วันพฤหัสบดี ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2568
9 ธันวาคม 2568 หลังจากนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้เสนอ [Endgame ระบอบฮุน เซน เปิด 3 แนวรบ จบปัญหาถาวร] ปรากฎว่า บรรดา'ด้อมส้มรุ่นใหญ่'ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก อาทิ
นายสุชาติ สวัสดิ์ศรี หรือสิงห์ สนามหลวง อดีตศิลปินแห่งชาติ แนวร่วมรุ่นใหญ่ของพรรคประชาชน โพสต์ในเฟสบุ๊คส่วนตัวว่า เกิดอะไรขึ้น
ทำไม 'หัวหน้าเท้ง' แห่ง'พรรคส้ม' ถึงเล่นตามบททหารอยู่ดีๆ ทำไมถึง 'หลุด'ไปไกลถึงเพียงนั้น
นายสุชาติ ยังโพสต์ในเวลาต่อมาอีกว่า ในโลกสมัยใหม่มันไม่มีทางหรอกที่จะ End Game แบบเบ็ดเสร็จด้วยวิธีการทางทหาร
นายอธึกกิต แสวงสุข หรือใบตองแห้ง อ้างความเห็น 'มิตรนักวิชาการคนหนึ่ง' ว่า(มิตรนักวิชาการคนหนึ่ง)ถ้าผมเป็นสมาชิก ปชน ผมคงขอถอนสมาชิกภาพตอนนี้แหละ ที่เท้งประกาศ 3 ข้อมาตรการ endgame กับกัมพูชาไม่มีสักข้อที่ให้นานาชาติเข้ามาตรวจสอบการละเมิดและป้องกันการตอบโต้ไปมา แต่ข้อ 1 กลับสนับสนุนให้ไทยทำลายความสามารถทางทหารของกัมพูชา คำๆนี้หมายถึงอนุญาตให้เข้าไปทำลายในเขตกัมพูชาเชียวนะครับ
พรรค ปชน. หน้ามืดสิ้นคิดกว่าที่ผมคิดผมไม่ทราบว่าจุดยืนพรคเป็นแบบนี้ คือ ชาตินิยมจัด หรือความไม่รู้ ไม่ฟังให้รอบรู้ ฝากเตือนเขาหน่อยว่าปัญหาของเขาลึกกว่าการพูดพลาด มันคือความรู้ที่ตื้นเขิน แล้วยังไม่รู้วาตนเองไม่รู้
ศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ โพสต์เฟสบุ๊ค ว่าเป็นจุดยืนของพรรคประชาชนและหัวหน้าพรรคที่น่าผิดหวังมาก โดยเฉพาะข้อที่สนับสนุนให้รัฐบาลอนุทินหาทางจบเกมด้วยกำลังทางทหาร (ข้อ 1)
อะไรคือขอบเขตของการ 'ทำลายเป้าหมายทางทหารเพื่อขจัดขีดความสามารถในการรบของกัมพูชา' หากคลังอาวุธของ กพช. ตั้งอยู่ในนอกพื้นที่ชายแดน อยู่ในเมืองใหญ่ อยู่ในพนมเปญ ไทยต้องบุกเข้าไปทำลายด้วยใช่หรือไม่ หากทำเช่นนี้ มันไม่ใช่การป้องกันตนเองแล้ว แต่คือการรุกรานดินแดน พวกคุณไม่รู้จริงๆ หรือว่ากำลังเรียกร้องให้ทหารไทยละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่รู้จริงๆ หรือว่าวิธีการเช่นว่านี้จะทำให้สงครามลุกลามบานปลาย การตอบโต้ของฝ่ายกัมพูชาก็จะรุนแรงเช่นกัน ประชาชนของทั้งสองประเทศจะต้องสังเวยชีวิตให้กับความขัดแย้งนี้อีกเท่าไร ความขัดแย้งที่จนวันนี้ เราก็ยังไม่รู้แน่ว่ามีอะไรอยู่เบื้องหลังบ้าง
ต่อให้พวกคุณเชื่ออย่างสนิทใจว่าความขัดแย้งวันนี้ เป็นเพราะฮุนเซนไม่พอใจเรื่องการปราบสแกมเมอร์ในไทย ข้อเสนอให้โต้ตอบทีว่ามา ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้เลย
ศ.ดร.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ศูนย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น โพสต์ในเฟสบุ๊คว่าผู้นำฝ่ายค้าน ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ - Natthaphong Ruengpanyawut ได้เสนอยุทธศาสตร์ 3 แนวรบเพื่อจบเกม (Endgame) รัฐบาลกัมพูชา โดยยืนยันความชอบธรรมในการใช้กำลังทหารเพื่อปกป้องอธิปไตย แต่เน้นว่าต้องรับมือสงครามลูกผสม (Hybrid Warfare) ด้วยการระดมสรรพกำลังในหลายด้าน ข้อเสนอประกอบด้วยการรบทางทหารอย่างเต็มกำลังเพื่อทำลายขีดความสามารถของกัมพูชา การรบในแนวรบข่าวสารเพื่อชี้แจงความชอบธรรมของไทยต่อประชาคมโลก และแนวรบที่สำคัญที่สุดคือ 'โลกล้อมกัมพูชาด้วยการปราบสแกมเมอร์' ซึ่งผู้นำฝ่ายค้านมองว่าเป็นหัวใจของระบอบฮุนเซน โดยเน้นย้ำว่ารัฐบาลต้องเดินหน้าขุดรากถอนโคนขบวนการนี้ ขยายผลการอายัดทรัพย์สินถึงนักการเมืองไทยผู้มีอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด ไม่ใช่แค่การทำแบบ 'ปาหี่ลูบหน้าปะจมูก' เท่านั้น
...ดิชั้นอ่านแล้วต้องถอนหายใจ สิ่งที่คุณเท้งพูดสร้างความผิดหวังอย่างยิ่ง เพราะแทนที่ฝ่ายค้านจะฉวยโอกาสเสนอทางออกเพื่อสันติภาพที่ยั่งยืนและการลดระดับความตึงเครียด พวกเขากลับเลือกที่จะตกหลุมพรางชาตินิยมของฝ่ายรัฐบาล โดยการผลักดันวาทกรรม 'Endgame' และการรบอย่างเต็มรูปแบบ คล้ายกับการแข่งขันกันแสดงพลังความแข็งกร้าว แทนที่จะเสนอแนวทางที่เน้นการทูตที่สุขุม การเจรจาเพื่อความมั่นคงชายแดนในระยะยาว หรือการแยกปัญหาสแกมเมอร์ออกจากความขัดแย้งทางทหารอย่างสิ้นเชิง คำถามสำคัญคือ ในวิกฤตที่ทหารและประชาชนต้องสูญเสียเช่นนี้ ทำไมไม่มีใครพูดถึงการแสวงหา 'สันติภาพที่ยั่งยืน' เลย มีแต่การแข่งขันกันแสดงพลังเพื่อชัยชนะเท่านั้น ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าวิกฤตนี้ถูกใช้เป็นเพียงเครื่องมือทางการเมืองในประเทศของทุกฝ่าย หรือสุดท้าย ส้มก็เล่มเกมเดียวกับอีหนู เอาสงครามมาเป็นแต้มต่อการเลือกตั้ง
....แย่ฉิบหาย
โดยก่อนหน้านั้น นายณัฐพงษ์ หัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์เฟสบุ๊คว่า [ Endgame ระบอบฮุน เซน เปิด 3 แนวรบ จบปัญหาถาวร ]
ผมติดตามการปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชาตั้งแต่เมื่อคืนนี้ด้วยความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนและทหารแนวหน้าที่ประจำการอยู่ตลอดแนวชายแดน สถานการณ์เช้านี้ได้พัฒนากลายเป็นการปะทะทางทหารตลอดแนวพรมแดนด้านตะวันออก
ผมยืนยันว่าการรบเพื่อปกป้องประชาชนและรับมือภัยคุกคามจากนอกประเทศ เป็นความชอบธรรมของไทยที่จะทำ แต่การรบเพียงอย่างเดียวจะยังไม่สามารถจบปัญหากัมพูชาอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้ และยังเสี่ยงที่ไทยจะตกหลุมพรางกัมพูชาในสงครามข่าวสาร วันนี้เราเผชิญ Hybrid Warfare การรบที่มีหลายแนว หลายรูปแบบ ไม่ใช่การปะทะด้วยอาวุธที่จะเอาชนะกันด้วยความเหนือกว่าทางกำลังและขีดความสามารถในการรบเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป
ผมจึงขอเสนอให้รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล เปิด 3 แนวรบ ระดมทุกสรรพกำลังเพื่อจบเกมรัฐบาลกัมพูชา ดังนี้
1. แนวรบทางทหาร ซึ่งรัฐบาลได้ประกาสสนับสนุนและกองทัพได้ดำเนินการอยู่แล้ว การรบอย่างเต็มกำลัง โดยมุ่งทำลายเป้าหมายทางทหารเพื่อขจัดขีดความสามารถในการรบของกัมพูชา
2. แนวรบข่าวสาร กระทรวงการต่างประเทศต้องเร่งชี้แจงว่าไทยมีความชอบธรรมในการปกป้องตนเองต่อประชาคมโลก และเราจำกัดขอบเขตโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหารอย่างเคร่งครัด ต้องนำเกม อย่าตามเกมกัมพูชาที่รอวันนี้เพื่อรับบทประเทศเล็กกว่าถูกประเทศใหญ่รังแก
3. แนวรบโลกล้อมกัมพูชาด้วยการปราบสแกมเมอร์ รัฐบาลต้องเดินหน้าสุดซอยในการขุดรากถอนโคนขบวนการสแกมเมอร์ ซึ่งเป็นหัวใจของระบอบฮุน เซน อย่าทำแค่จัดประชุมเรื่องปราบสแกมเมอร์ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 17-18 ธันวาคมนี้ รัฐบาลต้องมีแผนการมากกว่านี้ กระทรวงการต่างประเทศต้องคิดว่าจะประสานความร่วมมือกับแต่ละประเทศอย่างไรในการจัดการสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
ผมมีข้อสังเกตว่า ในการแถลงข่าวของนายกรัฐมนตรีเรื่องการอายัดทรัพย์เบน สมิธ, ยิม เลียก, ก๊ก อาน, และเฉินจื้อ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา มีรัฐมนตรีและข้าราชการระดับสูงนั่งกันเป็นแถวยาว แต่กลับไม่มีตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศ แสดงว่าในใจของคุณอนุทิน กระทรวงการต่างประเทศ ไม่ได้อยู่ในแนวหน้าเรื่องการปราบสแกมเมอร์เลย ซึ่งเป็นแนวคิดที่ไม่ถูกต้อง เพราะหัวใจสำคัญของการปราบสแกมเมอร์ คือต้องเอาโลกล้อมตระกูลฮุน
นอกจากกระทรวงการต่างประเทศต้องเดินหน้าสุดซอยเรื่องใช้โลกล้อมระบอบฮุน เซน ปราบสแกมเมอร์ ป.ป.ง. ก็ต้องสุดซอย เดินหน้าตรวจสอบเส้นเงิน อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์ ไม่ใช่แค่เบน สมิธ, เฉินจื้อ, ยิม เลียก แต่ต้องขยายผลถึงคนไทยที่เกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลัง อย่าตัดตอนแค่ที่ชาวต่างชาติ ต้องไม่สนใจว่าคนไทยที่อยู่เบื้องหลังเป็นใคร มีอิทธิพลทางการเมืองแค่ไหน มิฉะนั้นก็เท่ากับการปราบสแกมเมอร์ เป็นเพียงปาหี่ลูบหน้าปะจมูกเท่านั้น
ผมขอย้ำว่าครั้งนี้คือ Endgame คือโอกาสที่เราจะจบปัญหาความมั่นคงที่ชายแดนฝั่งตะวันออกของไทยอย่างถาวร จัดการระบอบฮุน เซน ที่เป็นภัยคุกคามต่อทั้งชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ทำให้ทหารไทยต้องสูญเสียชีวิตและอวัยวะมาหลายครั้ง รัฐบาลต้องอย่าให้ทหารรบอยู่แนวเดียว ทุกองคาพยพต้องระดมสรรพกำลังเพื่อจัดการกัมพูชาอย่างเป็นระบบ เพื่อความผาสุกของพี่น้องประชาชนและความมั่นคงของประเทศชาติ
สุดท้ายนี้ ผมขอส่งความห่วงใยไปยังพี่น้องประชาชนที่ต้องเดือดร้อนอพยพหนีภัยการสู้รบตลอดแนวชายแดน และขอส่งกำลังใจให้กับทหารที่หน้าแนวทุกนาย หวังว่าทุกท่านจะปลอดภัยและได้กลับบ้านไปหาคนที่รักในเร็ววัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี