ยิงสนั่น‘ภูผาเหล็ก’จังหวัดศรีสะเกษ  ‘ไทย-เขมร’เดือด  กัมพูชาเปิดฉากซัดก่อน

ยิงสนั่น‘ภูผาเหล็ก’จังหวัดศรีสะเกษ ‘ไทย-เขมร’เดือด กัมพูชาเปิดฉากซัดก่อน

วันจันทร์ ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ยิงสนั่น‘ภูผาเหล็ก’จังหวัดศรีสะเกษ

‘ไทย-เขมร’เดือด

กัมพูชาเปิดฉากซัดก่อน

ทหารไทยบาดเจ็บ2นาย

นายกฯสั่งปกป้องอธิปไตย

4จังหวัดแจ้งอพยพปชช.

ปะทะเดือด “ทหารไทย-กัมพูชา” ยิงสนั่น “ภูผาเหล็ก-พลาญหินแปดก้อน” ด้านมทภ.2สั่งใช้กฎปะทะ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เตรียมพร้อมเต็มรูปแบบ แฉเขมรใช้ปรส.เปิดฉากยิงก่อน ด้านศปภ. 2 เตือน 4 จังหวัด ชายแดน สถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจแจ้งอพยพประชาชน ไปยังศูนย์พักพิง

เมื่อวันที่ 7ธันวาคม 2568ปัญหาขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชากลับมาตึงเครียดถึงขีดสุดอีกครั้ง โดยเกิดการปะทะระลอกใหม่ขึ้นที่บริเวณภูผาเหล็ก-พลาญหินแปดก้อนในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ โดยกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ปะทะ ดังนี้ เวลา 14:15น.หน่วย พัน.ร.13 (ฉก.1) ปะทะกับกำลังกัมพูชาด้วยอาวุธปืนเล็ก ส่งผลมีผู้บาดเจ็บ 1 นาย คือ ส.อ.อนุชาติ เรือนคำ (ป.6 พัน.6) เวลา 14.16น.มีการยิงอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ ฝ่ายกัมพูชาเริ่มใช้ อาวุธปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง


ด้าน พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) สั่งหน่วย เตรียมพร้อมเต็มรูปแบบ และ ปฏิบัติตามกฎการปะทะ เวลา 14:50น.สถานการณ์ปะทะยุติลง หน่วยยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์และรักษาความพร้อมอย่างใกล้ชิดต่างกำลังคุมเชิงกันอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง

จากนั้นในเวลา 14:53 น.ลำเลียงผู้บาดเจ็บไปที่ รพ.สต.โดนเอาว์ และส่งต่อไปโรงพยาบาลกันทรลักษ์ ต่อไป สำหรับผู้บาดเจ็บล่าสุดคือ 2 นาย ประกอบด้วย 1.ส.อ. อนุชาติ เรือนคำ (ป.6 พัน.6) ถูกยิงที่ขา และ2.พลฯพรชัย จำปาจุม (ร.6 พัน.3) ถูกยิงใส่เสื้อเกราะบริเวณหน้าอก มีรอยพกช้ำ แน่นหน้าอก

เวลา 14.15 น.พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก แถลงสถานการณ์ว่า พัน.ร.13 (ฉก.1) ได้เกิดการปะทะกับกำลังฝ่ายกัมพูชาด้วยอาวุธปืนเล็กบริเวณพิกัด VA 5417 8739 พื้นที่ภูผาเหล็ก-พลาญหินแปดก้อน จังหวัดศรีสะเกษ

ขณะเกิดเหตุฝ่ายไทยกำลังดำเนินการปรับปรุงเส้นทาง จากฐานภูผาเหล็กไปยังจุดตรวจเพียงฟ้า ทางฝ่ายทหารกัมพูชาได้เข้ามาบริเวณแนวลวดหนาม และได้ใช้อาวุธปืนยิงชุดรักษาความปลอดภัยที่ทำการ รักษาความปลอดภัย ให้ทหารช่าง ทำให้มี กำลังพล ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ได้แก่ 1. ส.อ. อนุชาติ เรือนคำ (ป.6 พัน.6) ถูกยิงที่ขา2. พลฯ พรชัย จำปาจุม (ร.6 พัน.3) ถูกยิงใส่เสื้อเกราะบริเวณหน้าอก มีรอยพกช้ำ

ต่อมาศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้ชี้แจงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยทางฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงในพื้นที่บริเวณ ภูผาเหล็ก– พลาญหินแปดก้อน ส่งผลให้ทหารไทยจำเป็นต้องดำเนินการโต้ตอบโดยเกิดการยิงปะทะกันอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ฝ่ายกัมพูชาได้เริ่มใช้อาวุธ ปืน ไร้แรงสะท้อน (ปรส.) ต่อมาในเวลา 14.50 น. การปะทะได้ยุติลง อย่างไรก็ตาม หน่วยในพื้นที่ยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันยังมีความไม่แน่นอน และมีแนวโน้มที่การปะทะอาจขยายวงกว้าง จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ใน อำเภอแนวชายแดนของ 4 จังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ดำเนินการอพยพไปยัง ศูนย์พักพิงตามแผนอพยพประชาชน เพื่อความปลอดภัย

ส่วน พล.อ.ณัฐพล นาคพานิช รมว.กลาโหม ระบุว่า ฝ่ายทหารกัมพูชาได้ยิงอาวุธปืนเล็กโจมตีฝ่ายทหารไทย บริเวณฐานภูผาเหล็ก-ฐานเพียงฟ้า ทําให้กําลังพล ได้รับบาดเจ็บถูกยิง 2 นาย บาดเจ็บที่ขาซ้าย 1 นาย ส่วนอีก 1นาย ถูกยิงที่หน้าอก แต่ใส่เสื้อกันกระสุน โดยฝ่ายไทยได้ตอบโต้ด้วยปืนเล็ก ปัจจุบันสถานการณ์ได้ยุติลงแล้ว ทั้งนี้ พลโท วีระยุทธ รักษ์ศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งเตรียมพร้อมตลอดเวลา

เมื่อถามว่า พล.อ.เตียเซยฮา รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กัมพูชา แถลง กล่าวหาว่าฝ่ายไทยยิงก่อนโดยฝ่ายกัมพูชาไม่ได้ตอบโต้ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังจากคำแถลงการณ์ รมว.กลาโหมกัมพูชา ที่รับฟังรายงานโดยไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง และที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด เพราะฝ่ายไทยได้เตือนไปหลายครั้งแล้วว่า สิ่งที่ฝ่ายกัมพูชาในระดับนโยบายได้รับรายงานไม่เป็นความจริง

“ที่ฝ่ายกัมพูชาระบุว่า ยึดมั่นในข้อตกตามปฏิญญา ที่ได้ลงนามกันไว้ที่ประเทศมาเลเซีย แต่ในความเป็นจริงทหารกัมพูชาที่อยู่แนวหน้ามีการยั่วยุฝ่ายไทยมาโดยตลอด ฝ่ายไทยวางรั้วลวดหนามสกัดกั้นเพื่อไม่ให้เข้ามาวางทุ่นระเบิด แต่ทหารกัมพูชาก็จะลักลอบขโมยรั้วลวดหนาม ทําเช่นนี้เสมอ จนกระทั่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทหารไทยได้รับบาดเจ็บถึง 2 คน แต่ทาง รมว.กลาโหมกัมพูชา มาแถลงว่า ไม่มีการยิงตอบโต้”รมว.กลาโหมกล่าว

เมื่อถามว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ เกี่ยวข้องกับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรือ อนุสัญญาออตตาวา ครั้งที่ 22 (22MSP) ณ สำนักงานองค์การสหประชาชาติ หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ถ้าจะมีส่วนคือทำให้รวน สร้างภาพว่าฝ่ายไทยไปรังแกกัมพูชา เพื่อลดน้ำหนักการประชุม แต่วันนี้มีหลักฐานแล้วว่าทหารไทยถูกยิงถึง 2 คน ทางกัมพูชาจะไม่มีการยิงตอบโต้ได้อย่างไร

พล.อ.ณัฐพล ยังระบุต่อว่า ได้เน้นย้ำให้กำลังพล ปฏิบัติหน้าที่โดยความระมัดระวังในเรื่องความปลอดภัย โดยการปฏิบัติก็ขอให้ยึดกฎการใช้กำลังสามารถตอบโต้ได้ตามระดับได้ทันที ซึ่งทาง ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทางทหาร ดูแลสถานการณ์อยู่

ส่วนประชาชน4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ให้อพยพออกจากพื้นที่จะกลับได้เมื่อไหร่นั้น ให้รอดูสถานการณ์และประเมินท่าทีกัมพูชา หากยังไม่ปลอดภัยก็ยังไม่สามารถกลับได้

ด้านนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากเหตุการณ์ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงในพื้นที่บริเวณภูผาเหล็ก-พลาญหินแปดก้อน ส่งผลให้กองทัพภาคที่ 2 จำเป็นต้องดำเนินการโต้ตอบ โดยเกิดการยิงปะทะกันอย่างต่อเนื่องนั้น นายกรัฐมนตรีรับทราบ และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด สั่งการให้กระทรวงกลาโหม กองทัพ ดำเนินการเพื่อปกป้องอธิปไตย และดูแลความปลอดภัยของประชาชนอย่างเต็มที่ พร้อมเน้นย้ำ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการอพยพไปยังที่ปลอดภัย และดำเนินการตามที่ได้ซักซ้อมไว้

“รัฐบาลขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในอำเภอแนวชายแดนของ 4 จังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ดำเนินการอพยพไปยังศูนย์พักพิงตามแผนอพยพประชาชน เพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้หน่วยในพื้นที่ยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันยังมีความไม่แน่นอน และมีแนวโน้มที่การปะทะอาจขยายวงกว้าง”นายสิริพงศ์ กล่าว

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top