'ธรรมนัส'นั่งบัญชาการแก้น้ำท่วมใต้ เร่งอพยพ ปชช.ในพื้นที่กระแสน้ำแรง

'ธรรมนัส'นั่งบัญชาการแก้น้ำท่วมใต้ เร่งอพยพ ปชช.ในพื้นที่กระแสน้ำแรง

วันอังคาร ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 12.52 น.

"ธรรมนัส"นั่งบัญชาการแก้น้ำท่วมใต้ เร่งอพยพ ปชช.ในพื้นที่กระแสน้ำแรง ส่งเรือเจ็ตสกีแรงม้าสูง-เรือหางยาว-เรือหน่วยซีล-เฮลิคอปเตอร์ ขณะที่"กรมชลประทาน"เปิดประตูระบายน้ำทุกบาน คาดภายใน 3 วัน สถานการณ์คลี่คลาย

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังการประชุมแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจังหวัดภาคใต้ ร่วมกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผ่านระบบ VDO Conference ว่า ขณะนี้ได้มีการระดมความช่วยเหลือจากทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเรื่องไฟฟ้าที่โรงพยาบาลถูกตัด และผู้ป่วยฉุกเฉินต้องใช้ออกซิเจน ดังนั้นขณะนี้ได้มีการตั้งศูนย์บัญชาการฯ โดยมีตนเองบัญชาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งจะติดตามสถานการณ์อยู่ที่หาดใหญ่ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย


ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตอนนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้สั่งการทุกเหล่าทัพ ระดมกำลังเข้ามาช่วยเหลือในพื้นที่นี้ทั้งหมด ส่วนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย หรือ ปภ. นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้การแต่งตั้งศูนย์ของ ปภ. ขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการตั้งศูนย์บัญชาการอยู่ที่โรงแรมซิกเนเจอร์ และเป็นศูนย์อพยพด้วย ซึ่ง ณ เวลานี้การลำเลียงอาหารผู้ประสบภัย จะให้แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นผู้ควบคุมควบคุมดูแลทั้งหมด ซึ่งยืนยันว่า อาหารมีเพียงพอ แต่ขณะนี้จะต้องอพยพประชาชนที่เดือดร้อนออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด

ส่วนกรณีที่ชาวบ้านสะท้อนว่า ไม่รู้ว่าจะอพยพได้อย่างไร ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เนื่องจากตั้งแต่คืนวันอาทิตย์จนถึงเวลานี้มีกระแสน้ำรุนแรง เรือเจ็ตสกีบางลำเข้าไปไม่ถึง อีกทั้งเรือท้องแบนก็เข้าพื้นที่ไม่ได้ ดังนั้นประชาชนที่อยู่ในพื้นที่กระแสน้ำแรง วันนี้จะมีการแก้ไขปัญหาใหม่ โดยจะใช้เรือเจ็ตสกีที่มีแรงม้าสูงเข้าไปช่วยเหลือประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีภาพของประชาชนตะโกนขอความช่วยเหลือบนหลังคาบ้าน จะเข้าดำเนินการช่วยเหลือได้เมื่อไหร่นั้น ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า วันนี้จะมีการบัญชาการให้เป็นเรื่องเป็นราว และเป็นรูปธรรม ที่จะดำเนินการเพื่อเข้าช่วยเหลือ พร้อมกับยอมรับว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในวันนี้เนื่องจาก คาดการณ์ว่า น้ำจากอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ซึ่งเกิดฝนตกหนักมาสมทบกับน้ำในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ที่มีจำนวนมากอยู่แล้ว และน้ำทุกมุมไหลลงมารวมกันทั้งหมด ทำให้เกิดปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นสูง มีความเชี่ยว และลึก ส่งผลให้เรือท้องแบนเข้าไปช่วยเหลือไม่ได้ จึงได้มีการเพิ่มเรือหางยาวของชาวประมงเข้าไปช่วย และเรือจากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ หรือ หน่วยซีล พร้อมกับส่งเรือเจ็ตสกีแรงม้าสูงเข้าไปช่วยเพิ่มเติม ซึ่งจะระดมช่วยเหลือในทุกจุด

ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่า วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของฝน และวันพรุ่งนี้จะเบาลง ดังนั้น การระบายน้ำจึงเป็นหน้าที่ของกรมชลประทาน ก็จะมีการระบายน้ำให้เร็วที่สุด ซึ่งขณะนี้บานประตูทุกบานของลำน้ำ เปิดไว้หมดแล้ว ซึ่งคาดการณ์ว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 วัน สถานการณ์จะคลี่คลาย

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ขอให้ความมั่นใจกับประชาชนที่ยังติดอยู่ในบ้านเรือนว่า วันนี้จะมีการช่วยเหลือจากทุกหน่วยงาน โดยจะแบ่งออกเป็น 2 โซน โดยใช้เส้นทางรถไฟเป็นหลัก ก็คือ โซนตะวันออก กับโซนตะวันตก และมีจุดที่จะนำรถทหาร และรถกรมชลประทาน รวมถึง ปภ.ไปตั้งในแต่ละจุด และใช้เจ็ตสกี หรือเรือที่สามารถผ่านกระแสน้ำแรงได้ เข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่แจ้งความช่วยเหลือเข้ามาทั้งหมด ขณะเดียวกันก็มีการสั่งอุปกรณ์ต่างๆ เข้ามาช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทั้งเฮลิคอปเตอร์จากทุกกองทัพภาค สแตนด์บายไว้จำนวน 10 ลำ

ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส ยอมรับว่า มีปัญหาเรื่องของการสื่อสาร ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์  ซึ่งได้มีการแก้ไขปัญหาแล้ว เนื่องจากก่อนหน้านี้มีกระสอบทรายไปทับเสาส่งสัญญาณ ประกอบกับกระแสน้ำแรง และไฟฟ้าดับ ซึ่งวันนี้ก็จะเร่งแก้ไข

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top