‘อนุทิน’ลั่นยึดพื้นที่เป้าหมายได้เกือบหมด  ประเทศที่3อย่ายุ่ง  กราบ2วีรบุรุษเนิน350

‘อนุทิน’ลั่นยึดพื้นที่เป้าหมายได้เกือบหมด ประเทศที่3อย่ายุ่ง กราบ2วีรบุรุษเนิน350

วันจันทร์ ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

‘อนุทิน’ลั่นยึดพื้นที่เป้าหมายได้เกือบหมด

ประเทศที่3อย่ายุ่ง

กราบ2วีรบุรุษเนิน350

ทร.เดือดนาวิกฯเสียขาที่8

เขมรลอบกัดวางทุ่นระเบิด

‘สระแก้ว’4อภ.อพยพด่วน

“นายกฯ” กราบ 2 ทหารกล้า “จ่าเริง-พลฯภาณุพัฒน์” ด้วยสำนึกคารวะต่อบุญคุณปกป้องรักษาแผ่นดินลั่นทหารไทยยึดพื้นที่เป้าหมายได้เกือบหมดแล้ว ยันขอปูนบำเหน็จบำนาญดูแลสวัสดิการเต็มที่ แจงยังไม่ให้ประเทศที่3เข้ามาเป็นคนกลาง มอบกต.แจงวงถกรมต.อาเซียนจันทร์นี้ ลั่นไทยไม่เคยรุกรานหรือละเมิดใครก่อน ด้านทภ.2เผยผลตรวจยึดวัตถุระเบิดแสวงเครื่องในพื้นที่ทหารพบดัดแปลงจากทุ่น TM-57 ชี้ชัด เป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของกำลังพลไทยทภ.1ลั่นชายแดนรบเดือดผ่านมา 14 วัน ทหารเดินหน้าสู้เพื่อแผ่นดินไทย ส่วนแนวรบด้านตะวันออก ทหารช่างนาวิกโยธินเหยียบทุ่นระเบิดบ้านหนองรีเจ็บ 1 นาย ข้อเท้าขาด ทัพเรือ’เดือดประณามเขมรละเมิดสนธิสัญญาออตตาวา ลอบกัดวางPMN-2 ทำนาวิกฯเหยียบขาขาด

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 21 ธันวาคม ที่โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน จังหวัดสุรินทร์นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานพิธีส่งศพทหารกล้า จ.ส.อ.สำเริง คลังประโคน และพลทหารภานุพัฒน์ เสาร์สา นักรบสมรภูมิเนิน 350


นายกฯกราบ2ทหารกล้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศภายในพิธีเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเศร้าของครอบครัวทหารกล้าทั้งสองครอบครัว รวมทั้งมีประชาชนชาวจังหวัดสุรินทร์ ยืนเข้าแถวโบกธงชาติไทยบริเวณถนนทางออกของโรงพยาบาลฯ เพื่อร่วมส่งทหารกล้าทั้งสองนาย กลับภูมิลำเนาเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา

จากนั้นเวลา 11.05 น.นายอนุทิน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า กราบทหารกล้าด้วยสำนึกคารวะต่อบุญคุณที่ท่านได้ปกป้องรักษาแผ่นดินให้เรา

ไทยยึดพื้นที่เป้าหมายได้เกือบหมดแล้ว

จากนั้นนายอนุทินให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์สู้รบชายแดนว่า ในด้านการทหาร กองทัพไทยทั้งสามเหล่าทัพ ได้ยึดพื้นที่เป้าหมายเกือบทั้งหมด และผลักดันฝ่ายตรงข้ามถอนกำลังออกจากพื้นที่ เฝ้าระวังอย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้เกิดการปะทะรุนแรงเพิ่มเติม ยืนยันจุดยืนของประเทศไทยว่า ไม่เคยเป็นฝ่ายรุกรานหรือคุกคามประเทศเพื่อนบ้าน และไม่ได้ละเมิดข้อตกลงหรือปฏิญญาใดๆ การดำเนินการทั้งหมดเป็นไปเพื่อสถาปนาอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศ หากต้องการยุติการปะทะ ต้องหยุดยิง หยุดคุกคาม และหยุดการรุกราน รวมถึงการใช้โดรนในพื้นที่ชายแดน

นายกฯกล่าวต่อว่า รัฐบาลขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของทหารที่เสียชีวิต และยืนยันว่าจะดูแลสิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่ ทั้งบำเหน็จ ปูนบำเหน็จ และเงินชดเชยตามระเบียบที่กำหนดไว้ พร้อมย้ำว่าการสูญเสียครั้งนี้ไม่ควรถูกมองเป็นเพียงตัวเลข แต่คือชีวิตของผู้ที่อุทิศตนเพื่อชาติ และขอให้การเสียสละของทหารกล้า 2 นาย เป็น 2 ชีวิตสุดท้าย
ยังไม่ให้ปท.ที่3ยุ่ง-ย้ำเรื่องของ2ปท.

สำหรับประเด็นการเจรจา นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ยังไม่มีการให้ประเทศใดเข้ามาเป็นคนกลาง เนื่องจากเป็นเรื่องระหว่างไทยกับกัมพูชาโดยตรง ส่วนการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการอพยพ จะพิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่เป็นธรรม ครอบคลุมทุกครอบครัว ทั้งนี้ย้ำว่าแม้อยู่ในช่วงใกล้การเลือกตั้ง แต่รัฐบาลยังคงมีอำนาจเต็มในการบริหารราชการแผ่นดิน ดูแลประชาชน และป้องกันประเทศ ครอบครัวของทหารที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ จะได้รับการดูแลทั้งในเรื่องบำเหน็จ ปูนบำเหน็จ และเงินชดเชยตามระเบียบที่กำหนด

นายกฯยังกล่าวถึงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนในจันทร์ที่ 22 ธันวาคมว่า ที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศนำเสนอนโยบายและจุดยืนของประเทศไทยอย่างชัดเจน โดยยืนยันว่าไทยไม่ได้เป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงหรือรุกรานประเทศเพื่อนบ้าน การดำเนินการทั้งหมดเป็นไปเพื่อปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ พร้อมย้ำว่า ประเทศไทยยืนอยู่บนหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และต้องการยุติความสูญเสีย โดยไม่ให้สถานการณ์บานปลายไปมากกว่านี้

ทำระเบิดแสวงเครื่องชัดภัยคุกคาม

ด้านกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยรายละเอียดการตรวจยึดวัตถุระเบิดแสวงเครื่องจากพื้นที่ทางทหารซึ่งอยู่ในความควบคุมของฝ่ายกัมพูชา หลังพบการรุกล้ำเข้ามาตั้งฐานปฏิบัติการทางทหารและใช้เป็นพื้นที่เก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ จากการตรวจสอบ พบวัตถุระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบขึ้นเอง โดยใช้ทุ่นระเบิดต่อสู้รถถังแบบ TM-57 ร่วมกับดินระเบิดคอมโพซิชั่นC-4 หรือสารระเบิดแรงสูง เชื้อปะทุไฟฟ้า สายไฟ เศษโลหะ และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทุ่น TM-57 ถูกนำมาดัดแปลงให้กลายเป็นอาวุธแสวงเครื่อง เพื่อใช้เป็นระเบิดบังคับทิศทาง หรืออาจเป็นระบบสั่งระเบิดจากระยะไกล

กองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า จากการวิเคราะห์พบข้อสังเกตสำคัญ 3 ประการ ได้แก่1.การใช้อุปกรณ์ทางทหารมาตรฐานและนำมาดัดแปลงเป็นระเบิดแสวงเครื่อง2.มีองค์ประกอบที่บ่งชี้ถึงความตั้งใจให้เกิดแรงระเบิดรุนแรง3.ระบบจุดระเบิดอาจเป็นแบบควบคุมได้ หรือถูกจัดวางเป็นกับดัก

“การกระทำดังกล่าวมีลักษณะเป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของกำลังพลไทย และอาจก่อให้เกิดความสูญเสียแก่ผู้ที่เข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว”กองทัพภาคที่2ระบุ

รบเดือด14วันทภ.1กร้าวสู้เพื่อแผ่นดิน

อีกด้านเพจเฟซบุ๊กกองทัพภาคที่1 โพสต์ข้อความระบุว่า ‘เข้าสู่วันที่14ปฏิบัติการตอบโต้และรักษาอธิปไตย เราจะสู้เพื่อแผ่นดินไทย และเพื่อความปลอดภัย ใช้ชีวิตอย่างปกติสุขของลูกหลานเราในอนาคต ตราบนานเท่านาน ร่วมส่งกำลังใจให้ทหารแนวหน้า

ทร.เดือดนาวิกฯเหยียบทุ่นขาขาด

ขณะที่นาวาเอก ธรรมนูญ วรรณา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด (ผบ.ฉก.นย.ตราด) รายงานความคืบหน้าเหตุกำลังพลได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อเวลาประมาณ 09.14 น. จ.อ.เทอดพงศ์ ผมนะรา ทหารช่าง สังกัดหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด เหยียบทุ่นระเบิด ขณะปฏิบัติหน้าที่ตรึงกำลังพื้นที่บ้านสามหลัง บ้านหนองรี ต.ชำราก อ.เมือง จ.ตราด แรงระเบิดทำให้ข้อเท้าขวาขาดทันที

นาวาเอก ธรรมนูญ ระบุว่า หลังเกิดเหตุเข้าช่วยเหลือทันที โดยทีมแพทย์สนามเข้าปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บด้วยเฮลิคอปเตอร์ไปโรงพยาบาลพระปกเกล้า จ.จันทบุรี เมื่อเวลา 10.00 น. เพื่อเข้ารับการผ่าตัดรักษา จากการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุพบว่า เป็นกับระเบิดชนิด PMN-2 สภาพใหม่ ซึ่งถูกนำมาฝังไว้ในเขตอธิปไตยของไทย การกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดสนธิสัญญาออตตาวา (Ottawa Treaty) ที่ว่าด้วยการห้ามใช้กับระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจนภายหลังเกิดเหตุ หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด ได้สั่งการยกระดับความเข้มงวดในการปฏิบัติงานบริเวณแนวหน้าขั้นสูงสุด พร้อมเพิ่มมาตรการกวาดล้างและเฝ้าระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้กำลังพลได้รับอันตรายจากกับระเบิดที่อาจมีการลักลอบนำมาวางเพิ่มเติมในพื้นที่เสี่ยง

ประณามเขมรละเมิดออตตาวา

พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือกล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ จ.อ.เทอดพงษ์ ได้รับบาดเจ็บบริเวณขาขวา หน่วยในพื้นที่ได้ให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้น และอยู่ระหว่างการส่งกลับสายแพทย์ของกองทัพเรือ เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน กองทัพเรือติดตามอาการของกำลังพลอย่างใกล้ชิด และสั่งการให้หน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบและรักษาความปลอดภัยในพื้นที่โดยรอบอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุในลักษณะเดียวกันอีก พร้อมทั้งให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชนในพื้นที่ สำนักงานโฆษกกองทัพเรือจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป จากเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นที่ยืนยันได้อย่างชัดเจนว่า ยังปรากฏว่ากองทัพกัมพูชายังคงมีเจตนาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในพื้นที่ ซึ่งเข้าข่ายเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ สะสม ผลิต และโอนทุ่นระเบิดสังหารบุคคล รวมถึงการกระทำอันขัดต่อหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองชีวิตและความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชนผู้บริสุทธิ์

นย.ตราดยึดบ่อนทมอดาปิดภารกิจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด (ฉก.นย.ตราด) ปฏิบัติการยกพลขึ้นบกเข้าควบคุมพื้นที่เป้าหมายบริเวณทมอดาก่อนประสานกองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ปฏิบัติการทิ้งระเบิด 10 ลูก ทำลายอาคารกาสิโนทมอดา รวมถึงอาคารที่พักอาศัยของ พ.ท.ตึม ยอ อดีต หัวหน้าหน่วยประสานงานชายแดนกัมพูชา–ไทย ซึ่งก่อสร้างรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนไทย ทั้งนี้ พื้นที่ปฏิบัติการดังกล่าวตั้งอยู่บริเวณบ้านท่าเส้น ตำบลแหลมกลัด อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด ตรงข้ามบ้านซ็องก็อมเมท็ย ตำบลทมอดา อำเภอเวียลเวง จังหวัดโพธิสัต ประเทศกัมพูชา หลังการโจมตีทางอากาศ หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราดนำกำลังทหารรบ พร้อมยานเกราะ เคลื่อนที่เข้าตรวจค้นพื้นที่และยึดที่หมายทั้งหมดได้อย่างเรียบร้อย ถือเป็นการปิดภารกิจตามแผนที่วางไว้

นาวิกโยธินได้เผยแพร่ถ้อยแถลงย้ำจิตวิญญาณของกำลังพล ระบุว่า แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนผ่าน แต่จิตวิญญาณของทหารนาวิกโยธินยังคงยึดมั่นในเกียรติประวัติและความกล้าหาญที่บรรพชนได้จารึกไว้ พร้อมสืบสานปณิธานและรักษาเกียรติภูมิแห่งกองทัพเรือไว้ด้วยชีวิตพร้อมย้ำคำขวัญอันเป็นเอกลักษณ์ “เมื่อ นย.เหยียบฝั่งพลัน เหตุคับขัน จักคลี่คลาย”

สระแก้วให้ปชช.4อภ.อพยพด่วน

ช่วงบ่ายวันเดียวกัน สถานการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาด้านตะวันออกเกิดตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ฝ่ายปกครองประกาศให้ชาวบ้านอพยพออกจากพื้นที่โดยด่วน หลังเกิดเสียงดังคล้ายปืนกว่า 10 ลูก ในพื้นที่หลังตลาดโรงเกลือ โดยเทศบาลเมืองอรัญประเทศ ประกาศอพยพประชาชนด่วน หลังกัมพูชาระดมยิงจรวด BM-21 โจมตีพื้นที่พลเรือน เนื่องจากความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เทศบาลเมืองอรัญประเทศ และในพื้นที่ใกล้เคียง ให้เดินทางอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย หรือศูนย์พักพิง หากไม่มีรถยนต์ให้เดินทางมาขึ้นรถได้ที่ ลานสยามมินทร์ เทศบาลเมืองอรัญประเทศ ตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไป

ต่อมาเวลา 15.30 น. กองทัพภาคที่ 1 ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เนื่องจากปัจจุบัน กกล.บูรพามีการปฏิบัติการทางทหารต่อที่หมายทางทหารของเขมร ในพื้นที่ฝั่งตรงข้าม อ.ตาพระยา อ.โคกสูง อ.อรัญประเทศ และอ.คลองหาด จ.สระแก้ว ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 จึงขอความร่วมมือประชาชน 4 อำเภอชายแดน จ. สระแก้วงดเข้าพื้นที่พักอาศัยของตน และให้อพยพไปยังศูนย์ฯ ตามที่ทางราชการจัดให้จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

กต.ไทยพร้อมถกรมต.อาเซียนยัน3เงื่อนไข

เวลา 14.00 น. ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก

นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึง การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาเซียน วาระพิเศษ ที่มาเลเซีย วันที่ 22 ธันวาคมว่า ไทยจะไปพูดคุยหารือกับฝ่ายกัมพูชาและชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริงหลักฐานจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดต่อเพื่อนประเทศอาเซียนอื่นที่เข้าร่วมการประชุม

ย้ำว่า ไทยปรารถนาต้องการให้เกิดสันติภาพมาโดยตลอดแต่ไม่สามารถที่จะปฏิเสธรูปแบบของการกระทําของฝ่ายกัมพูชาที่เป็นปฏิปักษ์ต่อไทยที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง และทวีความรุนแรงมากขึ้น เช่น ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดวันนี้ เสียขาที่8 หรือโจมตีเป้าหมายพลเรือน ขอยืนยันใน3 ปัจจัยที่ฝ่ายไทยรอฟังจากกัมพูชา

1.กัมพูชาต้องเป็นฝ่ายประกาศหยุดยิงก่อนในฐานะที่เป็นประเทศโจมตีอีกประเทศ2.การหยุดยิงจะต้องเกิดขึ้นจริงและต่อเนื่อง3.กัมพูชาจะต้องแสดงความจริงใจในการร่วมมือกับฝ่ายไทย เก็บกู้ทุนระเบิด เป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยรับไม่ได้และต้องแก้ไขปัญหาร่วมกัน

“ข้อ 2 มีความสําคัญกว่าข้ออื่นการหยุดยิงต้องเกิดขึ้นจริง เพื่อให้ฝ่ายทหารทั้งสองประเทศได้มาพูดคุยกันในขั้นตอนต่อไปที่จะลดความตึงเครียดจะมีความสําคัญต่อคณะผู้แทนไทยที่จะเข้าร่วมการประชุมวันที่ 22 ธ.ค. จะเป็นโอกาสสําคัญยิ่งและย้ำว่าจะเป็นโอกาสที่ดีไทยมีท่าทีที่ชัดเจนมาโดยตลอด และเราพร้อมรอดูท่าทีของฝ่ายกัมพูชา”นางมาระตีกล่าว

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top