กกต.ยันจัดหย่อนบัตร8ก.พ.69 ไม่สนศึก‘ไทย-เขมร’ เตรียมแผนพิเศษรับมือ

กกต.ยันจัดหย่อนบัตร8ก.พ.69 ไม่สนศึก‘ไทย-เขมร’ เตรียมแผนพิเศษรับมือ

วันพฤหัสบดี ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

กกต.ยันจัดหย่อนบัตร8ก.พ.69
ไม่สนศึก‘ไทย-เขมร’
เตรียมแผนพิเศษรับมือ
‘ภท.’ชู‘พูดแล้วทำPlus’
ประกาศปักธงสส.กทม.
ปาร์ตี้ลิสต์ปชป.ไร้‘บัญญัติ’

“เลขาธิการ กกต.”ย้ำชัดไม่มีเลื่อนวันเลือกตั้ง ถึงมีเหตุตูมตามยังเปิดคูหาได้ วางแผนรับสถานการณ์พิเศษไว้แล้ว พร้อมเข้มตรวจสอบ นโยบายหาเสียงพรรคการเมือง พร้อมทำประชามติวันเลือกตั้ง แต่รอรัฐบาลประกาศวันชัดเจน เตือน พรรค-ผู้สมัครหาเสียงแก้รัฐธรรมนูญได้ แต่ห้าม ชี้ควรเห็นชอบ- ไม่เห็นชอบ ส่วนเวทีประชามติห้ามหาเสียง ล้ำเส้นเสี่ยงผิดกฎหมาย ขณะที่“ปชป.” เปิดรายชื่อว่าที่ผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ รุ่นใหม่มาเต็ม คัมแบ๊กเพียบ ขาด “บัญญัติ-เทอดพงษ์” ด้าน“ภท.” เปิดสโลแกน “พูดแล้วทำ Plus” สานต่อนโนบายเต็มสูบ ฟุ้งมีผู้สนใจร่วมงาน-ลงสมัครสส.เพียบ เตรียมเปิดชื่อแคนดิเดตนายกฯ

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2568 นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงความชัดเจนกรณีเหตุสู้รบชาย แดนไทย-กัมพูชา ถ้าเกิดในช่วงเลือกตั้ง (เลือกตั้ง 8 ก.พ. 2569) ว่า สถานการณ์ชายแดนกระทบความเป็นอยู่ของผู้อพยพรวมทั้งผู้มีสิทธิเลือกตั้งและผู้ปฏิบัติงาน แต่อาจจะไม่กระทบกับการเลือกตั้งเลย เพราะเรามีวิธีบริหารจัดการเราคงอยากให้การเลือกตั้งเป็นไปตามกำหนดวัน ทั้งนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือของผู้มีสิทธิเลือกตั้งด้วยในการแก้ปัญหา ซึ่งเราอำนวยความสะดวกอยู่แล้วอาจจะไม่ลำบากอะไร ซึ่งต้องย้ำว่าหากเป็นเพียงสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดน เรามีแผนบริหารจัดการอยู่แล้ว แต่หากมีการประกาศกฎอัยการศึก และก็ต้องดูว่า ประกาศแบบไหน ดูสาระสำคัญของกฎอัยการศึก


กกต.ไม่เลื่อนเลือกตั้ง-รบกันยังจัดได้

เมื่อถามว่า หากถึงกำหนดวันเลือกตั้งแล้วเกิดสถานการณ์ตูมตามขึ้นยังประกาศเลื่อนเลือกตั้งได้หรือไม่ นายแสวงกล่าวว่า หากเราประกาศให้มีการเลือกตั้งนั่นแสดงว่า เราสามารถจัดการเลือกเลือกตั้งได้ ไม่ว่าวันนั้นจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่กระทบ เพราะเราบริหารงานในสถานการณ์ พิเศษ พื้นที่พิเศษ ดังนั้นแสดงว่า วันนั้นจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่กระทบ อย่างไรก็ตาม เราบริหารงานภายใต้ที่กฎหมายให้อำนาจจะทำน้อยกว่ากฎหมายไม่ได้ ส่วนจะสามารถจัดคูหาเลือกตั้งในศูนย์อพยพได้หรือไม่นั้น ยังตอบไม่ได้ ตอนนี้ยังต้องประเมินไปก่อน แต่เรามีทางออก แบบมีทั้งเพราะรูปแบบมีทั้งการเอาคนไปหาหน่วยและเอาหน่วยไปหาคน

เมื่อถามว่า การแข่งขันนโยบายตามประกาศใหม่ของ กกต.มีผลบังคับใช้เมื่อไหร่ นายแสวงกล่าวว่ามีผลประกาศตามราชกิจจานุเบกษาวันนี้ เป็นไปตามกระแสเรียกร้องจาก ประชาชนและสังคม ที่อยากให้กกต.ทำหน้าที่ตรวจสอบนโยบายพรรคการเมืองให้มากขึ้น ซึ่งเราจะไปเชิญหน่วยผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานที่เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ มาช่วยตรวจสอบส่วนกรณีผลตรวจสอบของนโยบายของแต่ละพรรคการเมืองนั้น จะทำได้หรือไม่ ตนยังไม่สามารถตอบได้ อย่างไรก็ตาม วิธีการทำงานจะยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก การประกาศนี้ยอมรับว่า กกต.ทำเกินที่กฎหมายกำหนดแต่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ซึ่งเป็นไปตามความต้องการของสังคม ส่วนพรรคการเมืองแต่ละพรรคจะสามารถส่งนโยบายให้กกต.ตรวจสอบ 20 วัน ก่อนวันเลือกตั้ง ได้หรือไม่นั้น ต้องไปถามความพร้อมพรรคการเมืองแต่ละพรรค

ยันพร้อมทำประชามติวันเลือกตั้ง

นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ยังกล่าวถึงการจัดทำประชามติ ว่า เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. รัฐบาลได้ส่งหนังสือเรื่องการขอให้กกต.จัดทำประชามติ มาถึงกกต.ตามมาตรา 15 ของพ.ร.บ.ประชามติ 2564 โดยมีรายละเอียด5 เรื่อง เช่น เหตุผลความจำเป็น สาระสำคัญของเรื่องที่จะทำประชามติงบประมาณ ตามกฎหมายกำหนดเพื่อให้กกต.เตรียมเอกสารที่จะส่งให้กับประชาชน ซึ่งยังถือว่ากระบวนการประชามติยังไม่เริ่ม 100% ต้องรออีก 15 วัน ที่กฎหมายกำหนดให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ประกาศวันออกเสียงประชามติ ซึ่งจะตรงกับวันเลือกตั้งที่ 8 ก.พ.หรือไม่ขึ้นอยู่กับรัฐบาล แต่โดยกฎหมายและการบริหารของกกต. สามารถทำประชามติในวันเดียวกันกับวันเลือกตั้งได้และกกต.ได้ให้ข้อมูลนี้กับรัฐบาลไปแล้วในวันที่มีการหารือร่วมกัน ดังนั้น กกต.พร้อม แต่อยู่ที่
รัฐบาลจะคิดอย่างไร ตอบแทนไม่ได้

ห้ามพรรคหาเสียงเรื่องแก้ไขรธน.

“จริงๆ ประเด็นหาเสียง เป็นการเสนอแนวทางและนโยบายว่าพรรคจะทำอะไร แต่เมื่อขึ้นเวทีประชามติเรื่องการแสดงความคิดเห็น เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เราต้องพูดเฉพาะเนื้อหา ไม่ใช่การหาเสียง ซึ่งมันต้องแยกกันให้ชัด และในข้อมูลที่ครม.ส่งมาตามมาตรา 15 ต้องไม่เป็นการชี้นำ ต้องเป็นกลาง ซึ่งการจัดเวทีแสดงความคิดเห็นกกต. ก็ต้องจัดให้ทัดเทียมกันทั้งฝ่ายเห็นด้วย แล้วไม่เห็นด้วย” 

เมื่อถามว่า ผู้สมัคร และพรรคการเมืองสามารถแสดงความคิดเห็นได้แต่ชี้นำว่าควรเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบไม่ได้ใช่หรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า การแสดงความคิดเห็นมันชี้นำอยู่แล้ว ซึ่งข้อมูลที่รัฐบาลส่งมา หรือที่สภาทำส่งมาให้ ข้อมูลนี้ชี้นำไม่ได้ เวลาที่ให้ข้อมูลกับประชาชนฝ่ายที่เห็นชอบก็จะให้ข้อมูลโน้มน้าวให้ประชาชนเห็นตามเขา ส่วนฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็จะต้องให้ข้อมูลโน้มน้าวไปอีกทางหนึ่ง ดังนั้น ในส่วนของประชามติจะมี 2 ส่วน คือ ส่วนของข้อมูลและส่วนของความคิดเห็น ซึ่งเป็นอย่างนี้ทั่วโลก

หาเสียงหนุนแก้รธน.หรือไม่-ทำไม่ได้

ส่วนการหาเสียงเลือกตั้งผู้สมัครพรรคการเมืองสามารถนำประเด็นประชามติไปหาเสียงได้ แต่ถ้าเป็นเวทีของการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการทำประชามติ ในหนังสือที่ครม.ส่งมาให้กกต.ระบุว่า ให้กสทช.ดูแลสื่อของรัฐและสื่อเอกชน จัดให้มีการแสดงความคิดเห็นอย่างเท่าเทียมกันสำนักงานฯก็จะทำความเข้าใจเรื่องนี้กับสื่อและประชาชนไปพร้อมกัน เมื่อถามว่า ในเวทีปราศรัยหาเสียงของพรรคสามารถบอกเลยได้หรือไม่ว่าประชาชนควรจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับประเด็นที่ประชามติ นายแสวง กล่าวว่า พรรคสามารถบอกได้ว่ามีนโยบายเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ เพราะเป็นการหาเสียง แต่ในเวทีประชามติคนที่พูดไม่ใช่พรรค หากอยากพูดก็ต้องไปลงทะเบียน เป็นฝ่ายเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ซึ่งมันใช้กฎหมายคนละฉบับ ดังนั้น การหาเสียงของพรรคจึงทำได้เพียงสามารถเสนอว่าพรรคมีนโยบายเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร แต่ไม่ใช่ไปบอกว่า จะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ เพราะถ้าทำเช่นนั้นมันจะเป็นเรื่องของการทำประชามติและในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว มีการเสนอนโยบายเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญมาหาเสียงซึ่งก็ไม่ผิดกฎหมาย ขึ้นอยู่กับประชาชนว่า จะเลือกหรือไม่เลือก แต่ถ้าไปตั้งเวทีรณรงค์ว่า เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เป็นเรื่องของกฎหมายประชามติ พรรคการเมืองจึงต้องระมัดระวังจะหาเสียงว่า จะแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่แก้รัฐธรรมนูญได้ แต่จะไปพูดว่าเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ เพราะมันดีอย่างนั้นอย่างนี้นั้นไม่ได้ และถ้าหากมีการล้ำเส้นก็จะมีโทษตามกฎหมาย

“ผู้สมัครและพรรคต้องระวังต้องคิดว่าขณะที่พูดๆ ในเวทีกรอบกฎหมายเลือกตั้งหรือในกรอบการทำประชามติ ถ้าพูดในกรอบประชามติต้องไปลงทะเบียน ว่าเป็นฝ่ายเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เนื่องจากมันมีเวทีให้แสดงความคิดเห็นอยู่ แต่ถ้าพูดในฐานะสส.มันเปิดกว้าง พูดอย่างไรก็ได้ แต่อย่าไปพูดว่าควรเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ มันจะข้ามไปกฎหมายการทำประชามติ”

เปิด2คำถามประชามติชงกกต.ตัดสินใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่องการออกเสียงประชามติครั้งที่หนึ่งเพื่อให้ความเห็นชอบการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยให้ส่งคำถามในการออกเสียงประชามติครั้งที่หนึ่งเพื่อให้ความเห็นชอบการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้งดังนี้ 1.1 “ท่านเห็นด้วยหรือไม่ที่จะให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่” ตามมติที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568

1.2 “ท่านเห็นชอบว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่” ตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ซึ่งเป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญฯ ทั้งนี้ ตามมาตรา 9 วรรคสอง (2) และ (4) และมาตรา 11 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียง ประชามติ พ.ศ.2564 และที่แก้ไขเพิ่มเติม 2.ขอให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรดำเนินการจัดทำข้อมูลตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 และที่แก้ไขเพิ่มเติมและส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง ก่อนวันประกาศให้มีการออกเสียงประชามติ ไม่น้อยกว่า 15 วัน ตามมาตรา 9 วรรคสอง (4) และมาตรา 11 ประกอบมาตรา 15 และมาตรา 14 วรรคสอง และวรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติ ดังกล่าวเพื่อให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเผยแพร่ข้อมูลให้ประชาชนทราบ (คำถามข้อ 1.1) เป็นการทั่วไป

‘ภท.’เปิดสโลแกน‘พูดแล้วทำPlus’

ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย อดีตสส.อุบลราชธานี ในฐานะโฆษกพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมของพรรคในการเลือกตั้ง ว่า การเลือกตั้งรอบนี้พรรคใช้สโลแกน พูดแล้วทำ Plus ซึ่งยังคงยืนหยัดในอุดมการณ์และจุดยืนเดิม การเป็นพรรคที่เมื่อพูดแล้วจะต้องทำ และทำให้สำเร็จ ส่วนคำว่า Plus เป็นการขยายความสิ่งที่พรรคได้พูดแล้วทำต่อไป เป็นการขยายแนวนโยบายทำให้พี่น้องประชาชนได้เห็นสิ่งที่พรรคทำสำเร็จมาแล้ว หรือสิ่งที่กำลังดำเนินการอยู่ในช่วงที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี 2 เดือนกว่าที่ผ่านมา เป็นการเตรียมเลือกตั้งตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศไว้ ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้สนใจเข้ามาร่วมเป็นสมาชิกพรรคและแจ้งความประสงค์จะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรคเป็นจำนวนมาก แม้จะมีบางส่วนถูกเรียกว่าเป็น บ้านใหญ่ แต่ยืนยันว่า มีผู้ที่สนใจจากทุกกลุ่ม และทุกกลุ่มอาชีพ การที่หลายฝ่ายมองว่าพรรคมีผู้ที่เป็นบ้านใหญ่เข้าร่วมนั้น แสดงให้เห็นว่าพรรคมีความพร้อม ทั้งการทำงาน การลงพื้นที่ต่างๆ ได้แสดงให้เห็นแล้วมีความพร้อมในการทำงานและการดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างไร

เตรียมเปิดชื่อแคนดิเดตนายกฯ

เมื่อถามถึงการเปิดตัวแคนดิเดต นายกรัฐมนตรี โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า จะได้ข้อสรุป และจะมีการเปิดตัวในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน การคัดเลือกแคนดิเดตนายกฯ ไม่จำกัดเฉพาะแคนดิเดตนายกฯ พรรคจะเลือกจากผลการทำงานและประสบการณ์
ในด้านต่างๆ โดยเปิดโอกาสให้ทุกท่านที่มีความสามารถในการทำงานในด้านต่างๆ สิ่งสำคัญที่สุด คือทุกคนต้องพร้อมทำงาน สำหรับแคนดิเดต 2คน ที่ถูกกล่าวถึงก่อนหน้านี้ก็ยังต้องรอการสรุปอีกครั้ง เมื่อถามถึงสถานการณ์การหาเสียง น.ส.แนน บุณย์ธิดา กล่าวว่ายอมรับว่าไม่กล้าที่จะระบุถึงจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งในภาคอีสานอย่างเฉพาะเจาะจง โดยเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นในช่วงเลือกตั้งนี้ ยอมรับว่ามีข้อจำกัดอยู่บ้างในการหาเสียง แต่ปัจจุบันการเข้าถึงประชาชนไม่ได้จำกัดอยู่แค่การติดป้ายหาเสียงแล้ว แต่สามารถเข้าถึงได้ผ่านสื่อออนไลน์ทุกอย่าง

ลั่นต้องปักธงในพื้นที่กทม.ให้ได้

น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าทีมดูแลการเลือกตั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พร้อม นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สมาชิกพรรคภูมิใจไทย แกนนำทีม กทม.พรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมของผู้สมัคร สส.กทม.โดย นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตอนนี้ทุกพรรคคงเตรียมความพร้อมแล้ว ซึ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เป็นพื้นที่ที่สำคัญสำหรับพรรคภูมิใจไทย ตนเข้าใจว่าในประวัติที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยไม่เคยมี สส.กทม.มาก่อน หากมีก็จะเป็นครั้งแรก ยอมรับว่างานครั้งนี้เป็นงานหิน แต่ตนไม่ขอพูดว่าพร้อม หรือมั่นใจแค่ไหน แต่ตนมาพร้อมกับความตั้งใจ และในการทำงานที่ผ่านมา ก็สู้ไม่ถอย สู้สุดซอย วันนี้ตนก็มีผู้สนับสนุน ไม่ได้ทำอยู่คนเดียว แต่ช่วยกันทั้งพรรค รวมทั้งแม่ทัพหญิงของตนคือ น.ส.ศุภมาส ที่เคยเป็น สส.กรุงเทพมหานคร มาก่อนในยุคของพรรคไทยรักไทย ก็หวังว่าจะได้นำประสบการณ์ และทีมงานที่ตนได้ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่พรรครวมไทยสร้างชาติ จึงจะทำให้ดีที่สุด

เมื่อถามว่า กดดันหรือไม่เพราะพรรคภูมิใจไทยไม่เคยได้ สส.กทม.ครั้งนี้จะได้เก้าอี้ สส.ในกรุงเทพมหานครหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า มันเป็นสไตล์ชีวิตของตนที่ไม่เคยเจอเรื่องง่ายในชีวิต และทั้งชีวิตก็อยู่กับการต่อสู้ ไม่เคยเจอโจทย์ง่าย จึงเป็นเหตุผลที่พรรคภูมิใจไทย เลือกตนให้มาลองรับผิดชอบดู ขอย้ำว่าเราพร้อมสู้ แต่ไม่ขอบอกว่าพร้อมขนาดไหน เพราะเป็นโจทย์ที่ทุกคนต้องเผชิญ มั่นใจว่าผู้สมัครของเราในวันนี้ มีสัญญาณที่ดีที่ได้มาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย แม้พรรคภูมิใจไทย จะไม่เคยมี สส.ใน กทม.เลย ครั้งนี้ก็เป็นการเข้ามาสมัคร มากที่สุดในประวัติศาสตร์ และทุกเขตมีมากกว่า 1 คน ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของตน และ น.ส.ศุภมาส ที่จะต้องทำหน้าที่คัดคนให้ดีที่สุด ซึ่งทุกคนมีความพร้อมที่จะสู้ไปด้วยกัน

‘ซาบีดา’ลงปาร์ตี้ลิสต์ภูมิใจไทย

ด้าน น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมว.วัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการลงสมัครเลือกตั้งครั้งนี้ว่า ต้องเรียนว่าตอนนี้เขตเลือกตั้งในจังหวัดอุทัยธานี เต็มหมดแล้ว ต้องลงระบบปาร์ตี้ลิสต์ ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินว่าการทำงานการเมืองที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง น.ส.ซาบีดา กล่าวว่า จากการที่ได้ทำงานเพื่อประชาชนมาเกือบหนึ่งปี รู้สึกว่ามีพลังที่จะทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน จึงคิดว่าเราน่าจะไปต่อได้ ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า นายชาดา ไทยเศรษฐ์อดีตสส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทยในฐานะบิดา ให้คำแนะนำอย่างไร ซึ่งน.ส.ซาบีดา กล่าวว่า เรียนตามตรงว่าคุณพ่อไม่ได้บอกอะไรเลย บอกแต่ว่าต้องมีผลงาน

‘สีหศักดิ์’ดอดเข้าภูมิใจไทยถ่ายรูป

นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ เดินทางเข้ามที่ทำการพรรคภูมิใจไทย โดยทันทีที่ผู้สื่อข่าวเห็นต่างเดินกรูกันเข้าไปสัมภาษณ์ถึงการเดินทางเข้าพรรคภูมิใจไทยครั้งนี้เพื่อมาถ่ายรูป จะลงสมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อหรือปาร์ตี้ลิสต์หรือไม่ โดยนายสีหศักดิ์ ตอบว่า ยังไม่ได้คิดตรงนั้น เมื่อถามว่าการเดินทางมาครั้งนี้ ทำให้หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าจะมาลงเล่นการเมืองหรือไม่ นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ตนยังไม่คิดในเรื่องการเมือง แต่ถ้าให้มาถ่ายรูป ตนก็มาถ่ายไปก่อน เมื่อถามต่อว่าถึงขั้นเป็นแคนดิเดตนายกฯเลยหรือไม่ นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า คงไม่มั้ง เพราะตอนนี้ตนเป็นรมว.การต่างประเทศอยู่ เมื่อถามต่อถึงกรณีที่ก่อนหน้านี้ทางนายกรัฐมนตรีบอกว่ามีแผนสำรองแล้วในเรื่องของแคนดิเดตนายกฯ นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เขาให้มาถ่ายรูปตนก็มาถ่ายรูป

‘อนุทิน’จับชูมือ-แต่ไม่ได้บอกอะไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่ นายสีหศักดิ์ ให้สัมภาษณ์นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เดินทางเข้ามาที่พรรคเพื่อประชุมว่าที่ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ทาบทาม นายสีหศักดิ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคด้วยหรือไม่ นายอนุทิน ไม่ตอบ แต่ได้จับมือ นายสีหศักดิ์ ชูขึ้น พร้อมจูงมือกลับเข้าพรรค ก่อนระบุว่า เดี๋ยวจะขึ้นไปคุยงานข้างบน ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า นายสีหศักดิ์ เป็นแผนสำรองที่นายกรัฐมนตรีเคยระบุไว้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ท่านสีหศักดิ์ เป็นสำรองใครได้ พร้อมบอกว่า ไม่มีแผนสำรอง มีแต่แผนหลักในช่วงท้ายผู้สื่อข่าวยังสอบถามอีกว่านายสีหศักดิ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ นายอนุทิน ไม่ได้ตอบเพียงแค่ยิ้มให้กับสื่อและขึ้นชั้นบนที่ทำการพรรคไปทันที

ปชป.เคาะ100ปาร์ตี้ลิสต์-ไร้‘บัญญัติ’

พรรคประชาธิปัตย์ โดยคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งสส. ประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสส.แบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 100 รายชื่อโดยยังไม่ได้เรียงลำดับ อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, นายชวน หลีกภัย, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, นายกรณ์ จาติกวณิช, นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์, นายอลงกรณ์ พลบุตร, นายองอาจ คล้ามไพบูลย์, พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์, รัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี, นางการดี เลียวไพโรจน์ และ นายสุรบถ หลีกภัย บุตรชายนายชวนด้วย เป็นต้น โดยมีอดีตสส.ระบบเขตจำนวนมาก ที่มาลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่ออาทิ นายชัยชนะ เดชเดโช นางกันตวรรณ ตันเถียร, นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ, นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย, นายสาคร เกี่ยวข้อง, นางรังสิมา รอดรัศมี, นายเจะอามิง โตะตาหยง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีชื่อ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ย้ายจากพรรครวมไทยสร้างชาติ มาลงสมัครด้วย

ส่วนรายชื่อที่ไม่ปรากฏที่น่าสนใจ อาทิ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน, นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ และนายวีระพงษ์ ประภา รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top