‘หนู’พยักหน้ารับ  ร่างพรฎ.ยุบสภารอเอาไว้แล้ว  ยุบวันไหนต้องดูสถานการณ์

‘หนู’พยักหน้ารับ ร่างพรฎ.ยุบสภารอเอาไว้แล้ว ยุบวันไหนต้องดูสถานการณ์

วันพฤหัสบดี ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

นายกฯย้ำร่างพระราชกฤษฎีกา “ยุบสภา”รอไว้แล้ว แต่ยุบหรือไม่ต้องประเมินสถานการณ์ พร้อมสวนพวกหลุดจากตำแหน่ง ทำใจไม่ได้ หลังแซะภาพเปิดตัวผู้สมัครสส.ขัดสถานการณ์แก้ปัญหาชายแดน หวังแก้รัฐธรรมนูญ เดินถึงวาระ3 ตามข้อตกลงเอ็มโอเอ ด้านที่ประชุมรัฐสภามีมติ328เสียง ไฟเขียว‘กลไกทำรธน.ใหม่’ให้มี‘กมธ.ร่างรธน.-กมธ.รับฟังความเห็น’มาจาก‘รัฐสภา’เป็นผู้คัดเลือก

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์กระแสข่าวเรียกแกนพรรคร่วมรัฐบาลพูดคุยเตรียมความพร้อมยุบสภาว่า คุยเมื่อไหร่ ตนยืนอยู่ตรงนี้ บอกว่าไม่มี แล้วจะมีได้อย่างไร ยังยืนยันการยุบสภา เป็นอำนาจของนายกฯ ที่จะทูลเกล้าฯขึ้นไป เมื่อถามว่า ยังเป็นไทม์ไลน์เดิม ในวันที่ 31ม.ค.69 หรือจะเร็วขึ้น นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นอำนาจของนายกฯ เมื่อถามว่าการประชุมหัวหน้าหน่วยราชการเมื่อวันที่ 9ธ.ค.บอกว่า อาจจะเร็วกว่าเดิมเหลือเพียงแค่ลงวัน ว.เวลา น.ใช่หรือไม่ นายกฯ ก็ใช่ เราก็ดูสถานการณ์ความเหมาะสม


เมื่อถามว่า ย้ำว่าร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภา มีการเตรียมไว้แล้วใช่หรือไม่ นายกฯ ไม่ตอบคำถามแค่พยักหน้ายอมรับ เมื่อถามว่า กรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์การเปิดตัวผู้สมัครสส.ในสถานการณ์ที่ประเทศกำลังแก้ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9ธ.ค.มีการประชุมพรรคภูมิใจไทย ที่ประชุมทุกวันอังคารก็เพื่อเตรียมความพร้อมและทำการบ้าน สำหรับการประชุมสภาฯทุกวันพุธ ต้องคุยท่าทีของพรรคหากมีการลงมติ ทิศทางจะเป็นอย่างไร ตนก็อยู่ที่พรรคภูมิใจไทย“อย่าไปจับเรื่องเล็กๆน้อยๆ คนว่างงานก็ชอบพูดแบบนี้ การทำการเมืองแบบนี้มันก็พิสูจน์ให้เห็นว่าไม่สร้างสรรค์ แต่ละคนที่ออกมาพูดเหมือนทำใจไม่ได้ที่หลุดจากตำแหน่งใด” นายกฯ กล่าว เมื่อถามว่า การแก้รัฐธรรมนูญวาระ2 วันนี้จะเดินไปถึงวาระ 3 ได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็พยายามเต็มที่ เรามีเอ็มโอเออยู่

เวลา09.20น.ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พ.ศ…..ซึ่งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยก่อนเข้าวาระการประชุมประธานรัฐสภา ได้ขอความร่วมมือจากสมาชิก ให้อยู่ร่วมในการประชุมเพื่อให้การพิจารณาเรียงรายลำดับมาตรา ซึ่งจะมีการลงมติทุกมาตราดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว และขอให้คณะกรรมการประสานสานงานของทั้งฝ่ายสภาฯและวุฒิสภา หารือร่วมกันเพื่อให้การประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปขป.) กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.256และเพิ่มเติมหมวด15/1 เพื่อเปิดทางให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่กำลังพิจารณาในวาระที่ 2 ว่า แม้ร่างจะมีจุดแข็งเรื่องกำหนดให้การร่าง รธน.ฉบับใหม่ต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องรูปแบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขไว้ ดังปรากฏใน ม.256/26 และกำหนดให้ต้องมีการบรรจุหมวด1หมวด 2 ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขใดๆ ซึ่งก็คือการห้ามแตะหมวด1หมวด2 ดังที่ปรากฏใน ม.256/26/1นั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อดูรายละเอียดเนื้อหา ม.256/26 อันเป็นมาตราสำคัญที่ได้กำหนดเงื่อนไขบังคับให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องมีการบรรจุสาระสำคัญ 9 ข้อไว้ด้วยนั้น จะพบว่าใน9ข้อ ไม่มีข้อไหนที่บังคับให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องกำหนดคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ องค์กรอิสระและอื่นๆ ต้องมีมาตรฐานจริยธรรมกำกับ รวมทั้งไม่มีข้อไหนที่บังคับให้ต้องมีเนื้อหาสำคัญ ของรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงที่ระบุไว้ในมาตรา160(4) (5) ที่กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรี ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และ ต้องไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงแต่อย่างใด

“การไม่บังคับให้มีเนื้อหาดังกล่าวหมายความว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะระบุเรื่องนี้ไว้หรือไม่ก็ได้ ถ้าไม่ระบุไว้หรือทำสาระสำคัญของรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงหายวับไปกับตาก็แปลว่า รัฐธรรมนูญใหม่ก็ไม่ได้มีหลักประกันในประเด็นนี้ว่า เท่าเทียม หรือดีไปกว่ารัฐธรรมนูญปี60 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน อาจส่งผลตอนทำประชามติได้ว่า ถ้าอย่างนั้นจะแก้กันไปทำไม ถ้าแก้แล้วไม่ได้ดีขึ้น”นายจุรินทร์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการประชุมรัฐสภา (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ ซึ่งที่ประชุมได้ใช้เวลาเกือบ 3ชั่วโมง เพื่อพิจารณาร่างมาตรา4 ซึ่ง กมธ.เสียงข้างมาก เสนอให้มี กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ 35คน ซึ่งรัฐสภาคัดเลือกจากบัญชีรายชื่อของผู้สมัครได้รับเลือกด้วยสูตร20หยิบ1และ กมธ.รับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ 35คน ซึ่งรัฐสภาคัดเลือกจากบัญชีรายชื่อของบุคคลที่สมัครรับคัดเลือก ด้วยสูตร20หยิบ1 เมื่อการอภิปรายแล้วเสร็จ ได้ลงมติ ผลปรากฎว่า มติเสียงข้างมาก 328เสียง เห็นด้วยกับการแก้ไขของกรรมาธิการเสียงข้างมากที่เสนอให้ที่ประชุมพิจารณา ต่อเสียงไม่เห็นด้วย 266เสียงและมีผู้งดออกเสียง 21เสียง จากนั้นเข้าสู่การพิจารณามาร่างมาตรา ซึ่งเป็นรายละเอียดที่เกี่ยวกับที่มาของ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญและกมธ.รับฟังความคิดเห็น ทั้งนี้ ก่อนเริ่มพิจารณาเนื้อหา นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะ กมธ.เสียงข้างน้อย ที่สงวนความเห็น ได้ขอถอนประเด็นที่สงวนไว้ เนื่องจากในร่างมาตราก่อนหน้านั้นแพ้มติเสียงข้างมากของรัฐสภา

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top