สว.ชงเงื่อนไข  โหวตรธน.ใหม่  ต้องได้เสียงสว.  ไม่น้อยกว่า1ใน3

สว.ชงเงื่อนไข โหวตรธน.ใหม่ ต้องได้เสียงสว. ไม่น้อยกว่า1ใน3

วันศุกร์ ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

“สว.รัชนีกร” แฉนักแก้รธน.ชงตั้งผลาญเบี้ยประชุมกมธ.ครั้งละหมื่น  ด้าน’ณัฐวุฒิ’ปธ.กรรมาธิการฯโต้ไม่เป็นความจริง ยันไร้มติตอบแทนใครมติเคาะแก้เนื้อหาให้ประชุมร่วมกมธ.ร่าง-ฟังความเห็น เปิดเผยต่อสาธารณะเดือนละ1ครั้ง ไม่ใช่ถ่ายทอดสดให้ยึดข้อบังคับประชุมรัฐสภาใช้เสียง 1 ใน 4‘สว.พิสิษฐ์’ แจงบทเฉพาะกาล รองรับสถานะสว.ชุดปัจจุบัน-องค์กรอิสระให้อยู่จนครบวาระ หวังลดสุญญกาศ ยอมถอยลดครหายื้ออำนาจขอถอนคำแปรญัตติปลดล็อกเว้นวรรค สว.ลงเลือกตั้ง-ดำรงตำแหน่งการเมืองเกรงถูกมองเอื้อประโยชน์และมีวาระซ่อนเร้นด้าน สว.ชงเพิ่มเกณฑ์เห็นชอบรธน.ใหม่ ที่ต้องได้เสียง สว.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ชี้เป็นเบรกนิรภัย กันเผด็จการรัฐสภาแก้รธน.เพื่อประโยชน์ตัวเอง

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม2568-ที่รัฐสภาในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ)เป็นพิเศษ โดยมีนายมงคล สุระสัจจะ รองประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่..)พ.ศ….ที่คณะกรรมาธิการ(กมธ.)พิจารณาเสร็จแล้วซึ่งพิจารณาเรียงรายมาตราในวาระ 2โดยพิจารณาต่อเป็นวันที่ 2 ทั้งนี้การประชุมล่าช้า 50 นาที ตามที่นัดประชุมเวลา 09.00 น.โดยก่อนการอภิปรายที่ประชุมได้ยืนไว้อาลัยต่อการเสียชีวิตของเหล่าทหารทั้ง 9 คนที่สละชีพในการปกป้องแผ่นดิน จากสถานการณ์สู้รบชายแดนไทย กัมพูชา


โดยได้เริ่มในร่างมาตรา 256/21 ว่าด้วยการกำหนดเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นในตำแหน่งต่างๆ ของกรรมาธิการ (กมธ.)ร่างรัฐธรรมนูญ และ กมธ.รับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญรวมถึงอนุกมธ.ที่ต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกา

สว.รัชนีกรแฉผลาญเบี้ยประชุมครั้งหมื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการพิจารณาเป็นอย่างดุเดือดโดยน.ส.รัชนีกร ทองทิพย์ สว.ในฐานะกมธ.เสียงข้างน้อยอภิปรายว่าตนแปรญัตติไว้คือตัดเงินประจำตำแหน่งออกให้คงเหลือแค่เบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นเพราะหากยังคงมีเงินประจำตำแหน่งไว้ก็จะเป็นเหตุให้ประชาชนเห็นว่าการตั้งกมธ.ตามสูตร20หยิบ1 เห็นได้ชัดว่าเป็นการใช้ประโยชน์ต่างตอบแทนกับบุคคลที่เข้ามาดำรงตำแหน่งกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่เอาพวกตัวเองมาเข้ารับเงินของชาติใช่หรือไม่

“เวลา1ปีสำหรับกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ35คนและกมธ.รับฟังความคิดเห็นฯ35 คน รวมเป็น 70 คน หากมีเงินประจำตำแหน่งอีกรัฐบาลและประเทศไทยจะต้องเสียเงินมหาศาลแค่ไหนกับการร่างรัฐธรรมนูญ1ฉบับ เพราะทราบว่าแค่เบี้ยประชุมกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญครั้งที่แล้วงบสูงถึง800ล้านบาท และในที่ประชุมกมธ.ฯมีการพูดว่าให้ตัดเงินประจำตำแหน่งออก แต่ไปดูเบี้ยประชุมให้สูงขึ้น ของเดิมให้ครั้งละ 6,000 บาท ในที่ประชุมกมธ.ฯเคยพูดว่า สภาพเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไปสามารถไปกำหนดพระราชกฤษฎีกาได้ถึง10,000บาท ลองคิดดูว่าเราจะเสียงบประมาณเท่าไหร่ ดิฉันพยายามเสนอคือให้สส.สว.ซึ่งได้รับเงินเดือนอยู่แล้วเข้าไปนั่งเป็นกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญเราก็ไม่ต้องเสียประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นรวมถึงเงินประจำตำแหน่งให้อีก มีแค่เบี้ยประชุมที่สส.-สว.จะได้รับครั้งละ1,500บาท ถ้าไปเอาบุคคลอื่นที่ไม่ใช่สมาชิกรัฐสภา ก็ต้องคิดให้รอบด้านว่าเราต้องเสียเท่าไหร่ และมีกมธ.ฯพูดว่าการที่ให้เขามาทำงาน 1 ปีก็ต้องให้ผลประโยชน์ตอบแทนเขาคุ้มกับการที่เขาต้องหยุดงานอย่างอื่นมา อยากทราบว่าคุ้มนี่คืออะไรเพราะนี่คือเงินประเทศชาติไม่ใช่เงินในกระเป๋าท่านที่จะควักได้ตามอำเภอใจวันนี้ประเทศตัดทั้งงบโรงพยาบาล งบภัยพิบัติ งบทหารจะมาใช้งบแบบไม่ระวังในการแก้รัฐธรรมนูญสมควรหรือไม”น.ส.รัชนี ย้ำ

ปธ.กมธ.ฯตอบโต้ไม่เป็นความจริง

นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ประธานกมธ.พิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญชี้แจงว่าสิ่งที่น.ส.รัชนีกรอภิปรายไม่ตรงกับที่สงวนไว้ ที่ประชุมกมธ.ฯไม่เคยมีมติให้เพิ่มเบี้ยประชุมกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญครั้งละ10,000บาท สิ่งที่ น.ส.รัชนีกรพูดไม่เป็นความจริง แต่จะกำหนดเบี้ยประชุมครั้งละเท่าใด ค่อยไปพิจารณาต่อไป ยืนยันว่าที่ประชุม กมธ.ไม่เคยกำหนดเบี้ยประชุมเพื่อเป็นผลประโยชน์ตอบแทนให้ฝ่ายใดในการร่างรัฐธรรมนูญ จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติเห็นด้วยกับสิ่งที่กมธ.เสนอมาด้วยคะแนน436 เสียง ไม่เห็นด้วย 8 เสียง งดออกเสียง 9 ไม่ลงคะแนนเสียง 3

ถกให้ถ่ายทอดประชุมกมธ.แก้รธน

เวลา11.50น.ที่ประชุมพิจารณามาตรา256/25ที่กำหนดให้มีการประชุมร่วมกันระหว่างกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญและกมธ.รับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้สอดคล้องความต้องการของประชาชนตามที่กมธ.เสียงข้างมากแก้ไข

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการพิจารณาเนื้อหานั้นพบว่ามีประเด็นที่สมาชิกรัฐสภาคัดค้านการแก้ไขของกมธ.เสียงข้างมากเพราะไม่มีบทบัญญัติใดที่สนับสนุนให้มีการเผยแพร่ต่อสาธารณะทั้งที่ควรให้ประชาชนรับทราบ

ปชน.สว.สงวนความเห็นจนพักประชุม

โดยน.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ สส.สมุทรปราการ พรรคประชาชน กมธ.เสียงข้างน้อย อภิปรายว่า การประชุมระหว่างกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญและกมธ.รับฟังความคิดเห็น เดือนละ 1 ครั้ง ควรเป็นการประชุมเปิดเผย และจัดถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ หรือสื่อประเภทอื่นๆ ที่ประชาชนรับชมได้อย่างทั่วถึง

ขณะที่ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.กมธ.เสียงข้างน้อย อภิปรายเสนอให้มีการถ่ายทอดการประชุมการประชุมร่วมดังกล่าวเดือนละ 1ครั้ง เพื่อให้ประชาชนรับทราบเช่นกัน แต่ไม่ได้ระบุจะเป็นวิธีถ่ายทอดสดหรือไม่ ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการแก้ไขเนื้อหา โดยให้ถ่ายทอดสดตามที่กมธ.เสียงข้างน้อยเสนอมา

ยึดข้อบังคับรัฐสภาใช้เสียง 1 ใน 4

จากนั้นนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม สั่งพักประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง เพื่อไปพิจารณาปรับแก้ไขเนื้อหาว่าจะยึดตามเนื้อหาที่นพ.เปรมศักดิ์ หรือน.ส.พนิดาเสนอ จากนั้นเวลา 12.52 น. ที่ประชุมรัฐสภากลับมาพิจารณาอีกครั้ง ในมาตรา 256/25 เรื่องการถ่ายทอดสดในห้องประชุมกรรมาธิการนพ.เปรมศักดิ์ ชี้แจงว่าเรื่องการถ่ายทอดสด จะต้องยึดถือข้อบังคับของการประชุมรัฐสภา หากประชุมลับจะต้องอาศัยเสียง 1 ใน 4 เพื่อให้ไม่ขัดแย้งกับการประชุมรัฐสภา

น.ส.พนิดา ชี้แจงว่า ในชั้นกรรมาธิการไม่ได้ขัดกันแต่อย่างใด ในเนื้อหาระบุไว้ว่าให้นำข้อบังคับรัฐสภามาใช้โดยอนุโลม และหากจะใช้ประชุมลับให้ใช้เสียง 2 ใน 3 ของกรรมาธิการ ซึ่งไม่ได้ขัดกันในข้อปฏิบัติ แต่สิ่งที่เป็นหัวใจ คือมีการนำเสียงสะท้อนของประชาชนมาพูดคุยในชั้นกรรมาธิการที่มีการประชุมกันเดือนละ 1 ครั้งหรือไม่ที่จะเป็นกระบวนการสร้างการมีส่วนร่วมที่เป็นหัวใจของประชาธิปไตย ยืนยันการใช้เกณฑ์ 2 ใน3 มีความจำเป็น

โดยที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ได้ลงมติเห็นด้วยกับคำสงวนความเห็นของนพ.เปรมศักดิ์ที่ต้องการให้ยึดข้อบังคับของการประชุมรัฐสภาเสียง 1 ใน 4ในการถ่ายทอดสดการประชุมร่วมฯเดือนละ 1 ครั้ง ด้วยคะแนน 413 เสียง ต่อ 157 เสียง งดออกเสียง 14 เสียง

สว.ชงรธน.ใหม่ต้องได้เสียงสว.1ใน 3

จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณางถึงมาตรา 256/28 ว่าด้วยเกณฑ์การออกเสียงลงคะแนนเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญที่กรรมาธิการ(กมธ.) ร่างรัฐธรรมนูญดำเนินการแล้วเสร็จ โดยกำหนดให้ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาปรากฎว่ากมธ.เสียงข้างน้อย สงวนความเห็นให้แก้ไขโดยนายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว.กมธ.เสียงข้างน้อย ให้เพิ่มเกณฑ์เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่ต้องได้เสียงสว.เห็นชอบด้วย ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของ สว.ที่มีอยู่ของวุฒิสภา เพื่อให้สว. เป็นเบรกนิรภัยให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ป้องกันเผด็จการรัฐสภา เพราะที่ผ่านมาเคยมีบทเรียนในอดีตที่พรรคการเมืองเดียวชนะแบบแลนด์สไสลด์หรือมีพรรคที่รวมเสียงข้างมากได้กว่า 350เสียง หากชนะเกินกึ่งหนึ่ง จะทำให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญเอื้อประโยชน์พวกพ้องทำได้ง่าย ดังนั้นการตัดเสียง สว.1ใน3เท่ากับปูทางสู่เผด็จการรัฐสภา

“เงื่อนไขเสียงสว.ไม่ใช่สิทธิพิเศษ แต่เป็นหลักประกันคุณภาพว่าการแก้กติกาประเทศ ผ่านหลักวิชาการไม่ใช่เพราะมติพรรคสั่ง และต้องเป็นไปตามทฤษฎีที่รัฐธรรมนูญแก้ไขยากกว่ากฎหมายทั่วไปเพื่อเสถียพภาพของระบอบปกครอง นอกจากนั้นยังเป็นไป หัวใจสำคัญของการแบ่งแยกอำนาจที่แตะต้องไม่ได้ การคงไว้ไม่ใช่ขัดขวางแก้รัฐธรรมนูญ หรือระบอบประชาธิปไตยแต่เป็นการคุ้มครองเสียงข้างน้อยและปกป้องไม่ให้รัฐสภาใช้อำนาจเสียงเบ็ดเสร็จเด็ดขาด” สว.พิสิษฐ์ อภิปราย

สว.ดาหน้าโดดหนุนเพิ่มเงื่อนไข

ขณะที่ น.ส.รัชนีกร ทองทิพย์ สว. ฐานะกมธ.อภิปรายสนับสนุนการวางหลักการมีเสียงสว.เห็นชอบต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ด้วยเสียง 1 ใน 3 เพราะรัฐธรรมนูญจำเป็นต้องแก้ไขยาก และหากแก้ไขต้องได้รับความเห็นชอบร่วมกัน ตนเชื่อว่า สว.ที่เป็นได้ครั้งเดียวในชีวิต จะใช้ความรู้ความสามารถ พิจารณาการแก้ไขอย่างรอบคอบ ซึ่งสว.จะทำหน้าที่ตามบทบาทป้องกันเสียงข้างมากที่กำหนดความเป็นไปของประเทศได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภาพบว่า มีการอภิปรายของสว.ที่ลุกสนับสนุนการสงวนความเห็นของกมธ.เสียงข้างน้อยอาทิ นายวิวัฒน์ รุ่งแก้ว สว.ที่สนับสนุนการบัญญัติเกณฑ์เห็นชอบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ต้องได้เสียงสว.ร่วมเห็นชอบด้วย นายชินโชติ แสงสังข์ สว.อภิปรายสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่ต้องบัญญัติเงื่อนไขที่เป็นมาตรการการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามความต้องการของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ขู่อีก15วันจ่อคว่ำเรือ ถ้าถูกตีตกสว.1ใน3

นายชินโชติ แสงสังข์ สว. อภิปรายว่า ตนไม่สบายใจต่อการแก้ไขมาตราที่ตัดเกณฑ์เห็นชอบของสว.ออกไป ทั้งที่เป็นประเด็นสำคัญ เพราะสว.เป็นสถานบันคานอำนาจ ถ่วงดุลอำนาจ หรือ ธำรงไว้ซึ่งการตรวจสอบผู้ร่างรัฐธรรมนูญ

“วันนี้จะกินรวบกันเอง เสียงกึ่งหนึ่งรัฐสภาทำอะไร ผมอาจจะไว้ใจสส.ชุดนี้ แต่ชุดหน้าหากมีเผด็จการรัฐสภา โดยไม่มีสว.สกัดหรือเรื่องที่ไม่ชอบธรรม ถึงตอนนี้จะเคว้งคว้างไม่มีองค์กรสุดท้าย ผมถือว่าทั้ง 2 สภา ร่วมทำประโยชน์ให้ประเทศ ยืนยันว่า 1 ใน 3 ของสว.ต้องมีอยู่”นายชินโชติ อภิปราย

นายชินโชติ อภิปรายต่อว่า บ้านตนน้ำท่วม ซึ่งต้องอาศัยเรือ ซึ่งเรือลำนั้นนั่ง 4 คน ผมถูกเพื่อนรังแก ทำร้าย ไม่มีทางสู้ เก็บความเจ็บใจไว้ตามประสาเด็กที่ไร้เดียงสา อีก 15 วันต่อมา ผมจำเป็นต้องคว่ำเรือให้เปียกด้วยกัน ขอฝากไปยังกมธ.เสียงข้างมาก ระวังเรือจะล่ม

‘นิกร’เผย สว.จ่อโหวตคว่ำวาระสาม

นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ฐานะ อดีตเลขานุการคณะกรรมาธิการร่วมกันพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ รัฐสภา กล่าวถึงกรณีที่รัฐสภาพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติมในวาระสอง ว่าตนเป็นห่วงการพิจารณาร่างงมาตรา 256/28 ว่าด้วยเกณฑ์ผ่านร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่กรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญจัดทำแล้วเสร็จต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา เพราะมีประเด็นที่สว.สงวนความเห็นให้มีเงื่อนไขได้เสียง สว.เห็นชอบด้วย ไม่น้อยกว่า 1ใน3 หลังจากที่ตนได้พูดคุยกับแกนนำ สว.บางส่วน ทราบถึงความกังวลต่อสถานะของวุฒิสภาชุดปัจจุบัน ที่กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ อาจเขียนบทบัญญัติให้วุฒิสมาชิกชุดปัจจุบันสิ้นสภาพไปหลังรัฐธรรมนูญใหม่ประกาศใช้ และจะเกิดความไม่เป็นธรรมต่อวุฒิสมาชิก จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ สว.ต้องการความมั่นใจและสร้างหลักประกันสุดท้าย คือ ต้องได้รับความเห็นชอบ 1ใน3 จากสว.ตามรัฐธรรมนูญเดิมเอาไว้

“ความเป็นจริงในทางการเมืองเพราะในการพิจารณาวาระ 2 นี้ เสียงเห็นชอบของการพิจารณาตามข้อบังคับมติเห็นชอบของการพิจารณาใช้เสียงข้างมากโดยประมาณดังนั้นที่สมาชิกวุฒิสภาได้สงวนคำแปรญัตติไว้อย่างไรก็ไม่สามารถจะสู้เสียงของสภาผู้แทนราษฎรได้แต่เมื่อในชั้นนี้สู้ไม่ได้ อาจถอยไปสู้แลกชีวิตกันในด่านสุดท้ายคือโหวตวาระ 3ซึ่งอาวุธหนักนั้นก็คือการไม่ให้เสียงเห็นชอบถึงเกณฑ์ 1ใน 3”นายนิกร กล่าว

วอนทุกฝ่ายเจรจาเงื่อนไขสว.

นายนิกรกล่าวด้วยว่าเพื่อไม่ให้ความคาดหวังที่นำไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่สูญสลายไป ตนเห็นว่าทุกฝ่ายต้องทำความเข้าใจและเจรจาระหว่างกันอย่างตรงไปตรงมา และยอมให้คงเงื่อนไขได้เสียง สว. 1ใน3ไว้ในชั้นนี้เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขมาตรา 256 นำไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามที่สังคมอยากให้ระบบการเมืองดีขึ้น เพื่อประเทศชาติและประชาชนจะได้รับอานิสงส์ที่พึงประสงค์

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top