นักวิชาการอิสระ ชี้ เลือกตั้งปีหน้า ภูมิใจไทย ยืน 1 เพราะ พรรคส้ม ทิ้งไพ่โง่ อยู่ในสภาวะ อ่อนแรง

นักวิชาการอิสระ ชี้ เลือกตั้งปีหน้า ภูมิใจไทย ยืน 1 เพราะ พรรคส้ม ทิ้งไพ่โง่ อยู่ในสภาวะ อ่อนแรง

วันพุธ ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 08.39 น.

วันนี้ 17 กันยายน พ.ศส. 2568 เอ็ดดี้ อัษฎางค์ นักวิชาการอิสระ ได้ออกมาเคลื่อนไหวบนโลกออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับประเด็นการเลือกตั้งในปีหน้าที่พรรคภูมิใจไทยจะสามารถกวาดที่นั่ง ส.ส. มาเป็นพรรคอันดับ 1 โดยให้เหตุผลทั้ง 9 ทำเอาชาวเน็ตหลายคนถึงกับคอมเมนต์แสดงความคิดเห็นลงมากันจไนวนมากและมีแนวโน้มเหมือนกันกับโพสต์ของ เอ็ดดี้ อัษฎางค์ 

เอ็ดดี้ อัษฎางค์ นักวิชาการอิสระ


“ผมเชื่อว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า มีความเป็นไปได้สูงที่ พรรคภูมิใจไทย จะก้าวขึ้นมาเป็นพรรคอันดับ 1

#อัษฎางค์ยมนาค | #อ่านเกมอำนาจ

ด้วยเหตุผลสนับสนุนหลักๆ ดังนี้

_______________________________________________

1. ยุทธศาสตร์ "บ้านใหญ่"

ปัจจัยที่แข็งแกร่งที่สุดของภูมิใจไทยไม่ใช่กระแสพรรค แต่คือ "ตัวบุคคล" ในระบบเขต ในช่วงที่ผ่านมา ภูมิใจไทยประสบความสำเร็จในการดึงตระกูลการเมืองหรือ "บ้านใหญ่" เข้าสังกัด การได้บ้านใหญ่ที่มีฐานเสียงแน่นหนาในมือจะการันตีจำนวน สส. เขตได้แม่นยำกว่ากระแสพรรค เดิมภูมิใจไทยแกร่งในอีสานใต้ แต่ปัจจุบันสามารถขยายอิทธิพลเข้าสู่ภาคกลางและเหนือตอนล่างผ่านเครือข่ายบ้านใหญ่เหล่านี้ ทำให้มีโอกาสกวาด สส. เขตได้เป็นกอบเป็นกำ

_______________________________________________

2. ความได้เปรียบจากการคุม "มหาดไทย" ยาวนาน

พรรคส้มทิ้งไพ่โง่ที่โหวตให้ภูมิใจไทยเป็นรัฐบาลแต่ตัวเองไม่ร่วมรัฐบาล  และการที่พรรคภูมิใจไทยครองเก้าอี้กระทรวงมหาดไทย มาอย่างยาวนานต่อเนื่องและปัจจุบันหัวหน้าพรรคคือนายกรัฐมนตรี ถือเป็นความได้เปรียบมหาศาล

การคุมกลไกมหาดไทยหมายถึงการเข้าถึงเครือข่าย ผู้ว่าฯ, นายอำเภอ, กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น

_______________________________________________

3. คู่แข่งสำคัญอยู่ในภาวะ "อ่อนแรง"

ในขณะที่ภูมิใจไทยกราฟพุ่งขึ้น คู่แข่งหลักกลับประสบปัญหา:

• พรรคเพื่อไทย: ฐานเสียงเดิมสั่นคลอนและไหลมาทางภูมิใจไทย

• พรรคประชาชน: แม้จะมีกระแสปาร์ตี้ลิสต์ดี แต่ในพื้นที่ชนบทและต่างจังหวัดยังเจาะฐานเสียงบ้านใหญ่ของภูมิใจไทยได้ยาก ประกอบกับถูกโดดเดี่ยวทางการเมือง ทำให้โอกาสตั้งรัฐบาลจริงมีน้อยกว่า

_______________________________________________

4. สถานะ "แกนนำขั้วอนุรักษ์นิยมใหม่"

ภูมิใจไทยได้สถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็น "พี่ใหญ่" ของฝั่งอนุรักษ์นิยมแทนที่พรรคพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติ ด้วยทรัพยากรที่พร้อมที่สุด พรรคภูมิใจไทยจึงกลายเป็น "พรรคหลัก" ที่กลุ่มทุนและชนชั้นนำฝั่งอนุรักษ์นิยมเลือกสนับสนุนเพื่อสู้กับพรรคประชาชน ทำให้มี "กระสุน" ดินดำในการเลือกตั้งมากกว่าพรรคอื่นอย่างชัดเจน

_______________________________________________

5. นโยบายประชานิยมและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

ในฐานะรัฐบาลรักษาการ นายกฯ อนุทินได้ผลักดันนโยบายที่เห็นผลเร็วในช่วง 4 เดือนก่อนเลือกตั้ง เช่น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ซึ่งดึงดูดใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งระดับรากหญ้าได้ดี โดยไม่ต้องเน้นอุดมการณ์ซับซ้อน

_______________________________________________

6. นโยบาย "คนละครึ่ง" (เวอร์ชันอัปเกรด)

นี่คือการหยิบ "ของดีที่คนชอบอยู่แล้ว" มาปัดฝุ่นใหม่

“คนละครึ่ง” ไม่ใช่นโยบายเศรษฐกิจ แต่คือ เครื่องมือสร้างฐานมวลชน คนไทยคุ้นเคยและชอบนโยบายนี้มากที่สุดในบรรดานโยบายแจกเงิน การที่ภูมิใจไทยนำกลับมาทำในชื่อ "คนละครึ่งพลัส" ยิ่งทำให้ได้ใจทั้ง "รากหญ้า" และ "มนุษย์เงินเดือน" ซึ่งเป็นฐานเสียงขนาดใหญ่ที่พรรคอื่นเจาะได้ยาก

_______________________________________________

7. รัฐมนตรีคนนอกระดับ "Dream Team"

ข้อนี้สำคัญที่สุดในการลบภาพลักษณ์เดิมของภูมิใจไทยที่เป็น "พรรคบ้านใหญ่/นักเลงภูธร" การดึง "ตัวท็อป" มานั่งเป็นรัฐมนตรี  ทำให้ได้คะแนนจาก "ชนชั้นกลางในเมือง" และ "นักลงทุน" ที่ปกติไม่เลือกภูมิใจไทย ทำให้พรรคก้าวข้ามความเป็นพรรคท้องถิ่นสู่พรรคระดับชาติได้อย่างสมบูรณ์

_______________________________________________

8. จุดยืนเรื่องพรมแดน

สถานการณ์ชายแดนที่่นายกฯ อนุทิน กล้าขัดใจอเมริกา ไม่ยอมหยุดยิงตามคำสั่งสหรัฐฯ ส่งผลต่อคะแนนนิยมมหาศาลด้วยเหตุผลทางจิตวิทยามวลชนและการเมือง เพราะเป็นการกู้คืน "ศักดิ์ศรีของชาติ" จากเดิมที่อาจถูกมองเป็นนักเจรจาประนีประนอม กลายเป็น "ผู้นำที่กระดูกสันหลังแข็ง“

_______________________________________________

9. สุดท้ายคือสิ่งที่คนส่วนใหญ่อาจคิดไม่ถึงนั่นคือ คำพูดของคุณอนุทินที่ว่า “ลุงตู่คือเจ้านายผม” และเลือกหยิบนโยบาย "คนละครึ่ง" ซึ่งเป็นผลงานชิ้นโบแดงที่แฟนคลับลุงตู่ภูมิใจที่สุด มาปัดฝุ่นทำต่อ ส่งผลดีอย่างมหาศาลต่อการดึงคะแนนเสียงจากฐานอนุรักษ์นิยม นี่คือการเดินเกมที่ชาญฉลาดมากในแง่ยุทธศาสตร์การเมืองที่เรียกว่า "การสืบทอดมรดกทางการเมืองโดยชอบธรรม"

การเป็น "บ้านหลังใหม่" ที่อบอุ่นในวันที่ พล.อ.ประยุทธ์ วางมือไปเป็นองคมนตรี กองเชียร์จำนวนมากเคว้งคว้างเพราะพรรครวมไทยสร้างชาติอาจไม่มีผู้นำที่บารมีเท่าเดิม การที่อนุทินแสดงตัวเป็น "ลูกน้องที่ดี" และมีจุดยืนปกป้องสถาบันฯ ชัดเจน ทำให้เขากลายเป็น ตัวเลือกอันดับ 1 ที่แฟนคลับลุงตู่จะยอมรับได้มากที่สุดได้ไม่ยากเย็น

_______________________________________________

สรุป

มีโอกาสสูงมากที่ภูมิใจไทยจะกวาด สส. มาเป็นพรรคอันดับ 1 เพราะเล่นเกมครบทุกหน้าและอุดช่องโหว่เดิมได้เกือบหมดจดครับ

_______________________________________________

วิเคราะห์จากมุมมองของคนที่เป็นติ่งภูมิใจไทย”

เอ็ดดี้ อัษฎางค์ นักวิชาการอิสระ

เอ็ดดี้ อัษฎางค์ นักวิชาการอิสระ

เอ็ดดี้ อัษฎางค์ นักวิชาการอิสระ

เอ็ดดี้ อัษฎางค์ นักวิชาการอิสระ

เอ็ดดี้ อัษฎางค์ นักวิชาการอิสระ

เอ็ดดี้ อัษฎางค์ นักวิชาการอิสระ

เอ็ดดี้ อัษฎางค์ นักวิชาการอิสระ

ขอขอบคุณภาพจาก เฟซบุ๊ก เอ็ดดี้ อัษฎางค์

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top