‘เพื่อไทย’รุมถล่มสูตรส้ม‘20 หยิบ 1’ทำแก้รธน.บิดเบี้ยว ดาหน้าเชียร์ฟื้น‘151 ส.ส.ร.’

‘เพื่อไทย’รุมถล่มสูตรส้ม‘20 หยิบ 1’ทำแก้รธน.บิดเบี้ยว ดาหน้าเชียร์ฟื้น‘151 ส.ส.ร.’

วันพุธ ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 13.06 น.

‘เพื่อไทย’ระดมสับสูตร‘20 หยิบ 1’บกพร่อง ทำกระบวนการบิดเบี้ยว-ยึดโยงเสียงข้างมาก หวั่นไม่เป็นประชาธิปไตย ชงฟื้น‘151 ส.ส.ร.’ ขณะที่‘กมธ.ยกร่างฯ’รัฐสภาตั้ง 25 คน ส่วนอีก 10 คน เสนอโดย‘องค์กรวิชาชีพ’ ด้าน‘พริษฐ์’ขอเสียงหนุนฟื้น‘2 กลไก’ ดึงเพิ่มประชาชนมีส่วนร่วม

10 ธันวาคม 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พ.ศ. ...ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาแล้วเสร็จ


ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาถึงมาตรา 256/1 ว่าด้วยการกำหนดองค์กรที่จะทำหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะกมธ. ผู้สงวนความเห็น อภิปรายว่า กรรมาธิการฯ เสียงข้างมากกำหนดไว้ 2 องค์กร คือ คณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ 35 ท่าน ซึ่งรัฐสภาคัดเลือกจากบัญชีรายชื่อ และคณะกรรมาธิการรับฟังความเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน 35 ท่าน ที่รัฐสภาคัดเลือก ทั้ง 2 คณะ โดยคณะกรรมาธิการทั้ง 2 คณะนี้ เปลี่ยนแปลงจากเนื้อหาในร่างเดิมของ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะกมธ. โดยตัดการเลือกจากประชาชนโดยตรงออกทั้งหมด เราเห็นว่า การจะได้รัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตยจะเกิดปัญหา จึงขอสงวนความเห็นและแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256/1 เป็น 2 กลุ่ม

กลุ่มแรกคือ เราเห็นว่าควรมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. ตามที่เราร่างไว้แต่เดิม เพราะเชื่อว่าจะมีผลดีมากกว่า โดยขอเพิ่ม ส.ส.ร. ให้มีองค์ประกอบ 100 คน เลือกจากประชาชน 300 คนทั่วประเทศ และท้ายสุดให้รัฐสภาเลือก โดยต้องให้มี ส.ส.ร. ตัวแทนจังหวัดอย่างน้อยจังหวัดละ 1 คน ทั้งนี้ เชื่อว่าวิธีการนี้ไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะไม่ใช่การให้ประชาชนเลือกผู้ร่างโดยตรง ทั้งนี้ ตนเห็นว่าควรมี ส.ส.ร. อีกส่วนที่มาจากการเลือกโดยคณะผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย องค์กรวิชาชีพต่างๆ รวมตัวกันแล้วเสนอชื่อมาให้รัฐสภาแต่งตั้งจำนวน 51 คน

นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่า การใช้สูตร 20 หยิบ 1 เพื่อเลือกกรรมาธิการฯ 35 คนนั้น ท้ายสุดจะนำไปสู่การที่ใครรวมเสียงข้างมากได้ ก็จะคัดเลือกกรรมาธิการฯ ได้ตามที่ตนเองต้องการ และจะทำให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่บิดเบี้ยวไป จึงเสนอให้ใน 35 คนนั้น ใช้สูตรใหม่ คือรัฐสภาเลือกเพียง 25 ท่าน และเสนอแต่งตั้งโดยผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลายเพิ่มเติมอีก 10 ท่าน ให้รัฐสภาคัดเลือกอีก เพื่อถ่วงดุลให้กรรมาธิการฯ หลากหลายขึ้น สำหรับกรรมาธิการรับฟังความเห็นฯ ก็จะเสนอให้ใช้สูตร 25 บวก 10 เช่นกัน โดยอีก 10 คน จะเสนอมาจากองค์กรด้านการสื่อสารมวลชน และวารสารศาสตร์เช่นเดียวกัน พรรคเพื่อไทยจึงเสนอให้มี 3 องค์กรทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญ โดยไม่ตัดความยึดโยงต่อประชาชนออก และคิดว่าจะทำให้ผู้ร่างรัฐธรรมนูญหลากหลาย มีความเป็นกลาง ไม่ยึดโยงกับเสียงข้างมากหรือพรรคใดพรรคหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากพี่น้องประชาชนโดยแท้จริง

ด้านนายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า พรรคเพื่อไทยได้สงวนคำแปรญัตติในส่วนขององค์กรในการจัดทำรัฐธรรมนูญ โดยเรื่องนี้อยู่ในร่างของพรรคเพื่อไทย แต่ในวาระที่ 1 ร่างของพรรคเพื่อไทยตกไป ตนเองตั้งคำถามว่าทำไมจึงต้องมี ส.ส.ร. และการไม่มี จะส่งผลเสียอย่างไร ซึ่งเป็นประเด็นใหญ่ทางการเมืองตลอดมาหลาย 10 ปี การแก้ไขรัฐธรรมนูญ จนได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ทำให้มีข้อหาว่าสมาชิกรัฐสภากำลังแก้เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ทั้งที่ความจริงแล้วการแก้ไขเป็นอำนาจของสมาชิกรัฐสภา แต่วัฒนธรรมการเมืองของประเทศไทย จะมีความรู้สึกอย่างนี้มาตลอด หลังการทำรัฐประหารปี 2557

นายจาตุรนต์ กล่าวต่อว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราจึงเห็นว่าควรมี ส.ส.ร. หากมีเฉพาะกรรมาธิการยกร่างมายกร่าง แล้วมารับฟังความเห็น และมาตัดสินใจเองในแต่ละมาตรานั้น จะเป็นการพิจารณาที่ไม่มีทางรับฟังความเห็นที่รอบด้าน และรอบคอบ ซึ่งคณะกรรมาธิการยกร่างนี้จะตรงมาที่รัฐสภา ดังนั้น จึงมีจุดอ่อนตรงที่ว่าไม่มีองค์กรตรงกลาง โดยถือว่ามีความสำคัญมาก ดังนั้น การมี ส.ส.ร. ถือว่ามีองค์กรคั่นกลาง ทำให้ผู้คนที่มาจากหลากหลาย และมีความเชื่อมโยงกับประชาชน เพราะเราเสนอว่าที่มาต้องมาจากประชาชน เราเชื่อว่าไม่มีอะไรที่ขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อ ส.ส.ร. มีความเชื่อมโยงกับประชาชน และพิจารณาร่างที่คณะกรรมการยกร่างมา ส.ส.ร. จะพิจารณาได้เต็มที่ และไม่มีข้อครหาว่ากำลังทำเพื่อตัวเองทำเพื่ออำนาจของสมาชิกรัฐสภา ดังนั้น แนวความคิดนี้มีเหตุผลที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมการเมือง และทำให้โอกาสในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประสบผลสำเร็จได้มากกว่า เป็นที่ยอมรับของประชาชนได้มากกว่า การไม่มี ส.ส.ร. เป็นความสูญเสียอย่างมาก อาจมีการเผชิญหน้ากับรัฐสภาเอง หรืออาจมีการเผชิญหน้ากับประชาชน ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าโครงสร้างดังกล่าวมีส่วนร่วมได้น้อย ร่างเอง ตัดสินเอง

นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า การสงวนคำแปรญัตติของพรรคเพื่อไทย เรายังถือว่าที่มาขององค์กรที่สำคัญนี้ ควรจะต้องยึดโยงเชื่อมโยงกับประชาชน คำว่ารัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรงได้ ในคำว่าวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้หมายความว่า จะให้ประชาชนร่วมเลือกร่วมแสดงความเห็นร่วมพิจารณาคัดเลือก หรือแม้แต่เลือกตั้งมา หากรัฐสภามาคัดกรองอีกครั้งหนึ่ง การตัดสินสุดท้าย ก็อยู่ที่รัฐสภาไม่ใช่การให้ประชาชนเป็นผู้เลือกโดยสมบูรณ์ เรายืนยันเรื่องนี้ ว่าต้องมี ส.ส.ร. และต้องเชื่อมโยงกับประชาชน สุดท้ายให้ประชาชนเป็นคนตัดสินในการทำประชามติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการพิจารณาร่างมาตรา 4 ว่าด้วยองค์กรจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่กมธ. เสียงข้างมากกำหนดให้มี กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน ซึ่งรัฐสภาคัดเลือกจากบัญชีรายชื่อของผู้สมัครได้รับเลือก และกมธ.รับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน  ซึ่งรัฐสภาคัดเลือกจากบัญชีรายชื่อของบุคคลที่สมัครรับคัดเลือก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในมาตราดังกล่าวพบว่ามี กมธ.เสียงข้างน้อยในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยสงวนความเห็นปรับแก้ไขโดยให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งในแต่ละจังหวัด เพื่อให้เกิดกลไกเชื่อมโยงกับประชาชน นอกจากนั้นเพื่อทำหน้าที่กำกับ และลงมติต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ ดำเนินการพร้อมกับแก้ไขสูตร 20 หยิบ1 ที่กมธ.เสียงข้างมากเสนอเพราะมองว่าจะเปิดช่องให้ฮั้วเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะกมธ.ที่สงวนความเห็น อภิปรายว่าตามเนื้อหาที่กมธ.เสียงข้างมาก กำหนดให้มีผู้เขียนรัฐธรรมนูญ 35 คนมาจากการเลือกของรัฐสภา ด้วยสูตร 20 หยิบ 1 นั้น สุ่มเสี่ยงที่คนเขียนรัฐธรรมนูญจะถูกครอบงำ ชี้นำมาตั้งแต่ต้น โดยเฉพาะกรณีที่ผู้สมัครต้องมีผู้สนับสนุน 100 คน บุคคลทั่วไปยากมากที่จะหาผู้สนับสนุนได้ครบ แต่หากเป็นกลุ่มหรือพรรคการเมืองทำได้ง่ายมาก ดังนั้นผู้เขียนรัฐธรรมนูญสามารถถูกจัดตั้งมาตั้งแต่แรก ถูกใส่ชื่อมาตั้งแต่ต้น ดังนั้นจึงต้องการตัดประเด็นการครอบงำ ชี้นำให้มากที่สุด

“ผมเสนอให้กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญมาจากสัดส่วนภูมิภาค 20 คน และมาจากผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ  15 คน เพื่อป้องกันการผูกขาด ครอบงำ ของเสียงข้างมาก กลไกที่ให้รัฐสภาคัดเลือก จะใช้แนวทางของการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 เป็นฐานพิจารณา คือ ผู้สมัครที่จะผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา ต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง และจำนวนนั้นต้องมีสว.เห็นชอบด้วย  ไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 หรือ 40 คน และได้เสียงฝ่ายค้านเห็นชอบ 20% เพื่อให้เกิดการถ่วงดุล ได้รับความเห็นชอบของทุกฝ่าย เพื่อมั่นใจว่ากมธ.ร่างรัฐธรรมนูญมาจากทุกภาคส่วน ป้องกันการครอบงำชี้นำ การฮั้ว ให้รัฐธรรมนูญเป็นสีใดสีหนึ่งได้” นพ.ชลน่าน อภิปราย

นพ.ชลน่าน อภิปรายต่อว่า รัฐสภาเป็นผู้กำหนดอนาคตของประเทศ ดังนั้นสิ่งที่พรรคเพื่อไทย และตนเสนอเป็นหนทางได้กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ ที่มี ส.ส.ร. และได้แนวทางที่เหมาะสม ภายใต้กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ผ่านการเลือกตั้งทางอ้อม ได้รัฐธรรมนูญใหม่ที่เป็นของประชาชนทุกภาคส่วนและเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

ด้านน.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะกมธ.ที่สงวนความเห็น อภิปรายให้มี ส.ส.ร.จำนวน151 คน มาจากประชาชนแต่ละจังหวัด และรัฐสภาแต่งตั้งตามคุณสมบัติ เพื่อทำหน้าที่กำกับ และกลั่นกรองร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ผู้ยกร่างเขียนขึ้น และที่มา โดยตัดประเด็นการมีผู้สนับสนุนตอนสมัคร เพราะมองว่าเป็นการเปิดช่องให้จัดตั้งทางการเมือง กีดกันการมีส่วนร่วมของประชาชน

“ส.ส.ร. เป็นกลไกช่วยให้รัฐธรรมนูญใหม่ ยึดโยงกับประชาชน  ดังนั้น ส.ส.ร. จึงต้องมีที่มา ที่สะท้อนเจตจำนงของประชาชน มีหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุล กำกับการทำงานของกมธ.ร่าง และกมธ.รับฟังความเห็น และมีอำนาจเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เป็นหลักประกันกระบวนกรยกร่างรัฐธรรมนูญที่โปร่งใส รอบคอบ ทั้งนี้ ส.ส.ร.ถือเป็นองค์ประกอบที่สาม ที่จำเป็นต่อการเมืองไทย ที่จะทำให้รัฐธรรมนูญใหม่ชอบธรรม ได้รับการยอมรับ และยึดโยงกับประชาชน” น.ส.ขัตติยา อภิปราย

ขณะที่นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะกมธ. อภิปรายว่า เชื่อว่าสังคมไทยยังขัดแย้ง ในการเลือกตั้งมีการแบ่งเป็นสีต่างๆ  ซึ่งหากใช้กลไกของกมธ.เสียงข้างมากเชื่อว่าผู้ร่างรัฐธรรมนูญจะถูกครอบงำโดยเสียงข้างมาก ทำให้สีที่เหลือไม่ยอมรับต่อการทำรัฐธรรมนูญใหม่ และอาจไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชนโครงสร้างของผู้ร่างรัฐธรรมนูญที่กมธ.เสียงข้างมากเสนอยังมีปัญหา มีช่องโหว่ช่องว่าง ดังนั้นต้องมีโครงสร้างที่ประชาชนยอมรับในทุกขั้นตอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่กมธ.ฝั่งพรรคประชาชน นำโดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะ กมธ. อภิปรายตามที่สงวนความเห็นตอนหนึ่งว่า เสียดายที่กมธ.เสียงข้างมากเห็นต่างจากพรรคประชาชน ตัดกลไก กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน และแปลงสภาพจากสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มาจากการเลือกตั้ง 100 คน ไปเป็นกมธ.รับฟังความคิดเห็น  ทั้งนี้พรรคประชาชนยืนยันว่ากลไกที่เสนอนั้นไม่ขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ  เพราะกลไกเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญนั้นไม่ใช่การเลือกตั้งโดยตรง แต่กำหนดให้ประชาชนเลือกมาเบื้องต้นแล้วให้รัฐสภาคัดเลือก ส่วนสภาที่ปรึกษาที่ออกแบบไม่ใช่ผู้ร่างรัฐธรรมนูญ จึงไม่อยู่ในข่ายข้อห้ามตามที่ศาลรัฐธรรมนูญระบุ

“หากยอมรับการตีความเช่นนั้น หมายความว่า ให้ผู้ร่างรัฐธรรมนูญที่ไปรับฟังนายก อบจ. ทุกจังหวัดเพราะเป็นตัวแทนของประชาชน จะถูกตีความว่าทำไม่ได้ เพราะนายก อบจ. มาจากการเลือกตั้งของประชาชนหรือไม่ ดังนั้นหากมองว่ากลไกที่พรรคเสนอ เป็นประโยชน์ต่อการเพิ่มกลไกการมีส่วนร่วมของประชาชน จึงขอให้รัฐสภาลงมติสนับสนุน” นายพริษฐ์ อภิปราย

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top