วันอังคาร ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2568
เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2568 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้นำคณะ อาทิ นายวีระพงษ์ ประภา , นางการดี เลียวไพโรจน์ , นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตามภารกิจ ลงพื้นที่ จ.สงขลา เข้าเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจประชาชน นักเรียน โรงเรียนบ้านควนลัง และโรงเรียนบ้านเกาะหมี พร้อมทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนในหาดใหญ่ ที่ประสบปัญหาอุทกภัยหนัก ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองยังคงอยู่ในช่วงสุญญากาศหลังการยุบสภา
โดย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ภารกิจหลักที่มาในวันนี้มี 2 เรื่อง ซึ่งเป็นความตั้งใจและวางแผนไว้ก่อนที่จะมีการยุบสภา 1.มาดูปัญหาเรื่องโรงเรียนโดยเฉพาะ ทราบว่าผลกระทบค่อนข้างรุนแรง ซึ่งสิ่งที่พบเห็นก็อยากให้รัฐบาลเร่งรัดกระบวนการในการที่จะทำให้การเรียนการสอนกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้จริงๆ ซึ่งมีปัญหาซับซ้อนอยู่พอสมควร เช่นหนึ่งในโรงเรียนที่เราไปในวันนี้เด็กที่ขาดเรียนเกือบครึ่งหนึ่งเพราะผู้ปกครองไม่มีความพร้อมในการพาลูกมาโรงเรียน รวมทั้งอุปกรณ์การเรียนสื่อการเรียนการสอนที่ไปกับน้ำยังไม่นับรวมโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ต้องเร่งรัดด้วยการติดต่อหาเอกชนหนึ่งด้วยตัวเอง เพื่อให้มีการซ่อมแซมและกลับมาใช้งานได้ จึงอยากให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งดำเนินการในการที่จะเอาความช่วยเหลือของรัฐมาลงมาให้ได้เท่าที่ทราบกระบวนการของการให้มีการรายงานความเสียหายต่างๆยังต้องใช้เวลาอีกมาก รวมถึงการดูแลสภาพจิพใจของเด็กด้วย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า และ 2.พบปะภาคเอกชนเพื่อติดตามเรื่องความคืบหน้าเกี่ยวข้องกับการเยียวยา การฟื้นฟูและการวางแผนสำหรับอนาคต ซึ่งทราบว่าภาคเอกชนได้มีการนำเสนอมาตรการต่างๆไปที่ภาครัฐแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ซึ่งต้องเพิ่มกำลังซื้อและเปิดช่องทางทางการเงิน ให้ผู้ประกอบการสามารถต่อลมหายใจหรือฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาได้ ซึ่งในส่วนของการเพิ่มกำลังซื้อ ตนเข้าใจดีว่าเมื่อยุบสภาแล้ว ทางรัฐบาลก็ต้องไปขออนุมัติจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
"สิ่งที่เราอยากสะท้อนไปคืออยากให้รัฐบาล และ กกต.เร่งรัดกระบวนการโดยเร็วที่สุด ผมคิดว่ามีเหตุผลในการเติมกำลังซื้อไม่ว่าจะเป็นโครงการคนละครึ่งพลัส ถ้าอยากจะทำอีกกรอบ เป็นไปได้หรือไม่ว่าทุ่มไปในพื้นที่ตรงนี้กับพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบผมเชื่อว่าคนในประเทศพร้อมที่จะสนับสนุนคนไทยเหล่านี้เป็นลำดับแรก ถึงอยากให้รัฐบาลได้พิจารณาและเร่งรัดในการทำเรื่องนี้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ส่วนการสนับสนุนเรื่องการเงิน มาตรการที่ผ่านธนาคารของรัฐในปัจจุบันก็ต้องบอกว่ายังไม่เพียงพอและมักจะประสบกับปัญหาเดิมคือมีโครงการแต่คุณไม่สามารถเข้าถึงได้โดยจะติดเงื่อนไขหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง ตรงนี้ถ้าเป็นไปได้อยากให้รัฐบาลมีคณะทำงาน ที่เชื่อมระหว่างผู้ออกนโยบายกับภาคเอกชนและสถาบันการเงินต่างๆ มาทำความเข้าใจว่าเงื่อนไขที่จะสามารถตอบโจทย์ได้มากที่สุด มีการปรับปรุงผ่อนคลายหลักเกณฑ์อะไรที่คิดว่าจะมีประสิทธิภาพที่สุดก็น่าจะเป็นทางออกที่ดี
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ไม่ใช่ตีความคำว่า ฝน 300 ปี หรือ 1,000 ปี ผิดไปจนเกิดความประมาท แต่ต้องรู้ว่านี่ไม่ใช่แค่ปริมาณน้ำฝน แต่เกิดจากการพัฒนาเมือง ดังนั้นควรมองไปถึงความในอนาคต ถ้าฟื้นฟูทุกอย่างได้ แม้ทำได้เต็มที่ แต่ถ้าปีหน้าเจอสภาพแบบนี้อีกก็คงเป็นเรื่องยากที่จะสามารถทำให้คนพร้อมที่จะอยู่และลงทุนที่นี่ ดังนั้นควรถอดบทเรียนโดยเฉพาะคณะกรรมการด้านวิชาการที่เป็นอิสระไม่ใช่เพื่อไปเอาผิดใครแต่เพื่อสามารถตอบโจทย์ได้ว่าระบบในวันข้างหน้าต้องปรับปรุงอย่างไร ทั้งโครงสร้าง การเตือนภัย กระบวนการสื่อสาร การบูรณาการของฝ่ายปฏิบัติการต่างๆ เพื่อป้องกันหรืออย่างน้อยบรรเทาภัยที่อาจจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเก็บเกี่ยวบทเรียนจากวันนี้ และต่อเนื่องไปจนถึงการฟื้นตัวของหาดใหญ่
"ไม่ได้หมายความว่าทำหาดใหญ่ให้เป็นเหมือนก่อนน้ำท่วมอย่างเดียว แต่ควรมองไปข้างหน้าว่าอนาคตที่จะมาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งหาดใหญ่ และภาคใต้ควรจะเป็นอย่างไร และทำอย่างไร การขยายหรือการสร้างตรงนี้ขึ้นมาสอดคล้องกับเป้าหมายในเรื่องการทำให้ตัวเมืองมีความสามารถในการระบายน้ำได้ดียิ่งขึ้นและมีผลกระทบกับประชาชนน้อยลง" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนการถอดบทเรียนกที่มีทุกครั้งเมื่อมีปัญหาน้ำท่วมแต่ไม่สามารถนำมาใช้ได้จริงจะมีข้อแนะนำอย่างไรเพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรมแท้จริงนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราอย่าไปสรุปว่าที่ผ่านมาไม่ได้เก็บเกี่ยวบทเรียนหรือแก้ไขอะไรเพราะน้ำท่วมเมื่อปี 43 , 53 ก็มีคลอง ร.1 มาช่วยบรรเทา เพียงแต่วันนี้ต้องยอมรับสภาพว่าปัญหาเคลื่อนตัวไปอีกจากภาวะโลกร้อน สภาพความแปรปวนของอากาศ และจากการที่เมืองเติบโตขึ้น และเป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำมากขึ้นดังนั้นอย่างไรก็ต้องทำในการเที่ยวตะถอดบทเรียนตรงนี้เพื่อให้เราสามารถวางแผนได้ตามหลักที่ถูกต้องมากกว่าการใช้ความรู้สึกว่าน่าจะต้องทำอย่างนั้นต้องทำอย่างนี้
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี