วันพุธ ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2568
สถานการณ์ทางการเมืองกลับมาระอุอีกครั้ง ช่วงเปิดการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญในสัปดาห์นี้ (10–11ธันวาคม 2568) กลายเป็น“ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ”ของการเมืองไทยอย่างแท้จริง เมื่อถึงการพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินทางเข้าสู่ วาระที่ 2 ซึ่งเป็นจุดที่ทุกพรรคการเมืองต้องเผยจุดยืนอย่างชัดเจน และพร้อมจะ“ประนีประนอม”เพื่อให้การแก้รัฐธรรมนูญเดินหน้าไปถึงวาระที่ 3 ให้ได้ก่อนที่สถานการณ์การเมืองอาจสุกงอมไปสู่ การยุบสภา
ล่าสุด การเพิ่มวันประชุม – สัญญาณว่ารบ.ต้องการให้จบ
มติวิปรัฐบาล ตัดสินใจ เพิ่มวันประชุมพิเศษ หากการพิจารณาวันที่ 10–11 ธ.ค. ไม่เสร็จสิ้นจะขยายเวลาลากยาวไปถึง 12 ธ.ค. นี่คือสัญญาณสำคัญว่า รัฐบาลต้องการปิดจบวาระ 2 ให้ได้ ก่อนเข้าสู่ช่วงพักเบรค 15 วัน เพื่อกลับมาลงมติวาระที่ 3 อย่างเป็นทางการ
การขยายเวลาเป็น “การการันตี” จากรัฐบาลว่า จะไม่ปล่อยให้ค้างคา จนถูกลากไปเป็นเกมการเมืองในปีใหม่
การพิจารณาวาระ 2 – ไม่ใช่แค่เทคนิค แต่เป็น“สนามประกาศจุดยืน”
สาระสำคัญของวาระ 2 คือ การพิจารณาแบบรายมาตรา โดยเฉพาะในหมวดที่อ่อนไหวอย่าง หมวด 1-2 ที่เกี่ยวกับเรื่องรูปแบบรัฐและสถาบัน ซึ่งแม้ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างประกาศชัดว่า ไม่แตะต้อง แต่การอภิปรายย่อมเป็นพื้นที่ให้แต่ละพรรคแสดงเจตนารมณ์
วิปรัฐบาลมีมติให้ลงมติ “เห็นด้วย” ในวาระ 2 เพื่อให้เรื่องเดินหน้า
ถ้าพรรคใดโหวตสวน ก็จะกลายเป็นสัญญาณทางการเมืองทันที
จุดเปราะบางที่สุด:ที่มาของ สสร.และสูตร “20 หยิบ 1”
หัวใจของการประชุมสัปดาห์นี้คือ ที่มาของสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)
ฝ่ายข้างมากเสนอสูตร “20 หยิบ 1” หมายถึง คัดเลือกตัวแทนจากสภาเดิม 20 คน เลือกมา 1 คน
ไม่ต้องมีการเลือกตั้งตรงของประชาชน เรื่องนี้เป็นประเด็นทดสอบความร่วมมือของทุกพรรค
จุดแข็ง ของสูตรนี้ เดินเครื่องได้เร็ว ลดความเสี่ยงการเมืองบนท้องถนนมีเสถียรภาพจากพรรคในสภา
จุดอ่อน ถูกวิจารณ์ว่า ไม่เป็นประชาธิปไตยพอ ไม่ได้ให้ประชาชนเลือกสสร.โดยตรงหลายพรรค “ยอมรับเพื่อให้เดินหน้า” แต่ฐานเสียงภายนอกอาจไม่ปลื้ม
จุดยืนของ 3 พรรคการเมืองใหญ่
พรรคประชาชน – อยากจบเร็ว
ผลักดันสูตร 20 หยิบ 1 เต็มตัว ต้องการให้แก้รัฐธรรมนูญผ่านอย่างรวดเร็ว
เพื่อเป็นผลงานทางการเมือง
พรรคเพื่อไทย – ระหว่างหลักการกับความเป็นจริง
ยืนยันว่าต้องมี สสร. แต่ยังสงวนท่าทีเรื่องสูตร มีทั้งแรงกดดันจากฐานเสียง รวมทั้งความจำเป็นต้องรักษาเสถียรภาพรัฐบาล เพื่อไทยอยู่ในจุดที่ ไม่อยากเป็นผู้ถ่วงร่างรัฐธรรมนูญ แต่ก็ไม่พร้อมให้ภาพว่า ทอดทิ้งประชาชน
พรรคภูมิใจไทย – เส้นเลือดใหญ่รัฐบาล
อยู่ในฐานะแกนนำรัฐบาล ผลักดันให้เรื่องเดินหน้า ยิ่งรื้อช้า ยิ่งเสี่ยงเสียเสถียรภาพ ภูมิใจไทยต้องการปิดเกมนี้ เพื่อไม่ให้ แก้รธน. กลายเป็นชนวนยุบสภา
เกมการเมืองในห้องประชุม VS เกมนอกสภา
แม้ในสภาอาจตกลงกันได้ แต่สัปดาห์นี้ยังต้องจับตา แรงกดดันจากนอกสภา โดยเฉพาะกลุ่มการเมืองและภาคประชาชนที่ต้องการ“เลือกตั้ง สสร. โดยตรง”
หากการอภิปรายปรากฏว่าทุกพรรคคือฝ่ายกำหนดใจแทนประชาชน อาจทำให้ความชอบธรรมของกระบวนการถูกตั้งคำถาม และอาจเป็นเชื้อไฟเปิดประเด็นนอกสภาอีกครั้ง
โหวตวาระ 3 รออยู่ ถ้าวาระ 2 ไม่จบ ทุกอย่างล่ม
แกนกลางของสัปดาห์นี้คือ ต้องผ่านวาระ 2 ให้ได้ เพราะหากติดขัด จะส่งผลเป็นโดมิโน:วาระ 3 ขยับช้า กระบวนการยืดเยื้อ การเมืองเข้าสู่ปี 2569 ด้วยความไม่แน่นอน กระทั่งอาจนำไปสู่การยุบสภา
รัฐบาลรู้ดีว่าการเมืองต้องมีทางออก รธน.ใหม่ คือ คำตอบ ไม่ใช่การเลือกตั้งใหม่ขณะไร้ความชัดเจน
ในช่วงบทสรุป สัปดาห์ชี้ชะตาวัดใจนักการเมือง
การประชุมวาระ 2 อาจไม่ใช่ช่วงแห่งความขัดแย้งรุนแรงในห้องประชุม แต่เป็นช่วงที่ทุกพรรคต้องเปิดหน้าไพ่ จะเลือก ความสมบูรณ์แบบทางหลักการ หรือจะเลือก ความเป็นไปได้ทางการเมือง
คำถามสำคัญคือทุกพรรคพร้อมจะประนีประนอมเพื่อให้การแก้รัฐธรรมนูญเดินหน้า หรือไม่?
ถ้าตอบว่า “ใช่” วาระ 2จะผ่านได้ตามแผน และเปิดทางไปสู่การลงมติในวาระ 3
แต่ถ้าเริ่มมีเสียงแตกในสภา การเมืองไทยอาจกลับไปสู่วงจรเดิม – ความไม่แน่นอน เสถียรภาพรัฐบาลสั่นคลอน และความเสี่ยงต่อเกมยุบสภาที่ไม่มีใครอยากเจอ
สัปดาห์นี้จึงไม่ใช่แค่การประชุมธรรมดา แต่เป็นการทดสอบวัดใจความร่วมมือ ความจริงใจ และ ความเป็นผู้ใหญ่ทางการเมืองของทุกพรรค ใครเดินหน้า ใครถ่วงเวลาใครพร้อมประนีประนอม จะถูกพิสูจน์ในวาระนี้
ก่อนเดินหน้าการเมืองบทต่อไป ในการโหวดวาระ 3 ตัดสินชี้ขาด จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนการเมืองไทยครั้งใหญ่อีกครั้ง
- ทีมข่าวแนวหน้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี