"พีระพันธุ์" ทุบโต๊ะ! ค่าไฟต้องเหลือหน่วยละ 3.71 บาท ดึงเงิน "ชอร์ตฟอล" 1.2 หมื่นล้านจาก ปตท. ชดเชยประชาชน พร้อมลุยการเมืองปั้นคนรุ่นใหม่สู้ศึกเลือกตั้ง
วันที่ 4 ธันวาคม 2568 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยผ่านรายการ "คนชนข่าว" ทางสถานีข่าว TNN ถึงสถานการณ์ราคาพลังงานและทิศทางการเมืองของพรรค โดยระบุถึงมติคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ที่เห็นชอบให้ปรับลดค่าไฟฟ้าในงวดแรกของปี 2569 (มกราคม - เมษายน) ลงเหลือ 3.88 บาทต่อหน่วย จากเดิม 3.94 บาทต่อหน่วย โดยให้เหตุผลว่าราคาพลังงานปรับตัวลดลงนั้น นายพีระพันธุ์มองว่าตัวเลขดังกล่าวลดน้อยเกินไป และในความเป็นจริงสามารถปรับลดลงได้ต่ำกว่านั้นหากมีการบริหารจัดการต้นทุนที่ถูกต้อง โดยเฉพาะการนำเงินส่วนต่างราคาก๊าซ หรือ "เงิน Shortfall" มาคำนวณคืนให้ประชาชน
นายพีระพันธุ์ อธิบายถึงที่มาของค่าไฟฟ้าว่าไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาก๊าซเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยอื่น เช่น เรื่อง "เงิน Shortfall" ซึ่งเป็นเงินที่ ปตท. ในฐานะผู้จัดการก๊าซของประเทศต้องเรียกเก็บจากผู้รับสัมปทานขุดเจาะก๊าซในอ่าวไทย กรณีที่ผู้รับสัมปทานจัดส่งก๊าซได้ไม่ครบตามสัญญา และเป็นความรับผิดชอบที่ ปตท.ต้องจัดหาชดเชยให้ครบตามราคาสัญญา แต่ปรากฏว่ามีการขายก๊าซที่ ปตท.จัดหามาชดเชยในราคาสูงกว่าราคาที่กำหนดในสัญญา ทำให้การคำนวณค่าไฟของประชาชนสูงเกินความถูกต้อง และทำให้ประชาชนจ่ายค่าไฟแพงเกินเหตุ ดังนั้น เงินก้อนนี้จะต้องส่งคืนเพื่อนำมาชดเชยภาระค่าไฟให้ประชาชน ซึ่งเงินจำนวนนี้เมื่อคำนวณแล้วจะช่วยลดค่าไฟได้ประมาณ 17 สตางค์ เพราะฉะนั้น ถ้าเอาตัวเลข 17 สตางค์นี้ไปหักลบกับอัตราค่าไฟงวดปัจจุบัน (กันยายน-ธันวาคม 2568) ที่หน่วยละ 3.94 บาท และหักค่าก๊าซที่ถูกลงอีก 6 สตางค์ ก็จะเหลือค่าไฟที่หน่วยละ 3.71 บาท ไม่ใช่หน่วยละ 3.88 บาทตามที่ กกพ. ประกาศ ตนจึงพูดมาตลอดว่า ปี 2569 ค่าไฟจะลงมาที่ 3.70 กว่าๆ เพราะตนเห็นตัวเลข 17 สตางค์นี้อยู่แล้ว และได้ผลักดันจนเป็นมติของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ให้ กกพ. ออกคำสั่งเรียกเงินก้อนดังกล่าวคืนจาก ปตท. แล้ว เหลือเพียงขั้นตอนการปฏิบัติที่ผู้เกี่ยวข้องต้องเร่งดำเนินการทวงคืนเพื่อประโยชน์ของประชาชน
.jpg)
"ก่อนที่ผมจะพ้นตำแหน่งมีเงินอีกก้อนหนึ่งเรียกว่าเงิน Shortfall คือเงินที่ ปตท. ซึ่งเป็น Pool Manager ในการดูแลเรื่องก๊าซของประเทศ จะต้องจัดหาก๊าซให้เพียงพอกับความต้องการ แต่ปรากฏว่าเขาจัดส่งก๊าซให้ในราคาสูงกว่าราคาที่กำหนดไว้ในสัญญา ทำให้การคำนวณค่าไฟประชาชนสูงเกินความถูกต้องที่ควรจะเป็น นี่คือส่วนที่ผมไปตรวจพบเมื่อปี 2567 ผมได้ให้ตรวจย้อนกลับไปจนพบอีกประมาณ 12,000-13,000 ล้านบาท ซึ่งจะต้องส่งคืนเพื่อชดเชยให้ประชาชนที่จ่ายค่าไฟแพงเกินเหตุ โดยเงินก้อนนี้จะช่วยลดค่าไฟได้ประมาณ 17 สตางค์"
นอกจากประเด็นราคาค่าไฟแล้ว นายพีระพันธุ์ ยังเปิดเผยถึงความผิดปกติของการคำนวณบิลค่าไฟภาคครัวเรือน โดยระบุว่าที่ผ่านมามีการนำราคาค่าไฟที่ประกาศ เช่น 3.94 หรือ 4.18 บาท ไปใช้เป็นราคาเฉลี่ย รวมกับภาคอุตสาหกรรม ทำให้ราคาที่เรียกเก็บจริงจากประชาชนพุ่งสูงไปถึง 4 บาทกว่า ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ตนจึงได้เสนอให้ กพช. มีมติกำกับว่า ตั้งแต่งวดเดือนกันยายน 2568 เป็นต้นไป ราคาที่ประกาศออกมาจะต้องเป็นราคาเพดานสำหรับเรียกเก็บจากภาคที่อยู่อาศัยโดยตรง ห้ามนำไปเฉลี่ยจนแพงเกินจริงอีก
ในส่วนของกฎหมายและการปฏิรูปโครงสร้างพลังงานนั้น นายพีระพันธุ์เปิดเผยว่ากฎหมายควบคุมการประกอบกิจการน้ำมันและการติดตั้งโซลาร์เซลล์ภาคประชาชนที่ตนตั้งใจผลักดันยังคงติดค้างอยู่ โดยเฉพาะการปลดล็อกขั้นตอนการขออนุญาตติดโซลาร์เซลล์ที่ซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ทั้งกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งแม้จะมีการแก้กฎกระทรวงไปบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่เบ็ดเสร็จ จึงจำเป็นต้องมีกฎหมายเฉพาะเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถผลิตไฟฟ้าใช้เองได้อย่างอิสระ
"เรื่องกฎหมายกำกับการค้าน้ำมันเป็นเรื่องเทคนิคเยอะมาก ผมวางแผนว่ากฎหมายจะเสร็จประมาณเดือนพฤษภาคมปี 2568 และจะประกาศใช้ปี 2569 แต่พอเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ผมไม่ได้อยู่ในตำแหน่ง ก็มีประกาศแล้วว่าไม่ทำ เช่น เรื่องน้ำมันสำรอง ส่วนกระบวนการติดตั้งโซลาร์เซลล์ปัจจุบันต้องผ่านการขออนุญาตอย่างน้อย 4-5 หน่วยงาน ผมมองว่าไม่ใช่เรื่องความมั่นคงที่จะต้องคุมไปทุกเรื่อง ควรจะอำนวยความสะดวกให้ประชาชนผลิตไฟฟ้าใช้เองได้ ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและมีความมั่นคงมากกว่ารอจากภาครัฐ จึงต้องมีกฎหมายเฉพาะเพื่ออำนวยความสะดวกตรงนี้"

ทางด้านทิศทางการเมืองของพรรครวมไทยสร้างชาติ ท่ามกลางกระแสข่าวลือเรื่องสมาชิกพรรคย้ายออก นายพีระพันธุ์ ยืนยันว่า เลือดไหลเข้ามากกว่าไหลออก โดยพรรคยังคงเดินหน้าทำงานการเมืองอย่างเข้มข้น และเตรียมส่งผู้สมัคร สส. ลงชิงชัยในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยมีเป้าหมายรักษาฐานเสียงเดิมอย่างน้อย 36 ที่นั่ง และคาดหวังผลลัพธ์ที่ดีในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ พรรคจะเน้นเฟ้นหาคนรุ่นใหม่ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจเข้ามาทำงานแก้ปัญหาให้ประเทศมากกว่าการพึ่งพาระบบบ้านใหญ่แบบเดิม โดยตนยังคงเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค และยืนยันว่าจะใช้นโยบายด้านพลังงานและการลดภาระค่าครองชีพเป็นธงนำในการหาเสียงต่อไป
"ปี 2567 ผมทำเรื่องน้ำมันไม่มีปัญหา แต่พอมาทำเรื่องไฟฟ้าปี 2568 ก็มีคนพูดกับผมแบบตลกเปรียบเปรยว่า ทุกสตางค์ที่ผมลดค่าไฟ ก็คือจำนวน สส. ที่เดินออกไป แต่ผมไม่สนใจ ผมมาทำงาน พรรครวมไทยสร้างชาติยังเดินหน้าต่อ ผมอยู่แน่นอน สำหรับผู้สมัคร สส. เขต ผมอยากได้คนรุ่นใหม่ ผมเบื่อคนแบบเก่าๆ อยากได้คนที่มุ่งมั่นตั้งใจเข้ามาช่วยกันทำงานแก้ปัญหาให้ประชาชน โดยเป้าหมายจำนวนเก้าอี้ สส. ต้องไว้อย่างน้อยเท่าเดิมคือ 36 ที่นั่ง อย่างในกรุงเทพมหานครคราวที่แล้วพรรคผมมาเป็นที่ 2 (12เขต) เราหวังในทุกพื้นที่ นโยบายหลักไม่ใช่แค่เรื่องค่าไฟ แต่เป็นเรื่องพลังงานทั้งหมด ซึ่งมีทั้งน้ำมันและก๊าซ" นายพีระพันธุ์กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี