วันพุธ ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2568
"บวรศักดิ์"แจงเหตุผล! ส่งคำถามประชามติของ ครม.หวังช่วยรัฐสภา หลังพบสุ่มเสี่ยงขัดคำวินิจฉัยศาล รธน.และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพราะไม่ได้ใช้คำว่า"เห็นชอบ" พร้อมสอนมวย"สมชัย"เคยอ่าน กม.ประชามติ มาตรา11 วรรคท้ายหรือไม่ เหตุเปิดช่องให้เข้าคูหาน้อยกว่า 60 วันได้ ประหยัดงบแผ่นดิน 4 พันล้าน
เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายกฎหมายของรัฐบาล กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบคำถามประชามติคำถามแรกเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่งคำถามประชามติของรัฐสภา ตามมาตรา 9 (4) ที่ระบุว่า "ท่านเห็นด้วยหรือไม่ที่จะให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่" ตามมติที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.68 ส่งไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ว่า ครม.ได้อาศัย พ.ร.บ.ประชามติ และฉบับแก้ไข 2568 มาตรา 9 วรรคสอง (4) และมาตรา 11 วรรคท้าย สามารถกำหนดวันทำประชามติแม้ระยะเวลาไม่ถึง 60 วัน และทำพร้อมกับวันเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.69 ได้ และยังเห็นว่าช่วยประหยัดงบประมาณกว่า 4 พันล้านบาท ในกรณีหากต้องจัดแยกกับวันเลือกตั้ง รวมถึงยังช่วยประชาชนไม่ต้องไปใช้สิทธิ์ถึง 2 ครั้ง และหากไม่ไปครั้งใดครั้งหนึ่งก็จะถูกตัดสิทธิ์ในการเลือกตั้ง และยังช่วย กกต.ไม่ต้องจัดเลือกตั้งถึง 2 ครั้ง ที่เสียทรัพยากรต่างๆ อีกจำนวนมากด้วย
สำหรับสาเหตุที่ ครม.ส่งคำถามไปสองคำถาม คือของ ครม.ใช้ช่องทางกฎหมายประชามติ มาตรา 9 (2) และมาตรา 11 วรรคท้าย ที่ระบุว่า "ท่านเห็นชอบว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่" และส่งคำถามประชามติของรัฐสภา ตามมาตรา 9 (4) ที่ระบุว่า "ท่านเห็นด้วยหรือไม่ที่จะให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่" ตามมติที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568 เนื่องจากคำถามจากรัฐสภาอาจสุ่มเสี่ยงว่าไม่เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และไม่เป็นไปตามกฎหมายประชามติ ตามมาตรา 16 ที่ระบุว่า การแก้ไขหรือจัดทำรัฐธรรมนูญใช้คำว่า "เห็นชอบ" ไม่สามารถใช้คำว่า "เห็นด้วยหรือไม่" ตามข้อเสนอของรัฐสภาได้ ทั้งหากส่งคำถามของรัฐสภาเพียงอย่างเดียว และ กกต.ตีตก มีปัญหากันหมด และประชาชนก็จะเสียโอกาสในการทำประชามติการแก้ไขรัฐธรรมนูญพร้อมกับวันเลือกตั้ง
"ครม.จึงส่งคำถามเข้าไปประกบคำถามของรัฐสภา และยังสะท้อนให้เห็นถึงความจริงใจ และตั้งใจที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามที่ตกลงไว้ตามเอ็มโอเอกับพรรคประชาชน และสอดรับการการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาอีกด้วย" นายบวรศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.ตั้งข้อสังเกตว่าการทำประชามติพร้อมกันกับวันเลือกตั้งไม่สามารถทำได้ เพราะระยะเวลาไม่ถึง 60 วัน เพราะผิดกฎหมายประชามติ และอาจทำให้เป็นโมฆะ และ ครม.และ กกต.ต้องชดใช้เงินกว่า 3 พันล้านบาท นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า นายสมชัยเคยอ่านกฎหมายประชามติ มาตรา 11 วรรคท้าย ที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมปี 2568 หรือเปล่า ขณะที่เรื่องดังกล่าวนี้ตนก็หารือกับ กกต.ตั้งแต่พบกันเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.แล้วไม่มีปัญหาอะไร
นายบวรศักดิ์ ยังกล่าวถึงเรื่องการทำประชามติเพื่อยกเลิกเอ็มโอยู 2543 และ 2544 หรือไม่ ตนมีความเห็นเช่นเดียวกับกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิกเอ็มโอยู 2543 และเอ็มโอยู 2544 เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนไทย - กัมพูชา ที่มี นายนพดล อินนา สว.เป็นประธาน แต่เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าขัดกับรัฐธรรมนุญมาตรา 169 (1) เพราะรัฐบาลรักษาการไม่สามารถอนุมัติเรื่องที่มีผลผูกพันต่อ ครม.ชุดใหม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นเราก็ไม่ทำ เพราะถ้าทำแล้วเกิดความเสี่ยงว่าเป็นไปตามความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา ก็จะทำให้การลงประชามติเสียไปได้ แต่ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ผิดคำพูด และได้ทำตามนโยบายที่แถลงไว้แล้ว แต่ติดขัดตรงมีปัญหาต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 169 (1) ตามที่คณะการกฤษฎีกาให้ความเห็นมา
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี