วันจันทร์ ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ศุภจีเก่งอะไรกัน?! 'นักเขียนดัง'ฟาดยับ'ติ่งขี้อิจฉา' เทียบผลงานรัฐบาล'เก่า-ใหม่'

ศุภจีเก่งอะไรกัน?! 'นักเขียนดัง'ฟาดยับ'ติ่งขี้อิจฉา' เทียบผลงานรัฐบาล'เก่า-ใหม่'

วันจันทร์ ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 07.57 น.

เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 นายปฏิพล อภิญญาณกุล นักเขียนชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก Padipon Apinyankul ระบุว่า หลายวันก่อน ตอนเขียนเรื่อง รมว.ศุภจี ไปขายข้าวที่สิงคโปร์ . จะมีพลพรรคเพื่อไทยหรือเพื่อส้ม ก็ไม่รู้ ออกมาหัวเราะต่อว่า

ว่า ศุภจีจะเก่งอะไรกัน รัฐบาลก่อนเจรจาเอาไว้แล้วต่างหาก .


"ติ่งขี้อิจฉา" เหล่านั้นไม่เคยขายของ .
คนที่นำเอาสินค้าเพื่อไปเสนอสินค้าตามที่ต่าง ๆ แต่ใช่ว่าลูกค้าจะตอบรับทุกคน
ลูกค้ายิ้มให้ ไม่ใช่หมายถึงลูกค้าตอบรับ .
ลูกค้ารับโบวชัวร์หรือเอกสารเงื่อนไขไว้ ก็ไม่ใช่ว่าลูกค้าตอบรับ
เหตุผลที่ลูกค้าไม่ตอบรับมีมากมาย . หลัก ๆ คือ ไม่ชอบขี้หน้าเซลล์ขายของ คนนั้น
เมื่อเซลล์คนเก่าแค่เสนอขาย แต่ยังปิดจ๊อบไม่ได้ . เซลล์คนต่อมาปิดดีลได้ ควรต้องนับเป็นความสามารถของเซลล์คนใหม่
จะไปตีขลุมว่า คนก่อนมาเสนอขายไว้ ต้องเป็นผลงานของคนเก่า มันก็ไม่ถูก ต้องดูบริบทอื่น ๆ ประกอบ
ถ้าผู้ซื้อไม่ชอบขี้หน้าเอ็ง เขาก็ดึงเรื่องไว้ก่อน . พอมีคนใหม่ที่คุยแล้วมีความรู้สึกดีต่อกัน จึงค่อยเซ็นสัญญาตกลง
เดี๋ยวจะเปรียบเทียบชี้ให้เห็นรายรับจากการขายในตอนท้าย .. ว่าใครที่ขายเป็น เพื่อให้ประจักษ์

....

ตอนนี้มาดูผลงานของ รมว.ศุภจี กันก่อน
รายงานข่าวบอกว่า ข้าวเปลือกหอมมะลิ พุ่งขึ้นถึง 16,500 บ. (จากราคาข้าวที่ตกต่ำ มานานมาก)
ที่จริงก่อนไปสิงคโปร์ ราคาข้าวเปลือกยังต่ำมาก .. พอปิดดีล 100,000 ตันของสิงคโปร์ ราคาข้าวก็ยังไม่ขยับนัก
ต่อเมื่อในหลวงไทยเสด็จไปเยือนจีน จีนประกาศซื้อข้าวไทย 500,000 ตัน .
ในตอนนั้นราคาข้าวเปลือกไทยขยับสูงขึ้นมาเป็น 13,000 บาท ต่อตัน
ขณะที่นายกฯอนุทินไปจีนในฐานะฐานะรัฐมนตรีเกียรติยศ . ด้านคุณศุภจี ก็เดินสายเป็น "เซลล์แมน"
พบทูตอินเดีย เพื่อร่วมกันเป็นหุ้นส่วนทางการค้า , หารือกับทูตรัสเซีย ขายสินค้าเกษตรและสินค้าแปรรูป ,
บินไปสหรัฐ ทะลุใจกลางประเทศที่ชอบขึ้นภาษีทั่วโลก เพื่อนำเสนออาหารไทย ,
และในต้นเดือนธันวาคม วางแผนจะไปซาอุดิอาระเบีย เพื่อขายข้าว , ตามด้วยแอฟริกา
ทั้งหมด จึงส่งผลทำให้ราคาข้าวเปลือกพุ่งสูงขึ้นถึง 16,500 บาทต่อตัน - ณ ราคาในปัจจุบัน
รัฐบาลเสียงข้างน้อย ในภาวะจำยอมด้วยข้อจำกัดเวลา . / ทำงานมาตั้งแต่ 19 กย. จนวันนี้ ก็ประมาณ 2 เดือนกับอีก 3 วัน
2 เดือน 3 วัน .. ทำให้ราคาข้าวที่เคยตกต่ำติดต่อกันมาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว ฟื้นตัวขึ้น ..

...

เอาละ ที่ได้เกริ่นไว้ในตอนต้น ที่มีพวกติ่งบางพรรคบอกว่า เป็นผลงานของรัฐบาลที่แล้ว .
.. ใช่หรือ จริงหรือ .. อย่างไร ?

จะเทียบเคียงกับรัฐบาลที่แล้วของแพทองธาร ให้ดูกัน
รัฐบาลแพทองธาร สืบต่อจากรัฐบาลเศรษฐา ก็พรรคเดียวกัน รัฐมนตรีเดียวกันนั้นแหละ .
แพทองธาร เข้ามาเมื่อ 16 สิงหาคม 2567 ..
ราคาข้าวเปลือกในวันที่ 30 เดือนสิงหาคม 67 อยู่ที่ 11,000 - 14,000 บาท ต่อตัน
รัฐบาลแพทองธารทำงานจากสิงหาคม ถึงกุมภาพันธ์ = 6 เดือน
ราคาข้าวเปลือกในวันที่ 17 ก.พ. 68 อยู่ที่ราคา 8,200 - 8,600 บาท ต่อตัน
จากสิงหาคม ถึงกุมภาพันธ์
* ลดฮวบฮาบลงมาถึง 5,000 - 6,000 บาท ต่อตัน

...

เทียบกับระยะเวลาของรัฐบาลอนุทิน
เข้ามาทำงาน 19 ก.ย. 2568 . ทำจนถึงวันนี้ 23 พ.ย.
ระยะเวลาทำงานคือ 2 เดือน กับ 3 วัน / ซึ่งเป็นฤดูกาลเดียวกันกับข้าวปีที่แล้ว ที่แพทองธารเป็นรัฐบาล
ราคาข้าวเปลือกสูงเป็น 16,500 บาทต่อตัน
แนวโน้มต่อไป ถ้าเทียบไปถึงกุมภาพันธ์ปีหน้า เท่ากับช่วงระยะเวลาเดียวกัน
รับรองไม่ตกลงมาเหลือแค่ 8,200 - 8,600 อย่างแน่นอน

...

ประเทศไทย ประชาชนพื้นฐานส่วนใหญ่คือเกษตรกรรม เรามีสินค้าเกษตรมากมาย
เราคือต้นทางของอาหารโลก
เราต้องการคนขายของเป็น

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top