เพื่อไทย เปิดตัว 3 แคนดิเดตนายก ยศชนัน นั่งแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1

เพื่อไทย เปิดตัว 3 แคนดิเดตนายก ยศชนัน นั่งแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1

วันอังคาร ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 13.57 น.

‘เพื่อไทย’ ชู ‘ยศชนัน’ นั่งแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1 มอง ไม่เป็นปัญหาหนีไม่พ้นตระกูลชินวัตร บอก เป็นโอกาส-จุดเด่น ยัน ไม่ถูกครอบงำจาก ‘เยาวภา’ ‘สุริยะ’ ยังมั่นใจได้ 200 ที่นั่ง ขณะที่ ‘จุลพันธ์’ มั่นใจ 2 เดือน ชนะใจปชช.ได้

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 16 ธันวาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ภายหลังการเปิดตัวและแสดงวิสัยทัศน์ของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค พท. โดยแคนดิเดตทั้งสามคน ได้แก่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ถึงลำดับของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายจุลพันธ์ กล่าวแซวผู้สื่อข่าวว่า “นั่งแบบนี้ชัดหรือไม่ ยังไม่ชัดหรือ” ก่อนกล่าวต่อว่า พรรค พท.ได้มีการรับฟังเสียงสมาชิก ซึ่งจากสถานการณ์ปัจจุบัน ดูจากความต้องการของประชาชน วันนี้เราต้องการคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี นำพาประเทศไทยพ้นจากความขัดแย้ง และก้าวไปสู่เศรษฐกิจที่จะนำเทคโนโลยี AI ความรู้สมัยใหม่เข้ามาบวกประสาน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ก้าวไปข้างหน้าได้


นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า บุคคลที่มีความเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีในนามพรรค พท.คือ นายยศชนัน แต่เพื่อสร้างความชัดเจนให้กับสังคม นายยศชนันคือคนที่เราจะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อเราประสบชัยชนะจากการเลือกตั้ง ส่วนอีก 2 คน ไม่ได้มีการเรียงลำดับ แต่มีความพร้อมในการทำงานกรณีที่มีความจำเป็น ดังนั้น ทั้ง 3 คนที่นั่งอยู่ตรงนี้มีความพร้อม มีคุณสมบัติครบถ้วน และมีศักยภาพเพียงพอที่จะทำงานให้กับประเทศไทย

เพื่อไทย ชู ยศชนัน

ผู้สื่อข่าวถามนายยศชนัน ว่าในฐานะที่เคยผ่านเวทีการเมืองมาแล้ว แต่ยังถือว่าเป็นหน้าใหม่ การเปิดตัวเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในวันนี้ มั่นใจในตัวเองและนโยบายหรือไม่ว่าจะสามารถเรียกกระแสนิยมในการเปิดตัวครั้งนี้ นายยศชนัน กล่าวว่า ต้องตั้งต้นที่เรามีหัวใจพรรค พท. ต้องไปคุยกับประชาชนเยอะๆ วันนี้เป็นวันแรกที่เราจะชูว่าไปได้ว่าประเทศไทยจะไปในทิศทางใด แต่การพบปะประชาชนสำคัญกว่าการเลือกตั้ง เพราะประชาชนวันนี้อาจจะยังไม่รู้จักตนดี แต่หากได้สัมผัสและพูดคุยกัน และเราเอาสิ่งที่เขาต้องการใส่ไปในนโยบาย เชื่อว่าจะชนะใจประชาชน

เมื่อถามว่า เวลา 2 เดือนเพียงพอหรือไม่ ที่จะดึงกระแสพรรค พท.ให้กลับมา นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เราไม่ได้เริ่มเพียงแค่ 2 เดือน เราเดินหน้ามาระยะหนึ่งแล้ว ที่ผ่านมาการทำงานตั้งแต่พรรคไทยรักไทยจนถึงพรรค พท. ยังประทับอยู่ในความทรงจำของประชาชน และตั้งแต่การประกาศยกเครื่องเพื่อไทย เรามีการปรับเปลี่ยนการทำงานทั้งเรื่องการสื่อสาร นโยบาย และขับเคลื่อนมาจนถึงจุดนี้ เราไม่ได้อยู่ที่เดิม เรามาข้างหน้าไกลแล้ว ระยะเวลาอีก 2 เดือนข้างหน้าเป็นการทำความเข้าใจกับประชาชน ถึงนโยบายของเรา

เพื่อไทย ชู ยศชนัน

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปในสมัยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ลงสมัครเลือกตั้งครั้งนั้น มีเวลาเพียงแค่ 40 กว่าวันเท่านั้น เราก็สามารถขับเคลื่อนจนประสบชัยชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายได้ ตนเชื่อมั่นว่าการทำงานของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้งสามคน จะสามารถเดินสู่ชัยชนะได้

เมื่อถามว่า มองอย่างไรกับกรณีที่สังคมตั้งคำถามว่ายังไงก็หนีไม่พ้นตระกูลชินวัตร แม้จะเป็นตระกูลวงศ์สวัสดิ์ แต่ยังถือเป็นเครือญาติกับชินวัตร นายยศชนัน กล่าวว่า เรื่องที่เป็นลูกหลานใคร ตนคิดว่าเป็นเรื่องได้เปรียบ ซึ่งการที่วันนี้เรามุ่งมั่นที่จะทำบางอย่างให้กับคนไทยและทำเรื่องนี้มาโดยตลอด ตนไม่เคยหยุดที่จะทำเรื่องนี้ แต่วันนี้หากเราได้รับโอกาสที่ดีกว่าคนอื่น ทำไมเราจะไม่รับ และการที่เรามีหลายคน

เพื่อไทย ชู ยศชนัน

”เราอาจจะเป็นคนตัวเล็กๆ บนมือของยักษ์ใจดีคนหนึ่ง ที่ผสมระหว่างคนรุ่นเก่ากับใหม่ อย่างพรรคไทยรักไทยผู้มีประสบการณ์ ซึ่งรวมถึงครอบครัวของตนด้วย เราสามารถมองเห็นได้ไกลขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ตนคิดว่าเป็นจุดเด่น ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร“ นายยศชนัน กล่าว

ถามย้ำว่า หากได้รับตำแหน่งนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ มารดา จะไม่เข้ามามีส่วนในการตัดสินใจการทำงานหรือครอบงำใช่หรือไม่ นายยศชนัน กล่าวว่า เราพยายามนำเสนอเรื่องวิสัยทัศน์ ค่อนข้างชัดเจนว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปในโลกนี้ เราต้องเดินไปข้างหน้า จะพยายามเคลื่อนประเทศไทยในทุกรูปแบบทั้งเรื่องความคิดสร้างสรรค์ การศึกษา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพราะไม่มีใครเป็นเจ้าของประเทศ ซึ่งเราจำเป็นต้องเป็นรัฐบาล ที่มีการพูดคุยกันภายใน ภายนอก และต่างประเทศด้วย สิ่งนี้เป็นบทบาทหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีที่ต้องทำ และมั่นใจว่าเราสามารถตัดสินใจเองได้ ร่วมกับกรรมการบริหารพรรค

เพื่อไทย ชู ยศชนัน

เมื่อถามว่า เป็นนักวิชาการจะชูอะไรเป็นจุดเด่นในการเลือกตั้งครั้งที่จะมาถึง นายยศชนัน กล่าว่า ตนได้ผ่านการเมืองมาช่วงสมัยหนึ่ง มีจุดเด่นที่หลายคนไม่มี แม้จะไม่ใช่จุดเด่นมากนัก แต่เรามีคนในทีมพรรค และมีหลายคนที่คอยสนับสนุน ขอให้ในวันนี้เรามีเข็มทิศที่ชัดเจน ตนเชื่อว่าเราทำได้

ด้านนายสุริยะ กล่าวเสริมว่า ในขณะที่เราคัดเลือกให้นายยศชนัน มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ตนอยากให้มองว่าการเมืองที่ผ่านมา เป็นมิติบริหารด้านการเมืองเป็นหลัก แต่โลกยุคนี้เป็นโลกที่ต้องแข่งขันทางด้านเทคโนโลยี ซึ่งในแคนดิเดตของพรรค พท.คนอื่นๆ ไม่มีความรู้ความสามารถในเรื่องนี้ เราจึงเชื่อว่าการเมืองแบบเก่าได้ผ่านไปแล้ว ควรจะเป็นเรื่องเทคโนโลยีเข้ามาช่วย และคนอื่นๆ ที่มีประสบการณ์ด้านการเมืองจะช่วยสนับสนุนด้านอื่นได้

เพื่อไทย ชู ยศชนัน

นายยศชนัน กล่าวด้วยว่า ที่สำคัญที่สุดเมื่อได้ฟังภาพรวมของภาพรวมของนายยศชนัน ทั้งหมดเชื่อว่าทุกคนในห้องนี้ไม่มีใครปฏิเสธว่าวิสัยทัศน์ที่จะนำพาประเทศไทย หากได้เป็นนายกรัฐมนตรีเราเชื่อว่าเศรษฐกิจเติบโตได้อย่างแน่นอน ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศไทยคาดหวังไว้

เมื่อถามว่า ในฐานะหลานชายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมองว่านี่เป็นจุดแข็งหรือจุดอ่อนของแคมเปญของพรรค พท. อย่างไร นายยศชนัน กล่าวว่า จะมีหลายประเด็นที่เราต้องแก้ไข ก่อนอื่นเลย ตนคิดว่านี่จะเป็นข้อได้เปรียบสำหรับพรรคเรา เรามีวิสัยทัศน์เดียวเพื่อประชาชน ตนพยายามเสนอแนวคิดที่ว่า เราต้องพัฒนาเศรษฐกิจที่มีอยู่โดยการยกระดับเครื่องยนต์ที่มีอยู่ และเราต้องยกระดับเครื่องยนต์การเติบโตใหม่ ดังนั้น ตนคิดว่าด้วยผลประโยชน์ทั้งหมดที่พรรคหรือประชาชนสนับสนุน เราจะไม่มีปัญหาในการเดินหน้าต่อไป

เพื่อไทย ชู ยศชนัน

เมื่อถามถึง จุดยืนหรือนโยบายของพรรค พท.ต่อกรณีชายแดนฝั่งกัมพูชา นายยศชนัน กล่าวว่า ประเด็นเรื่องกัมพูชา ตนคิดว่ามันค่อนข้างตรงไปตรงมา อธิปไตยต้องเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และเราต้องปกป้องประชาชนของเรา นั่นคือสิทธิของเรา

เมื่อถามว่า เป้าหมายจำนวนสส.ของพรรค พท.ยังเป็น 200 คน อยู่หรือไม่ หลังจากที่มีหลายคนไปเปิดตัวกับพรรคการเมืองอื่นๆ นายสุริยะ กล่าวว่า การเปิดตัวของพรรคต่างๆ ทราบกันมานานแล้วว่าจะมีการย้าย ทั้งจากพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ย้ายไปสู่พรรคภูมิใจไทยและพรรคกล้าธรรม แต่ตนได้มีการดูสมการที่ไปรวมกันเป็นสส.ปัจจุบัน ที่ไปรวมกันที่พรรคภูมิใจไทย ประมาณ 130 คน ซึ่งทางพรรค พท.การเลือกตั้งที่ผ่านมาเราได้ 141 คน ตอนนี้อาจจะมีไหลออกไปประมาณ 10 กว่าคน แต่ตนเชื่อมั่นว่าที่ตนตั้งเป้าหมาย ว่า 200 คน ไม่ใช่เป็นการตั้งเป้าหมายที่ไม่มียุทธศาสตร์

เพื่อไทย ชู ยศชนัน

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ครั้งที่แล้วเราได้มา 141 คน ความจริงเราต้องได้ใกล้เคียง 200 คน แต่มีการทำโพลออกมาทุกคนมั่นใจ ตัวผู้สมัครสส.จึงหยุดทำงาน ไม่ได้ลงพื้นที่ตามที่ควรจะไปทำ เพราะประมาท และครั้งนี้เราเรียนรู้เรื่องการใช้โซเชียลมีเดีย ฉะนั้น ตนจึงมั่นใจว่าไปถึง 200 หรือบวกลบอย่างมากไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ แต่อย่างไรก็ตาม ก็จะมีการกำชับผู้สมัครให้ลงพื้นที่ให้เข้มข้นขึ้น ประกอบกับนโยบายที่ดีของพรรค พท. ที่จะไปชี้แจงกับประชาชนกับประชาชนในพื้นที่ ในขณะเดียวกันพรรค พท.เตรียมพร้อมบุคคลที่จะขึ้นปราศรัยเรียบร้อยแล้ว

เมื่อถามว่า มีการวิเคราะห์กันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะต้องสู้ ทั้งเรื่องอำนาจ กระสุน และกระแสชาตินิยม พรรค พท. ถือว่าเป็นงานหนักและกังวลเรื่องนี้หรือไม่หรือไม่ และเตรียมรับมือกับเรื่องดังกล่าวอย่างไร นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราต่อสู้กับภาวะการณ์ลำบาก พรรค พท.ผ่านการยุบพรรค 2 ครั้ง การปฏิวัติรัฐประหารมาอีก 2 ครั้ง หลังเหตุการณ์เหล่านั้นสถานการณ์พวกตนไม่ได้ดีกว่าวันนี้ แต่เราก็เดินหน้าต่อสู้อย่างเข้มแข็ง และคว้าชัยชนะได้ ครั้งนี้เป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่เรายืนกันอย่างเหนียวแน่น และพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้ง เพื่อนำไปสู่ชัยชนะ และย้ำว่าสิ่งที่จะทำให้พรรค พท.ชนะคือนโยบาย บุคคล และความตั้งใจของพวกเรา

เพื่อไทย ชู ยศชนัน

เมื่อถามว่า ระหว่างกระสุนกระแสและอำนาจรัฐ พรรค พท.กังวลเรื่องใดมากที่สุด และมองว่าเรื่องใดเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งในสถานการณ์ปัจจุบัน นายจุลพันธ์ กล่าวว่า หากถามว่าห่วงอะไรมากที่สุด เราห่วงทุกอย่าง แต่เราจะทำหน้าที่ให้เต็มที่ ไม่มีอะไรที่เราไม่ห่วง แต่สิ่งที่อุ่นใจเราประชาชน เพราะพรรค พท.หัวใจคือประชาชนมาตลอด เราเชื่อว่าประชาชนยังสนับสนุน อย่างเป็นแฟนคลับและพรรค พท. เป็น 10 ล้านคน ซึ่งพร้อมจะสนับสนุนไม่ว่าจะเจอสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้กระสุนหรืออำนาจรัฐ เชื่อว่าเราสามารถฝ่าด่านไปได้ ด้วยการทำความเข้าใจกับประชาชนและนำนโยบายที่ดีไปสู่ประชาชน

ด้านนายสุริยะ กล่าวเสริมว่า ในอดีตสส.ที่ย้ายออกจากพรรค พท. ก็สอบตกไปหลายคน ตนเชื่อว่าสิ่งที่ประชาชนยังจำได้คือนโยบายที่ทำแล้วประสบความสำเร็จ ภาพนั้นยังอยู่ในความทรงจำของประชาชน ดังนั้น ไม่ว่าเรื่องกระสุนหรือกระแส ตนเชื่อว่าท้ายที่สุดเราจะไปใกล้เคียงกับ 200 ที่นั่ง

เพื่อไทย ชู ยศชนัน

เมื่อถามถึง สถานการณ์สถานการณ์ชายแดนขณะนี้ ในฐานะที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พท.มีวิสัยทัศน์ในเรื่องนี้อย่างไร นายจุลพันธ์ กล่าวว่า จุดยืนของพรรค พท. คือการปกป้องอธิปไตย แต่สิ่งที่เราเห็นว่ากระบวนการที่รัฐบาลควรจะดำเนินการ คืออยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ การตอบโต้อย่างได้สัดส่วนเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่ารัฐบาลใดก็ตามที่จะมาปฎิบัติภารกิจต่อ ต้องระมัดระวังอย่างรอบคอบ รวมถึงการสื่อสารของรัฐต่อประชาชน และสื่อต่างประเทศ ใช้กลยุทธ์หรือยุทธวิธี โลกล้อมกัมพูชา เป็นเรื่องสำคัญ แต่ตอนนี้ถือว่าเป็นจุดอ่อน เพราะต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่าการสื่อสารของไทยต่อสื่อต่างชาติ

นายยศชนัน กล่าวต่อว่า หากติดตามจากสื่อต่างประเทศจะเห็นว่าข่าวที่ออก ไม่ได้เป็นผลดีกับประเทศไทย มีข่าวในลักษณะเราใช้การโจมตีทางอากาศ ซึ่งจุดนี้อาจจะเป็นปัญหากับประเทศไทยในระยะยาว พรรค พท.จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณาและปรับเปลี่ยนท่าที อีกเรื่องคือความปลอดภัยของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ พรรค พท.พร้อมให้การสนับสนุนเข้าไปดูแลประชาชนที่จะต้องอพยพ ให้มีความปลอดภัยและสามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้โดยเร็ว อย่างไรก็ตาม อยากให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ส่วนหน้า ที่ปฏิบัติภารกิจตามแนวชายแดน

เพื่อไทย ชู ยศชนัน

เพื่อไทย ชู ยศชนัน

เพื่อไทย ชู ยศชนัน

เพื่อไทย ชู ยศชนัน

เพื่อไทย ชู ยศชนัน

เพื่อไทย ชู ยศชนัน

เพื่อไทย ชู ยศชนัน

เพื่อไทย ชู ยศชนัน

เพื่อไทย ชู ยศชนัน

เพื่อไทย ชู ยศชนัน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top