วันอาทิตย์ ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ฟาดนักการเมืองทุนสีเทา
‘มารค’รุกหนัก
อ้างชาวบ้านอยากล้างบาง
‘กล้าธรรม’ดูดไม่ยั้ง
ซิวงูเห่าเข้าพรรคอื้อ
“อภิสิทธิ์” ปลื้ม! คนไทยตอบรับ “ประเทศไทย จะไม่ทน” ล้นหลาม เผยเสียงสะท้อนอยากล้าง “นักการเมืองเทา-ทุนใหญ่” จี้ปฏิรูปการศึกษา-แก้ประชานิยม พร้อมชวนทำโพลใหญ่ เพื่อจัดทำนโยบายทางออกประเทศ ด้าน‘ธรรมนัส’เปิดตัว‘ไชยา’พร้อม 2งูเห่าเพื่อไทยย้ายซบ หลังดิวภูมิใจไทยไม่สำเร็จ กกต.ประกาศสถานที่รับสมัครเลือกตั้งสส.เขตเลือกตั้ง27-31 ธ.ค.ที่สถานที่รับสมัคร 76 จว.ส่วน กทม.สมัคร ที่ศูนย์กีฬาไทยญี่ปุ่น (ดินแดง )
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2568 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊ก เปิดเผยความคืบหน้าแคมเปญรณรงค์รับฟังความคิดเห็น“ประเทศไทยไม่ทน”หลังเปิดตัววันแรก พบว่า มีพี่น้องประชาชนร่วมส่งเสียงสะท้อนปัญหาหมักหมมของประเทศอย่างล้นหลาม เตรียมนำทุกข้อเสนอเข้าสู่การจัดทำนโยบาย พร้อมชวนคนไทยร่วมทำโพลสำรวจความคิดเห็นครั้งใหญ่
นายอภิสิทธิ์ระบุว่าจากการเปิดรับฟังความอัดอั้นตันใจของประชาชนว่า”ประเทศไทยไม่ควรทนกับอะไรอีกต่อไป” พบว่ามีคำตอบที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง โดยประเด็นที่ประชาชนให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆคือการปฏิรูปธรรมาภิบาลในภาครัฐ
อยากล้าง”นักการเมืองเทา-ทุนใหญ่”
โดยประชาชนสะท้อนว่าไม่ต้องการทนกับนักการเมืองที่รับใช้กลุ่มทุนมากกว่ารับใช้ประชาชน รวมถึงกลุ่มข้าราชการที่ทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญที่สร้างความเสียหายต่อส่วนรวม
เรื่องการปฏิรูปการศึกษามีเสียงสะท้อนว่าความล้มเหลวของการศึกษาไทยในปัจจุบัน คือต้นตอที่ไม่สามารถสร้าง “คนดีและคนเก่ง”ให้กับสังคมได้ ประชาชนรุ่นใหม่เสนอว่าไม่ต้องการนโยบายประชานิยมที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ยั่งยืนแต่อยากเห็นรัฐบาลมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพการแข่งขันของประเทศ และ “สร้างคนมากกว่าสร้างตึก”เสียงจากพี่น้องชาวหาดใหญ่ที่ย้ำชัดว่า”จะไม่ยอมทนกับปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก” อีกต่อไป
เตรียมนำทุกข้อเสนอสู่จัดทำนโยบาย
นายอภิสิทธิ์ ย้ำว่า ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงเสียงบ่น แต่คือ”ขุมทรัพย์ทางความคิด” ที่พรรคประชาธิปัตย์จะนำไปกลั่นกรองและร้อยเรียงเป็นนโยบายที่จับต้องได้ เพื่อเสนอเป็นทางออกให้กับประเทศในสัปดาห์หน้า
“ทุกความคิดเห็นคือประโยชน์ต่อบ้านเมืองครับพรรคประชาธิปัตย์จะนำเสียงของพวกท่านไปใช้ในการนำเสนอนโยบายที่จริงจังและเป็นมืออาชีพ เพื่อให้ประเทศไทยไม่ต้องทนกับปัญหาเดิมๆอีกต่อไป”นายอภิสิทธิ์ย้ำ
นอกจากนี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวเชิญชวนพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ร่วมแสดงพลังผ่านช่องทางออนไลน์ในวันที่ 20 ธันวาคม)โดยพรรคจะเปิด”โพลสำรวจความคิดเห็นครั้งใหญ่”ตลอดทั้งวันเพื่อรวบรวมสถิติและลำดับความสำคัญของปัญหาที่คนไทยอยากให้แก้ไขเร่งด่วนที่สุด เพื่อนำไปสู่การแถลงแผนปฏิบัติการล้างปัญหาประเทศในวันจันทร์ที่จะถึงนี้
ปชป.โว‘ประเทศไทยไม่ทน’ล้นหลาม
นายพงศกร ขวัญเมือง โฆษกพรรคปชป.กล่าวว่า จากดิจิทัลแคมเปญ“ประเทศไทยไม่ทน”ที่ได้เปิดตัวไว้ พบว่ามีประชาชนร่วมส่งเสียงสะท้อนปัญหาที่อัดอั้นมานานอย่างล้นหลามซึ่งทุกความคิดเห็นเป็นดั่งขุมทรัพย์ทางความคิดเพื่อจัดทำนโยบายทางออกของประเทศจากการติดตามเสียงสะท้อนจากแคมเปญดังกล่าวอย่างใกล้ชิดโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคพบว่าประเด็นที่ประชาชนไม่ต้องการ“ทน”อีกต่อไปมีความชัดเจนและเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปเชิงโครงสร้างอย่างยิ่งจึงเป็นที่มาของโพลที่เพจพรรคประชาธิปัตย์ได้จัดทำขึ้น
“โพลที่เพจพรรคได้จัดทำนั้นมีหัวข้อที่น่าสนใ อาทิไม่ทนโจรในเครื่องแบบ ไม่ทนการศึกษาล้าหลัง ไม่ทนอดอยากหลังเกษียณ ไม่ทนปัญหาภัยพิบัติซ้ำซาก เป็นต้นจึงอยากเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนร่วมกันโหวตได้ที่ https://www.facebook.com/share/p/1BnXG2hRnu/อึดอัดปัญหาอะไรบอกมาให้รู้ทั่วกันร่วมกันโหวตเสียงดัง #ประเทศไทยไม่ทน”นายพงศกร กล่าว
‘พท.‘ต้อนรับ‘เทวัญ‘นำทีมโคราช
เวลา 11.00 น.ที่พรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้การต้อนรับ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนาและคณะประกอบด้วยว่าที่ผู้สมัครสส.นครราชสีมา เขต 1 นายประเสริฐ บุญชัยสุข อดีตรมว.อุตสาหกรรม และ อดีตนายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา เขต 2 นายวัชรพล โตมรศักดิ์ อดีตสส.หลายสมัย ขวัญใจชาวโคราชและอดีตกรรมการผู้ช่วย รมว.สาธารณสุข เขต 3 นายสมบัติ กาญจนวัฒนา อดีตสมาชิกสภาจังหวัด อดีตประธานสภา และอดีตนักการเมืองท้องถิ่นหลายสมัย ขณะที่นายเทวัญจะลงรับสมัครแบบสส.บัญชีรายชื่อ
โดยนายชูศักดิ์ กล่าวว่าวันนี้พรรคเพื่อไทยขอแถลงข่าวในเรื่องการสมัครรับเลือกตั้ง สส.ในวันที่ 8 ก.พ.69 ซึ่งวันนี้ขอต้อนรับนายเทวัญและคณะโดยทราบจากการแถลงของประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนาว่าได้มีมติจะไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคชาติพัฒนาและให้สิทธิ์สมาชิกพรรคในการใช้ดุลยพินิจสมัครรับเลือกตั้งในพรรคการเมืองต่างๆ และเป็นที่ทราบกันต่อมาว่านายเทวัญและคณะได้ตัดสินใจลาออกจากพรรคชาติพัฒนา และประสงค์จะมาสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคเพื่อไทย
“ในนามพรรคเพื่อไทยขอต้อนรับนายเทวัญและคณะผู้สมัครทั้ง3คน ยินดีต้อนรับมาสู่พรรคเพื่อไทย ช่วยกันรณรงค์ในการหาเสียงเลือกตั้งเพื่อนำชัยชนะมาสู่พรรคเพื่อไทย”นายชูศักดิ์ กล่าว
มั่นใจเสริมทัพผนึกกำลังคว้าชัย
ด้านนายประเสริฐ กล่าวว่าในฐานะเป็นเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ขอต้อนรับนายเทวัญและคณะที่จะได้ขับเคลื่อนเรื่องต่างๆในหลายเรื่อง ร่วมกับพรรคเพื่อไทยมีการเข้ามาทำงานให้กับชาติบ้านเมืองต่อไป ในการเลือกตั้ง เดิมในจังหวัดนครราชสีมามีสส. 16 คน สส.พรรคเพื่อไทย 12 คน ครั้งนี้เรามีความมั่นใจว่าทั้ง 3 คน เป็นบุคคลที่มีศักยภาพและทำการเมืองอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา
“ในวันที่ 8 ก.พ. ที่จะถึงนี้เป็นวันเลือกตั้ง สส.ทั่วประเทศ ขณะนี้พรรคเพื่อไทยได้มีการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งเรียบร้อยแล้วโดยจะมีการส่งผู้สมัครครบทั้ง 400 เขต และจะมีการเปิดผู้สมัครรับเลือกตั้งในวันที่ 25 ธ.ค.เวลา 11.00 น. จึงขอให้ติดตามการเปิดตัวผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยครบทุกเขตเลือกตั้ง”นายประเสริฐ ย้ำ
มั่นใจกวาดทั้ง3เขตนครราชสีมา
นายเทวัญ กล่าวถึงตัดสินใจในขณะที่กระเเสของพรรคเพื่อไทยกำลังตกว่าตนได้หารือ หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ที่ถือเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในเมืองโคราช ซึ่งหากจากชาติพัฒนามีฐานที่โคราชอยู่แล้ว โดยเฉพาะเขต 1-3 หากเราได้มีโอกาสร่วมงานกับทางพรรคเพื่อไทย น่าจะเกิดกับประโยชน์กับชาวโคราช ซึ่งโคราชมี สส. 16 คน เป็นรองจากกรุงเทพมหานคร ถือเป็นจังหวัดใหญ่และเป็นประตูสู่อีสาน มีพร้อมทุกอย่าง หากจะรวมสส.เป็นปึกแผ่นได้ก็จะเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนชาวโคราชเป็นอย่างยิ่ง ขอขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่ให้เกียรติ ซึ่งมั่นใจทั้ง 3 เขตของนครราชสีมา จะได้รับความไว้วางใจจากประชาชน การเข้ามาเสริมทีมได้ก็จะเป็นโอกาสที่ดีให้จังหวัดนครราชสีมาจะได้เป็นปึกแผ่น
กธ.เปิดตัว‘ไชยา’พร้อม2งูเห่าพท.ซบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ อดีตสส.ศรีสะเกษ เขต 4 นาง นุชนาถ จารุวงษ์เสถียร อดีตสส.ศรีสะเกษ เขต 9 พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา ก่อนเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย และล่าสุดได้โบกมือลาพรรคภูมิใจไทย หันมาย้ายซบ พรรคกล้าธรรม(กธ.)หลังข้อตกลงเป็นหมันถูกผลักให้ขึ้นปาร์ตี้ลิสต์
ที่พรรคกล้าธรรม นำโดยร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าทำ แถลงเปิดตัวสมาชิกพรรคใหม่ ประกอบด้วย นายไชยา พรหมา อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร อดีตส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ อดีต สส.ศรีสะเกษ เขต 4 พรรคเพื่อไทย นางนุชนาถ จารุวงษ์เสถียร อดีต สส.ศรีสะเกษ เขต 9 พรรคเพื่อไทย รวมถึง นายศักดา คงเพชร อดีต สส.ร้อยเอ็ด นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร อดีต สส.นครนายก และลูกชาย คือ นายปิยวัฒน์ กิตติธเนศวร และคุณากร มั่นนทีรัย อดีต สส.นนทบุรี พรรคประชาชน
ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่าวันนี้ทั้ง7คน จะมาร่วมอุดมการณ์กับพรรคกล้าธรรม เป็นนักการเมืองที่มีคุณภาพ พร้อมขอต้อนรับเข้าสู่ครอบครัวกล้าธรรม ส่วนจะคว้าชัยการเลือกตั้งครั้งนี้ได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสระบุว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่คือคนที่ทำงาน ติดดินอยู่กับชาวบ้าน ตนก็มีความต้องการคนแบบนี้ รับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่แล้วนำมาแก้ไขปัญหา
เลขาฯปชน.มั่นใจกวาด33เขตกทม.
ด้านนายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน กล่าวถึงความมั่นใจในกระแสของพรรคประชาชนจะได้รับการเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครหรือไม่ ว่า ตนมั่นใจว่าจะสามารถรักษาพื้นที่ กทม.ได้เป็นอันดับ 1 จากการดูข้อมูลต่างๆ ความนิยมของพรรคประชาชนใน กทม. ก็ยังเป็นอันดับ 1 อยู่ รวมถึงกระบวนการคัดสรรผู้สมัครที่ผ่านมา ทั้งคนใหม่และคนเดิมก็ยังทำงานอย่างมุ่งมั่นได้รับการยอมรับจากประชาชน ซึ่งยังมั่นใจในทั้ง 33 เขตที่น่าจะได้ทั้งหมดในรอบนี้
รับผลโพลพรรคลดลงเหตุหนุน‘หนู’
ส่วนผลโพลที่ความนิยมของพรรคประชาชน ลดลงจากการยกมือให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯ รวมถึงไม่มีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มาช่วยดึงดูดคะแนน พรรคประชาชนจะทำอย่างไร นายศรายุทธิ์ กล่าวว่าจากผลโพลที่ลดลงหลายคนกังวลว่าจะทำให้เราพ่ายแพ้หรือไม่ แต่ถ้าสังเกตให้ดีคะแนนที่ลดลงไม่ได้ไปอยู่ฝั่งไหน ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มที่ยังไม่ตัดสินใจ หมายความว่าในช่วงระยะเวลาที่เหลือประมาณ 50 วัน เราสามารถรณรงค์ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนได้ และเชื่อว่าประชาชนจะกลับมาให้การยอมรับและความเชื่อมั่นตัดสินใจเลือกพรรคประชาชนของเรา
เชื่อเวลาที่เหลือสามารถแจงปชช.ได้
ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่มีการปะทะกันอยู่ ในขณะที่พรรคประชาชนในอดีตเคยรณรงค์ว่าทหารมีไว้ทำไม แล้วถูกนำมาโจมตีในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะทำอย่างไร นายศรายุทธิ์ ยอมรับว่าที่ผ่านมาเราถูกโจมตีเรื่องนี้จากหลายทาง เรายังไม่สามารถชี้แจงให้กับประชาชนเข้าใจได้ทั้งหมด ช่วงเวลาอีกประมาณ 50 วันประชาชนจะตื่นตัว จะรับฟังข้อมูลจากทุกฝ่าย เป็นโอกาสดีที่จะทำความเข้าใจกับประชาชนได้ และยังเชื่อคะแนนของพรรค แม้ผลโพลจะลดลงเพราะคะแนนไปกองอยู่ที่คนยังไม่ตัดสินใจ
กกต.ประกาศสถานที่รับสมัคร.
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เผยแพร่ว่า ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ประกาศกําหนดให้วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 เป็นวันเลือกตั้ง และกําหนดให้วันที่ 27–31 ธันวาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 08.30 - 16.30 น. เป็นวันรับสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง สถานที่ที่ผู้อํานวยการการเลือกตั้งประจําเขตเลือกตั้งกําหนด สํานักงาน กกต.ขอประชาสัมพันธ์ ประกาศ ผู้อํานวยการการเลือกตั้งประจําเขตเลือกต้ัง เรื่อง กําหนดสถานที่รับสมัครรับเลือกตั้งสส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จํานวน 76 จังหวัดและกรุงเทพมหานคร
ผู้ใดประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้ง ให้นําหลักฐานเอกสารที่ใช้ในการสมัครรับเลือกตั้งมายื่นด้วยตนเองต่อผู้อํานวยการการเลือกตั้งประจําเขตเลือกตั้งภายในระยะเวลาการรับสมัครรับเลือกตั้งเช่น กรุงเทพมหานครทั้ง 33 เขต สมัคร ที่ศูนย์กีฬาเยาวชนกรุงเทพมหานคร ไทยญี่ปุ่น (ดินแดง )
ทั้งนี้ ผู้สมัครรับเลือกตั้งสามารถขอรับใบสมัครหรือ สอบถามข้อมูลคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ได้ที่สํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจําจังหวัดทุกแห่ง
แจ้งออกระเบียบผู้สมัครสส.เขต
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประชาสัมพันธ์ ว่า ด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ออกระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2568 และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป (รายละเอียดปรากฏตามเอกสารแนบ)
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งทราบว่า ได้มีการแก้ไขข้อความหมายเหตุด้านล่างของแบบ ส.ส. 4/6(แบบเอกสารสรุปย่อประวัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ .......จังหวัด .........) จากให้บันทึกข้อมูลแบบสรุปย่อประวัติฯนี้ ลงในแผ่น CD จำนวน 1 แผ่น แก้ไขเป็น ให้บันทึกข้อมูลแบบสรุปย่อประวัติฯนี้ ลงใน Flash Drive หรืออุปกรณ์บันทึกข้อมูลรูปแบบอื่นใดที่มีพอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จึงขอเชิญชวนผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ได้ทางเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th
“ยศชนัน” เปิดวง YPP Dialogue
ที่พรรคเพื่อไทย PTP Academy จัดกิจกรรม YPP Dialogue ครั้งที่ 3 ภายใต้หัวข้อ “นโยบายความมั่นคง และนโยบายการพัฒนากำลังคน” เปิดพื้นที่ให้สมาชิก YPP Club รุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง ประสบการณ์ และข้อเสนอเชิงนโยบายอย่างเข้มข้น โดยช่วงแรกของกิจกรรมเป็นการพูดคุยด้าน นโยบายความมั่นคง โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรองนายกฯ และรมว.มหาดไทย กล่าวต้อนรับ พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์เบื้องหลังการทำงานด้านความมั่นคง ภาพรวมสถานการณ์ ปัญหาและความท้าทายในการขับเคลื่อนนโยบายความมั่นคงในฉบับพรรคเพื่อไทย
ช่วงที่สองเป็นการพูดคุยด้านนโยบายการพัฒนากำลังคน โดยนายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา โอกาสและความท้าทายของประเทศไทยในการพัฒนาศักยภาพคน รวมถึงทิศทางและแผนการพัฒนากำลังคนในฉบับพรรคเพื่อไทย โดยนายยศชนัน ได้ถ่ายทอดวิสัยทัศน์ที่เชื่อมโยงระหว่าง “การศึกษา-อุตสาหกรรม-เศรษฐกิจ” ย้ำว่าประเทศไทยในปัจจุบันเผชิญกับปัญหาที่ซับซ้อนเกินกว่าจะแก้ด้วยมิติเดียว ทั้งเรื่องค่าเงิน เทคโนโลยีดิสรัปชัน และกติกาโลกใหม่ด้านสิ่งแวดล้อมที่กำลังเปลี่ยนบทบาทของกระทรวงอุดมศึกษาฯ เป็นกระทรวงเศรษฐกิจอย่างเต็มตัว การพัฒนากำลังคนจึงต้องเปลี่ยนจากเพียงแค่การเรียนการสอน ไปสู่การสร้างระบบนิเวศแห่งนวัตกรรม (Innovation Ecosystem) อย่างแท้จริง
ต้องกล้าคิดกล้าทำแบบยักษ์
นายยศชนัน กล่าวว่า วันนี้เราต้องกล้าคิดใหม่แบบยักษ์ เป้าหมายของเราต้องชัดเจนคือการพาประเทศไทยไปสู่ประเทศรายได้สูง โดยใช้กระบวนการ Backward Design ย้อนกลับมาดูว่าอุตสาหกรรมเป้าหมายต้องการคนแบบไหน ปริมาณเท่าไหร่ แล้วจึงออกแบบบทบาทของสถาบันอาชีวะศึกษาและมหาวิทยาลัยให้ตอบโจทย์นั้น เราต้องเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิจัยให้กล้าที่จะล้มเหลวได้อย่างสุจริต สร้างระบบที่เอื้อให้นักวิจัยทำโครงการที่มีความเสี่ยงเชิงสร้างสรรค์ได้โดยไม่ถูกลงโทษด้วยระบบงบประมาณแบบเดิม ความรู้จะกลายเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการพาคนไทยหลุดพ้นจากกับดักความยากจน และเปิดโอกาสให้ทุกคนก้าวสู่ตำแหน่งสูงสุดของสังคมได้ไม่ว่าเขาจะเกิดที่ไหนก็ตาม
นายยศชนัน กล่าวต่อว่า สำหรับการยกระดับมหาวิทยาลัยและอาชีวศึกษา เสนอให้ปรับเปลี่ยนโมเดลการเรียนรู้ให้เป็นแบบทุกช่วงวัยผ่านระบบธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank) ที่มีความยืดหยุ่น สามารถสะสมและโอนย้ายหน่วยกิตได้ตามมาตรฐานสากล เพื่อให้ Talent ไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก โดยมุ่งเน้นอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ Semiconductor, Data Center, เทคโนโลยีชีวภาพและการแพทย์ (BioTech/Medical), ยานยนต์ไฟฟ้าและการซ่อมบำรุงทางน้ำ (EV/Marine) และเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ (ESG/Low Carbon) ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องอาศัยฐานข้อมูลที่เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ
นายยศชนัน กล่าวว่า ในส่วนของปัญหาเชิงระบบของการวิจัยในปัจจุบัน เสนอแนวทางปรับปรุงระบบทุนวิจัยให้เป็นแบบ “Rule-based Automation” เพื่อลดความล่าช้าและขั้นตอนเอกสารที่ซับซ้อน โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาจัดการงวดงานและเงื่อนไขการเบิกจ่ายให้รวดเร็วขึ้น พร้อมทั้งผลักดันการจัดทำ “Patent Landscape” หรือศูนย์ข้อมูลทรัพย์สินทางปัญญาระดับประเทศ เพื่อให้นักวิจัยและภาคเอกชนไทยมองเห็นช่องว่างในการแข่งขัน และสามารถจดสิทธิบัตรในระดับสากลได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีการเสนอมาตรการดึงดูดและรักษาบุคลากรทักษะสูง (Talent Magnet) ทั้งไทยและต่างประเทศ ผ่านรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น เช่น การให้ Talent ที่อยู่ต่างประเทศสามารถร่วมเป็นโค้ชหรือเมนเทอร์ในโครงการสำคัญของไทยได้ รวมถึงการพัฒนา “ครูแนะแนวดิจิทัล” (Personalized Guidance) ที่ใช้ฐานข้อมูลอาชีพและเส้นทางสกิล (Skill Path) มาช่วยให้เด็กและเยาวชนมองเห็นขั้นตอนที่ชัดเจนในการก้าวไปสู่งานเป้าหมายในอนาคต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี