วันอังคาร ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
“โฆษกกรมคุก” เผยเร็วๆ นี้ เตรียมเปลี่ยนแปลงคำสั่ง 20 จนท.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จากแค่โยกย้ายไปต่างจังหวัด อาจโดน “พักราชการ-ให้ออกจากราชการไว้ก่อน” ระบุพบหลักฐานกลุ่มเจ้าหน้าที่บางส่วนบินมาเก๊าจริง DSI ตั้งเรื่องเรียกสอบรายตัว
จากกรณีนางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม มีคำสั่งลงนามโยกย้าย นายมานพ ชมชื่น ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและพวก อันเนื่องจากการจู่โจมตรวจค้นเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และพบว่ามีเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิดให้บริการบำเรอกามผู้ต้องขังจีนเทา
เก็บหลักฐานเพิ่มเติม
ล่าสุด เมื่อเช้าวันที่ 24 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวราย งานบรรยากาศบริเวณหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหา นคร ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหา นคร ว่าเป็นวันแรกที่จะมีเจ้าหน้าที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ประกอบด้วย กรมราชทัณฑ์ เข้าทำการสอบสวนข้อมูลเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ มหานคร รวมถึงเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์เข้าเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน
โดย นายยุทธนา นาคเรืองศรี รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราช ทัณฑ์ รักษาการแทน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ตนได้ส่งเอกสารประสานไปยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้สนับสนุนส่งเจ้าหน้าที่นิติวิทย์มาร่วมตรวจเก็บพยานหลักฐานพยานวัตถุในห้องเกิดเหตุ (ห้องลับใต้บันได) ซึ่งได้มีการซีลพื้นที่ไว้เรียบ ร้อยแล้วสำหรับนำไปตรวจสอบ ก่อนรับผลรายงานและนำเสนอไปยังคณะกรรม การตรวจสอบข้อเท็จจริง
อย่างไรก็ดี คาดว่าระหว่างในวันที่ 25-26 พ.ย. ทางพล.ต.ท. รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม จะได้มีการแถลงความคืบหน้าต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จำนวน 20 ราย ที่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวและคำสั่งย้ายของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเบื้องต้นเริ่มมีพยานหลักฐานชัดเจนแล้ว จึงจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งเพิ่มเติม อาทิ พักราชการไว้ก่อน หรือให้ออกจากราชการไว้ก่อน เป็นต้น และเรื่องนี้เป็นผลกระทบต่อองค์กรเป็นอย่างยิ่ง รมว.ยุติธรรม จึงให้ความสำคัญอย่างมากในการจัดระเบียบความโปร่งใส นอกจากนี้ ประเด็นการเดินทางไปยังต่างประเทศของกลุ่มเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหา นครที่ไม่มีการแจ้ง และบางกลุ่มก็มีความชัดเจนในส่วนของการเดินทางไปมาเก๊าอีกด้วย
สอบปากคำ20จนท.เรือนจำ
ขณะที่ พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า วันนี้จะมีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ กองคดีความมั่นคง เดินทางเข้าไปสอบสวนข้อมูลเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ที่รับผิดชอบด้านงานเอกสารการให้การบริการสวัสดิการผู้ต้องขัง การควบคุมดูแลผู้ต้องขัง การเบิกตัวผู้ต้องขัง เพื่อขอรับข้อมูลเกี่ยวกับระเบียบการเยี่ยมญาติ การจ่ายเงิน การรับโอนเงิน สลีปโอนเงินต่างๆ รวมถึงรายงานการสอบสวนข้อมูลเบื้องต้นของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกรมราชทัณฑ์ที่ได้ดำเนินการก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นการสอบปากคำเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ทั้ง 20 ราย (ที่ถูกคำสั่งย้าย) ผู้ต้องขังจีนเทา 2 ราย หญิงสาวนางแบบชาวจีน 2 ราย รวมถึงการเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน พยานวัตถุ และพยานเอกสารของเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ว่ามีการรวบรวมรายการสิ่งของใดไปบ้าง
อย่างไรก็ตาม หากผลการสอบสวนปากคำในส่วนของเจ้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครทั้ง 20 รายที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ดำเนินการบันทึกคำให้การก่อนหน้านี้ มีส่วนใดเพิ่มเติมที่ดีเอสไอเล็งเห็นว่าจะต้องสอบสวนปากคำเพิ่ม ก็จะได้มีการประสานออกหมายเรียกพยานแก่เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครทั้ง 20 รายดังกล่าว มาสอบถามไม่ว่าจะเป็นประเด็นของเรื่องเส้นทางการเงินก็ตาม ทั้งนี้ ดีเอสไอจะได้ประสานไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อดูประวัติย้อนหลังการเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรของนายมานพ ชมชื่น ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นับแต่วันที่เข้ารับตำแหน่ง ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
เชื่อปปช.สอบทรัพย์สิน
พ.ต.ท.อนุรักษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องการครอบครองทรัพย์สินต่าง ๆ ปกติแล้วเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องมีการแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ซึ่งส่วนนี้จะเป็นกฎหมายของ ป.ป.ช. ที่จะไปตรวจสอบว่ามีการครอบครองทรัพย์สินมูลค่าสูงผิดปกติอย่างไรหรือไม่ นับแต่วันที่เข้ารับตำแหน่งเป็น ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหา นคร อย่างไรก็ดี ปัจจุบันนี้ยังคงเป็นเพียงเรื่องสืบสวน ที่ต้องดูว่าเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ทั้ง 20 ราย มีพฤติการณ์ กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 หรือไม่ ซึ่งถ้าหากพบการกระทำความผิดดังกล่าว ดีเอสไอจะต้องสรุปสำนวนส่งให้ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไปตามขั้นตอน
ทนายโต้บอสกันต์ไม่เกี่ยว
นายวิฑูรย์ เก่งงาน “ทนายอ๋อง”ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ผู้ต้องหาคดีบริษัทดิไอคอนฯ(The iCON) เปิดเผย ว่า ตนได้โทรศัพท์คุยกับทนาย ความของบอสกันต์-กันต์ กันตถาวร เพื่อถามถึงข้อเท็จจริง ทนายวิฑูรย์ บอกว่า ตอนนี้ข่าวที่ออกไปทำให้เสียหายหนักมากเพราะนายกันต์ไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นและไม่ได้ให้ใครเข้าเยี่ยมวันอาทิตย์ เพราะหากเป็นแบบนั้นจริงทนายความก็ต้องรู้ คงไม่มีใครปิดบังข้อเท็จจริงเรื่องนี้ จึงปฏิเสธเรื่องนี้มา
เมื่อถามว่าทนายความในฐานะที่เข้าออกเรือนจำพิเศษกรุงเทพเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่อง VIP หรือไม่ ทนายวิฑูรย์ บอกว่า คนที่อยู่ข้างในไม่เคยเล่าให้ตนเองฟังว่ามีอะไรเกิดขึ้น ส่วนที่คุยกับนายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช หรือจ๊อบ ก็บอกว่าพอได้ยินข่าวและเพิ่งรู้ ซึ่งนายสามารถอยู่แดน 1 กับนายกันต์ ส่วนบอสพอลอยู่แดน 4 ไม่ได้อยู่แดนเดียวกับผู้ต้องขังชาวจีน
ร้องปปช.สอบ‘ผบ.คุก’
วันเดียวกันที่สำนักงาน ป.ป.ช. นายศรีสุวรรณ จรรยา องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ไต่สวนและวินิจฉัยชี้มูลความผิด อดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯกับพวก หลังถูกย้ายให้ไปเป็นผู้ตรวจฯ หลังตรวจพบมีการนำหญิงสาวมาบริการนักโทษจีนเทาบางรายในห้องลับและพบสิ่งของต้องห้ามมากมายในห้องลับ อันเข้าข่ายเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทําความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ หรือความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ตามกฎหมายของ ป.ป.ช.โดยตรง
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่าสั่งย้ายหรือจะให้ออก ผบ.เรือนจำพิเศษฯกับพวกดังกล่าว ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายขั้นสูงสุดซึ่งเป็นที่ครหาของสังคมได้ เพราะเมื่อเวลาผ่านไปเมื่อเรื่องเงียบลงไม่เป็นที่สนใจของสื่อมวลชนและประชาชนอีกต่อไป เจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกตั้งกรรมการสอบก็อาจจะหลุดพ้นและกลับมาเติบโตในชีวิตราชการต่อไป โดยไม่มีการลงโทษในทางอาญาใด ๆ ดังกรณีตัวอย่างหลาย ๆ กรณี อาทิ กรณีการเอื้อประโยชน์ให้นักโทษไป รพ.ตำรวจที่ชั้น 14 เป็นต้น นอกจากนั้นยังปรากฎในการสั่งย้ายเจ้าหน้าที่รัฐหลายองค์กรในกระบวนการยุติธรรม เมื่อเรื่องเงียบคนที่ถูกสั่งย้ายก็ยังคงอยู่ในวงการราชการ และบางรายมีตำแหน่งใหญ่โตมากกว่าเดิมก็มี
“สนธิญา”บุกร้องปปง.
ด้านนายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นหนังสือถึง คณะการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เพื่อให้ตรวจสอบยึดอายัดทรัพย์ นายมานพ ชมชื่น ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่ของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครที่เกี่ยวข้อง หลังมีข่าวเรื่องคุก VIP เอื้อประโยชน์ให้นักโทษจีนเทา
นายสนธิญากล่าวว่า สายของตัวเองให้ข้อมูลมาว่าในกระบวนการนี้ได้มีการจ่ายเงินเป็นขั้นบันได แบ่งเป็น 3 5 7 9 ไปจนถึง 15 ล้านบาท ซึ่งจะรับเงินกันในต่างประเทศและใช้บัญชีของผู้อื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง แต่ถึงอย่างไรก็ตามเชื่อว่าในทุกเส้นทางการเงินจะต้องมีพิรุธและทิ้งร่องรอยไว้ วันนี้จึงเดินทางมาให้ข้อมูลต่อ ปปง. เพื่อตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในความผิดมูลฐานตาม พรบ.ปปง.2542รวม 7 ข้อ และ ความผิดอังยี่ซ่องโจรด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี