำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากสุดท้ายพรรคภูมิใจไทยสามารถกำหนดเกมได้ก็อาจจะผ่านให้ หากไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ก็สามารถคว่ำในวาระ 3 ได้ การอ้างว่าที่ต้องยุบสภาเพราะปัจจัยทางการเมืองจึงเป็นข้ออ้างเพื่อหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้านมากกว่ารวมทั้งหากยุบสภาตอนนี้รัฐบาลจะได้เปรียบในสนามเลือกตั้ง ทั้งอำนาจรัฐ กระสุนดินดำ ครอบคลุมอำนาจทุกองคาพยพ การยุบสภา จึงเป็นกลยุทธ์ทางการเมืองเพื่อยุติการแก้ไขรัฐธรรมนูญและหนีการตรวจสอบตามกลไกของรัฐสภาซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักของพรรคภูมิใจไทยมากกว่า
เหน็บอย่าโยนบาปให้พท.
“การออกมายอมรับว่ามีการใช้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นตัวประกันทางการเมือง หากฝ่ายค้านยื่นอภิปราย นายอนุทิน ก็พร้อมยุบสภา การแสดงออกของนายอนุทินในฐานะหัวหน้ารัฐบาลจึงเป็นไปเพื่อประโยชน์ตัวและพวกพ้องเป็นหลักไม่ได้เข้ามาทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน แน่นอนว่าในสนามเลือกตั้ง พรรคภูมิใจไทยจะหาเสียงโจมตีว่าเพราะพรรคเพื่อไทย ทำให้รัฐบาลไปต่อไม่ได้และส่งผลให้ไม่สามารถแก้ปัญหาน้ำท่วม หรือทำโครงการเพื่อประชาชนได้ ทั้งๆ ที่นายอนุทิน รู้ดีว่าการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยเสี่ยงมาก แต่ด้วยความอยากได้อำนาจเพื่อประโยชน์ตนเอง ดังนั้น เมื่อฝ่ายค้านเห็นว่าประเทศเสียหายในหลายมิติ จำต้องตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร นายอนุทินก็พร้อมยุบสภาหนีการตรวจสอบจากประชาชน พร้อมโยนบาปพรรคเพื่อไทย จึงเป็นทางเลือกที่พรรคภูมิใจไทยได้ใช้ประโยชน์ในสถานการณ์นี้”นพ.ชลน่าน กล่าว
เด็จพี่ฉะ‘หนู’ถ้าไม่ทำผิด อย่าชิงยุบสภา
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ประกาศหากพรรคฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล อาจตัดสินใจยุบสภาฯวันที่ 12 ธ.ค.แทนที่จะไปยุบวันที่ 31 ม.ค. 2569 ตนมองว่านายอนุทิน เคยเป็นฝ่ายค้านมาก่อน เคยตั้งคำถามตรวจสอบรัฐบาล น.ส.แพทองธารชินวัตร มาตอนนี้ เหตุใดถึงกลัวการตรวจสอบจากสส. ฝ่ายค้าน ถ้าไม่ผิดก็ไม่ควรกลัวการตรวจสอบ คนทำงานโปร่งใสไม่ใช้วิธียุบสภาหนีคำถามกลางสภา ต้องใช้โอกาสนี้ชี้แจงให้ประชาชนเห็นถึงข้อกังขาต่างๆ
“ถ้ามั่นใจตัวเอง รัฐมนตรี ในรัฐบาลที่จะถูกอภิปราย มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ชาวบ้านชื่นชม ไม่มีใครในรัฐบาลไปยุ่งเกี่ยวกับสแกมเมอร์ เว็บการพนัน หรือบริหารงานบกพร่อง ส่อไปในทางทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่ต้องกลัวการทำหน้าที่ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน อีกทั้ง พรรคสีส้ม เคยสนับสนุนอุ้มชูโหวตให้ท่าน เป็นนายกฯอย่างดีก็แค่งดออกเสียง คงไม่ใจไม้ไส้ระกำหักหน้าโหวตคว่ำกลางสภา โดยที่เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นความหวังของชาวสีส้มยังไม่ผ่านวาระ 3“นายพร้อมพงศ์ กล่าว
ดักคอ‘อนุทิน’ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ
นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่านายอนุทิน ตอบคำถามสื่อมวลชน พูดเก่งพูดได้ทุกเรื่อง พอมาเรื่องจะถูกยื่นอภิปรายฯ ถึงกับออกอาการ ขู่จะยุบสภาเร็วขึ้น ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ นักการเมือง ที่มั่นใจว่าตัวเองสะอาดยิ่งควรเปิดพื้นที่ให้ตรวจสอบไม่ใช่ชิงยุบสภา เพื่อหลบคำถาม หนีการตรวจสอบจากสังคมและฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นตัวแทนประชาชน ถ้าชี้แจงได้ครบถ้วนกลับจะสร้างคะแนนนิยมให้ตัวเอง และพรรคที่สังกัด การเลือกตั้งครั้งหน้า ก็จะได้เสียงมากขึ้น ไม่เห็นจะส่งผลเสียอะไร ตรงกันข้าม หากเลือกยุบสภา ไม่ยอมถูกตรวจสอบ จะส่งผลเสียมากกว่า ถึงจะเป็นนายกฯ มาจากเสียงข้างน้อย แต่ประชาชนคาดหวังรอให้ท่านแก้ปัญหาปากท้อง สแกมเมอร์ ยาเสพติด พืชผลเกษตรตกต่ำ น้ำท่วม น้ำหลาก ให้สำเร็จ ไม่ใช่เลือกวิธีตัดช่องน้อยแต่พอตัว เพื่อประโยชน์ทางการเมือง ตนขอส่งเสียงเตือนดังๆ ฝากเอาไว้ให้ท่านและเหล่ากุนซือคนข้างกายทั้งหลายให้ได้คิด
จี้รบ.วางแผนล่วงหน้าแก้ปัญหา
นายพร้อมพงศ์ยังย้ำว่าขอฝากว่าขณะนี้ภาคเหนือ อีสาน ภาคกลาง กรุงเทพฯ อุณหภูมิลดลง หนาวเย็น พื้นที่ทุรกันดาร มีผู้ประสบภัยหนาวจำนวนมากส่วนภาคใต้ กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนให้ระวังฝนถล่ม พื้นที่เสี่ยงน้ำหลากน้ำท่วมหลายจังหวัด ขอให้รัฐบาลวางแผนทำงานล่วงหน้า ไม่ใช่วัวหายแล้วล้อมคอกส่งรัฐมนตรี หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องไปช่วยเหลือประชาชน อย่าให้ขาดตกบกพร่อง หากต้องแจ้งเตือน อพยพ ขนของหนีน้ำ ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า ชาวบ้านจะได้เตรียมตัวทัน พื้นที่เกษตร บ้านเรือน ประชาชนได้รับความเสียหาย ก็ต้องเยียวยาให้ทันที อย่าล่าช้าจนประชาชนทวงถาม เพราะตอนนี้ประเทศกำลังเผชิญทั้งภัยหนาว ฝนถล่ม น้ำหลาก น้ำท่วม ขอให้รัฐบาลนายอนุทิน วางแผนบูรณาการให้ดีๆ
พท.สับรบ.ย้ายขรก.ทะลุ300ตำแหน่ง
ที่พรรคเพื่อไทย นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการติดตามการทำงานของรัฐบาล ในการโยกย้ายข้าราชการระดับสูง หลังจากการเข้ามาทำงานใน 1 เดือนของรัฐบาล มีการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงไปแล้ว 98 ตำแหน่ง และถึงขณะนี้ ระยะเวลา 2 เดือนเศษมีการโยกย้ายไปแล้ว 122 ตำแหน่ง และคิดว่าสิ้นเดือนธันวาคมน่าจะทะลุ 300 ตำแหน่ง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย มีการโยกย้ายไปแล้ว 49 ตำแหน่ง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 13 ตำแหน่ง สำนักนายกรัฐมนตรี 12 ตำแหน่ง
ซัดพุ่งเป้า‘มท.’ปูทางเลือกตั้งหรือไม่
โฆษกพรรคเพื่อไทยตั้งข้อสังเกตว่าหลายตำแหน่งเกี่ยวข้องกับคดีสำคัญเช่น เขากระโดง ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ในสังคมและตำแหน่งสำคัญอย่างเลขาธิการสำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.)มีการปรับเปลี่ยน ทั้งที่ประเทศไทยจมน้ำอยู่เป็นล้านไร่ หรืออธิบดีกรมที่ดินที่มีการแต่งตั้งเมื่อ 12 พ.ย. แต่หลังจากนั้น 6 วัน มีการโยกย้ายข้าราชการที่ดิน ในจ.บุรีรัมย์ ทันทีจึงอาจตั้งข้อสังเกตไม่ได้ว่า มีข้อเกี่ยวข้องกับคดีสำคัญหรือไม่
“พรรคเพื่อไทยอยากเรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันจับตามองถึงการแต่งตั้งโยกย้ายเหล่านี้ แต่งตั้งตามกฎหมายและระเบียบหรือไม่ หรือเป็นเพียงปลายภูเขาน้ำแข็ง เพราะเป็นข้าราชการระดับสูงที่ต้องมีการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และตั้งคำถามว่าข้าราชการที่ต่ำลงไปจะมีอีกจำนวนเท่าไหร่ หรือการแต่งตั้งโยกย้ายในระดับนี้เป็นการแต่งตั้งเพื่อหาผลประโยชน์ หรืออำนวยความสะดวกในการเลือกตั้งครั้งต่อไปหรือไม่”นายศึกษิษฏ์ย้ำ
ลั่นหากรบ.มั่นใจอย่าหนีตรวจสอบ
โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่าทั้งเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายและการจัดการงบประมาณภาครัฐมีความเกี่ยวเนื่องกันอย่างชัดเจนโดยทางพรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันจับตามองว่าการแต่งตั้งโยกย้าย และการเพิ่มขั้นตอนการของบประมาณ เป็นการปูทางอำนวยความสะดวกในการเลือกตั้งหรือไม่ที่มีการพูดว่าพร้อมแล้วที่จะยุบสภา เพราะเตรียม 2 เรื่องดังกล่าวไว้แล้วใช่หรือไม่ และหากนายกรัฐมนตรียืนยันว่าที่ผ่านมา บริหารราชการแผ่นดินได้อย่างถูกต้องก็อย่าหนีการตรวจสอบ
“ที่บอกว่าเพิ่งเข้ามาได้เดี๋ยวเดียว จะทำอะไรผิดได้ พรรคเพื่อไทยเราเห็นต่างเพราะความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว เป็นความเสียหายจำนวนมากด้วยซึ่งการตรวจสอบรัฐบาลเป็นหน้าที่ของฝ่ายค้าน และพรรคเพื่อไทยไม่เคยเรียกร้อง หรือบังคับให้ใครมาร่วมอภิปรายด้วย ทุกพรรคมีสิทธิ์จะโหวตอย่างไรก็ได้ ถ้านายกรัฐมนตรีและรัฐบาลสามารถชี้แจงได้ ท่านก็น่าจะได้รับการไว้วางใจให้บริหารประเทศต่อ ท่านอย่าหนีความรับผิดชอบ” นายศึกษิษฏ์ย้ำ
จ่อเปิดตัวครอบครัวพท.เต็มองคาพยพ
โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวอีกว่าสำหรับพรรคเพื่อไทย เรามีการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งหลายๆด้าน ทั้งสส.และผู้สมัครของเรา ได้ลงพื้นที่ไปรับฟังปัญหาและช่วยเหลือประชาชนอย่างอย่างเหนียวแน่นและใกล้ชิด รวมถึงเราได้ตั้ง นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ เป็นประธานกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย นอกจากนี้ ยังได้มีการเปิดตัวผู้สมัครไปแล้วกว่า 250 เขต จะมีการทยอยเปิดตัวเรื่อยๆ เป็นการแสดงได้ชัดว่าพรรคเพื่อไทยยังเป็นสถาบันทางการเมืองที่มีความเข้มแข็งและมีบุคลากรจำนวนมาก ต้องการเข้ามาร่วมงานด้วย ในเร็วๆนี้จะมีงานเปิดตัวครอบครัวเพื่อไทย รอบนี้จะจัดอย่างเต็มองคาพยพ
‘หนู’แย้มจับตา ชทพ.ย้ายซบ‘ภูมิใจไทย’
เมื่อเวลา 07.50 น. ที่ท่าอากาศยาน ทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทยในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีคำให้สัมภาษณ์ของนายอนุชา สะสมทรัพย์ สส.นครปฐม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ที่ระบุว่าพรรคชาติไทยพัฒนาจะย้ายไปร่วมกับพรรคภูมิใจไทยทั้งพรรคว่าให้รอติดตามพรุ่งนี้เนื่องจากมีการประชุมใหญ่ของพรรคชาติไทยพัฒนา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ได้ตอบรับทิศทางดังกล่าวแล้วหรือไม่ นายอนุทินหัวเราะ ก่อนกล่าวเพียงสั้นๆว่า“เอาไว้ให้เรียบร้อยทุกอย่างก่อน”
‘อันวาร์ สาและ’ลา‘ลุงป้อม’ไขก๊อกพ้นพปชร.
นายอันวาร์ สาและ อดีต สส. ปัตตานี โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพื่อขอลาออก จากสมาชิกพรรค โดยระบุว่า“ด้วยข้าพเจ้านายอันวาร์ สาและ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 4 สมัย จังหวัดปัตตานีได้เข้ามาสมัครเป็นสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐ โดยการทาบทามของท่านนิโรธ สุนทรเลขา อดีต สส. นครสวรรค์ ประธานวิปรัฐบาลในรัฐบาลขณะนั้นได้แจ้งว่าท่านหัวหน้าอยากเชิญมาพบเพื่อพูดคุยทำความรู้จักกัน ซึ่งข้าพเจ้าก็ได้ตอบรับเชิญ เมื่อมาพบก็ได้รับการทาบทามว่าอยากจะเชิญเข้ามาร่วมทำงานการเมืองกันกับพรรคพลังประชารัฐ จึงมีเงื่อนไขให้ท่านหัวหน้าพิจารณาอยู่สามข้อ หัวหน้าก็รับปากแบบทหารเลยว่าจะทำให้ ตัดสินใจเข้ามาร่วม
“เมื่อการเลือกตั้งเสร็จสิ้นลง พรรคการเมืองก็ยังคงจะต้องทำกิจกรรมต่อเนื่อง ซึ่งข้าพเจ้าได้พยายาม เสนอแนวทางต่างๆ เพื่อให้พรรคได้มีกิจกรรม แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากผู้บริหารพรรค สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีอยู่ในพรรคได้ทยอยกันลาออกเพราะมองไม่เห็น อนาคตว่าพรรคจะไปต่อได้อย่างไร แต่ตนยังคงพยายามที่จะนำเสนอเพื่อให้พรรคมีกิจกรรมและสามารถจะเดินหน้าต่อไป แต่ก็ไม่เป็นผล จนมีความรู้สึกว่าความคิดของตนนั้น อาจจะแตกต่างกับผู้บริหารปัจจุบัน แล้วก็คงจะไม่สามารถที่จะร่วมงานทางการเมืองกันต่อไปได้ จึงขอลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และขออวยพรให้พรรคประสบความสำเร็จในแนวทางที่ผู้บริหารพรรคชุดปัจจุบันกำหนด ขอขอบพระคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างครับ”
นายกฯตรวจราชการขอนแก่นยกยอดฉัตรทองคำ
เวลา 08.10 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย พร้อมด้วย สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัด ราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กรรมการมหาเถรสมาคม พร้อมคณะนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายนฤชา โฆษาศิวิไลย์ อธิบดีกรมการปกครอง นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางโดยเครื่องบินของกองทัพอากาศ จากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯไปถึงท่าอากาศยานนานาชาติขอนแก่น เพื่อปฏิบัติภารกิจด้านศาสนาและวัฒนธรรมและตรวจราชการพร้อมมอบนโยบายแก่หัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านสารวัตรและผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่น
เวลา 09.13 น. นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะถึงท่าอากาศยานนานาชาติขอนแก่น จากนั้นนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิธียกยอดฉัตรทองคำพระมหาธาตุแก่นนครอนุสรณ์สาธุชน วัดหนองแวง พระอารามหลวง อ.เมือง จ.ขอนแก่น โดยมีสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม และเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช องค์ประธานฝ่ายสงฆ์ ประกอบพิธียกยอดฉัตรทองคำ พระมหาธาตุแก่นนครอนุสรณ์สาธุชน(พระธาตุ 9 ชั้น)สร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี และ มหามังคลานุสรณ์ 200 ปีเมืองขอนแก่น
โดยองค์พระธาตุจำลองแบบจากระธาตุขามแก่น เรือนยอดทรงเจดีย์ ฐานสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ 50 เมตร สูง 80 เมตร ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ส่วนอุรังคธาตุและจัดเป็นหอพิพิธภัณฑ์,หอปริยัติธรรม แสดงศิลปะพื้นบ้านของชาวอีสาน และรวบรวมพระธรรมคัมภีร์สำคัญทางพระพุทธศาสนา เป็นต้น
มอบนโยบายหน.ส่วนราชการ-ผู้บริหารท้องถิ่น
จากนั้นนายกรัฐมนตรีเดินทางไปที่ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้านานาชาติไคซ์ ขอนแก่น อ.เมืองขอนแก่น เพื่อมอบนโยบายแก่หัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรและผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่น การเดินหน้าการบริหารราชการระดับจังหวัด สอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาล และเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหาเชิงรุก พร้อมสนับสนุนการพัฒนาจังหวัดขอนแก่นให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืนในทุกมิติ
ภท.เดินเครื่องยึดมุกดาหาร
ที่วัดบ้านแก้ง ต.นาโสก อ.เมือง จ.มุกดาหาร นายสิรวิชญ์ บ่อก่ำ ผู้ประสานงาน สำนักงานใหญ่พรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยคณะทำงานพรรคภูมิใจไทย และสมาชิกพรรค ได้มีการประชุมแต่งตั้งตัวแทนและที่ตั้งที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ประจำจังหวัดมุกดาหาร โดยมีสมาชิกเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ประมาณ 80 คน ในการจัดประชุมครั้งนี้ เพื่อเลือกตัวแทนประจำจังหวัดมุกดาหาร โดยในที่ประชุมมีการเสนอชื่อตัวแทนพรรคภูมิใจไทย ประจำจังหวัดมุกดาหาร จำนวน 3 คน ประกอบด้วย นายปิยะชัย โชติวุฒิมนตรี นายเพียงใจ คนเพียร และนางสาวพัชรา ระริน ผลปรากฏว่าผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นตัวแทนพรรค ประจำจังหวัดมุกดาหาร คือ นายปิยะชัย โชติวุฒิมนตรี ตัวแทนลำดับที่ 1 ได้คะแนน 39 คะแนน นายเพียงใจ คนเพียร ตัวแทนลำดับที่ 2 ได้คะแนน 18 คะแนน และนางสาวพัชรา ระริน ตัวแทนลำดับที่ 3 ได้คะแนน 13 คะแนน ส่วนที่ตั้งที่ทำการตัวแทน พรรคภูมิใจไทย ประจำจังหวัดมุกดาหาร เลขที่ 409/1 ม.6 ต.มุกดาหาร อ.เมือง จ.มุกดาหาร
นายสิรวิชญ์ บ่อก่ำ ผู้ประสานงาน กล่าวว่า มาจากพรรคภูมิใจไทยมาจากกรุงเทพฯ เพื่อเป็นการประชุมในเรื่องของตัวแทนพรรคภูมิใจไทย ประจำจังหวัดมุกดาหาร เรื่องความสำคัญเพราะว่าถ้าเราไม่มีกระบวนการนี้พรรคภูมิใจไทยจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งไม่ได้เพราะว่าการที่จะส่งผู้สมัครเลือกตั้งได้นั้นจังหวัดใดๆ ต้องมีตัวแทนพรรคประจำจังหวัดหรือสาขาพรรค
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี