วันอังคาร ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2568
พร้อมงัดมาตรการสูงสุดตอบโต้
‘กองทัพไทย’กร้าว
หาก‘ฮุนเซน’ยกระดับปะทะ
‘ทหารไทย’พลีชีพอีก1นาย
สมช.ตั้งศูนย์จัดการโดรนฯ
ทัพไทยส่งเอฟ-16 ถล่มฐานที่มั่นทหารเขมรที่“ตาพระยา-บึงตะกวน” แต่เช้ามืด ชายแดน ทภ.2 ยังไม่หยุดยิง เหตุเขมรระดมกำลัง-อาวุธหนักโจมตีไทย หวังยึดคืนพื้นที่ที่ไทยยึดครองสำเร็จ ไทยต้องตอบโต้เพื่อป้องกันอธิปไตย ส่วนช่องสายตะกู กองกำลังสองประเทศเผชิญหน้า แนวรบตาเมือนธม-ช่องกร่าง เนิน 350 เสียงปืนยังดังต่อเนื่อง ขณะชายแดนไทยด้านสระแก้วยังเดือด ทภ.1สดุดีทหารเสือราชินีพลีชีพอีก1 ซีกรัฐบาล นายกฯคุย ผบ.ทสส.ก่อนนั่งหัวโต๊ะถก สมช. ปมร้อนโดรนโผล่ป่วนรอบสุวรรรณภูมิ มติสมช.ให้ตั้งศูนย์จัดการโดรนแห่งชาติ ฮึ่มคนใช้โดรนบินในพื้นที่ห้ามบินโทษสูงสุด‘คุกตลอดชีวิต-ประหารชีวิต’ ‘ผบ.ตร.’เร่งตรวจสอบปม‘โดรน’ว่อน‘สุวรรณภูมิ’ ยังไม่ยืนยันมี 40 ลำ เผยสมช.ออก 2 มาตรการ “เร่งด่วน-ระยะยาว” แบ่ง 3 พื้นที่คุมเข้ม “วงใน-วงกลาง-วงนอก”
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม เพจเฟซบุ๊ก Army Military Force โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า เวลาตี 05:00น. เครื่องบินรบขับไล่ F-16 ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศทิ้งระเบิดต่อฐานที่มั่นทางทหารกัมพูชาในพื้นที่ตาพระยา-บึงตะกวน” พร้อมโพสต์คลิปวิดีโอระบุข้อความ กองทัพไทยปฏิบัติการทางทหารตอบโต้ทหารกัมพูชาในพื้นที่ตาพระยา-บึงตะกวน ตั้งแต่เช้ามืดเวลาตี 05:00. - 06:30น
เขมรโจมตีหนักหลายจุดในทภ.2หวังยึดคืน
เวลา 08.00 น. กองทัพภาคที่ 2 รายงานสรุปสถานการณ์ความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ประจำวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมาระบุ ตลอดทั้งวันยังเกิดการปะทะด้วยอาวุธหนัก โดยเฉพาะใช้ปืนใหญ่และเครื่องยิงลูกระเบิดอย่างหนาแน่น ในพื้นที่ผามออีแดงและภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ
รายงานระบุว่า ฝ่ายไทยยังคุมจังหวะการยิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความแม่นยำสูง และรวมอำนาจการยิงเข้าพื้นที่เป้าหมายหลายครั้ง รวมถึงการใช้โดรนทิ้งระเบิดโจมตีที่ตั้งฝ่ายตรงข้ามเสียหายอย่างหนัก ขณะที่กัมพูชาใช้รถถังยิงตอบโต้ช่วงค่ำ แต่ยังไม่สามารถผลักดันแนวรบได้สำเร็จ โดยสถานการณ์ในพื้นที่ช่องอานม้า–ช่องบกยังปกติ สะท้อนข้อจำกัดในการขยายสมรภูมิในหลายแนวพร้อมกันของฝ่ายตรงข้าม
เขาสัตตะโสม-ภูผีปะทะหนัก
จ.อุบลราชธานี พื้นที่ช่องบกพบการยิงอาวุธประจำกายเป็นระยะ ลักษณะยิงตรวจแนว ขณะที่พื้นที่ช่องอานม้า ฝ่ายกัมพูชาถอนกำลังไปตั้งแนวรับที่สอง ห่างจากพื้นที่สู้รบประมาณ 10 กิโลเมตร และใช้โดรนบินตรวจการณ์ฝ่ายไทย จ.ศรีสะเกษ พื้นที่ซำแต–โดนตรวล–ภูผี–สัตตะโสม–พนมประสิทธิโส–ช่องตาเฒ่า ถือเป็นพื้นที่ที่มีการยิงปืนใหญ่และปืนครกตอบโต้กันรุนแรงที่สุด ฝ่ายกัมพูชายิงกดดันเป็นระยะ โดยเฉพาะบริเวณเขาสัตตะโสมและภูผี ขณะที่ฝ่ายไทยยิงตอบโต้ไปยังจุดตรวจพบการยิงหลายครั้ง พร้อมใช้โดรนทิ้งระเบิดทำลายที่ตั้งฝ่ายตรงข้ามได้รับความเสียหายหนัก บริเวณผามออีแดง–ห้วยตามาเรีย ทั้งสองฝ่ายปะทะกันตลอดทั้งวันด้วยอาวุธประจำกายและปืน ค. ส่วนพื้นที่ภูมะเขือ–ช่องโดนเอาว์–พลาญยาว–พลาญหินแปดก้อน มีการยิงประปราย โดยกัมพูชายังเฝ้าตรวจและยิงกดดันเป็นระยะ
ช่องสายตะกูตรึงกำลังเผชิญหน้าตลอดแนว
จ.สุรินทร์ พื้นที่ช่องจอม–ช่องเปรอ–ช่องระยี รวมถึงพื้นที่คนา ฝ่ายไทยสถาปนาที่หมายและตรึงกำลังอย่างต่อเนื่อง โดยพื้นที่คนา ฝ่ายกัมพูชาใช้รถถังยิงเข้ามาในฝั่งไทย แต่ไม่เกิดความสูญเสีย พื้นที่ตาควาย ฝ่ายไทยสามารถยึดที่หมายเนิน 350 และตั้งฐานที่มั่นได้สำเร็จ ระหว่างการใช้รถ JCB เคลียร์พื้นที่ รถเหยียบกับระเบิดทำให้ยางล้อหน้าเสียหาย แต่กำลังพลปลอดภัย ต่อมาพบการยิงจากกัมพูชามายังยอดเนิน และช่วงเย็นตรวจพบการเคลื่อนยานรบ จึงใช้ปืนยิงสกัดไว้ ขณะที่พื้นที่ช่องกร่าง และตาเมือนธม ฝ่ายไทยตรึงกำลังตลอดแนว โดยพื้นที่ตาเมือนธม ฝ่ายกัมพูชายิงจรวด BM-21 มายังด้านทิศใต้ของปราสาทตาเมือน
ส่วนจ.บุรีรัมย์ พื้นที่ช่องสายตะกู ทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงกำลังเผชิญหน้ากันตลอดแนว
ใช้โบราณสถานเป็นฐานรบผิดกฎสากล
นอกจากนี้ ในพื้นที่ส่วนหลังจังหวัดสุรินทร์ ตรวจพบจรวด BM-21 จำนวน 4 ลูก ตกในพื้นที่ทิศใต้บ้านหนองจูบ หมู่ 2 ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก เบื้องต้นยังไม่พบรายงานความเสียหายหรือการสูญเสีย
กองทัพภาคที่ 2 เน้นย้ำว่า โบราณสถานไม่ใช่สนามรบ การนำพื้นที่โบราณสถานไปใช้ติดตั้งอาวุธ กล้องตรวจการณ์ หรือระบบต่อต้านโดรน ถือเป็นการละเมิดหลักสากลที่ทุกประเทศต้องเคารพ
ฝ่ายไทยยืนยันสิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายระหว่างประเทศ การปฏิบัติการทั้งหมดเป็นไปเพื่อการป้องกันตนเองโดยชอบ หลังมีหลักฐานชัดเจนว่ามีการใช้พื้นที่โบราณสถานเป็นฐานปฏิบัติการทางทหารและเป็นจุดโจมตีมาฝั่งไทย พร้อมย้ำยึดหลักความจำเป็น ความได้สัดส่วน และมุ่งรักษาสันติภาพตามแนวชายแดน
ตาควาย-เนิน350-ตาเมือนธมเสียงปืนไม่แผ่ว
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ชายแดนด้านอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เมื่อเวลาประมาณ 04.30 น. ทหารไทยเปิดฉากยิงปืนใหญ่สกัดการเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชา ที่ชายแดนบริเวณปราสาทตาควาย-เนิน 350 ช่องกร่างและปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก มีเสียงปืนใหญ่ดังเป็นระยะๆจนถึงขณะนี้
หลังทหารไทยตรวจพบความเคลื่อนไหวและความพยายามเสริมกำลังและอาวุธหนักเข้ามาประชิดชายแดนของทหารกัมพูชา เพื่อสกัดกั้นและป้องกันทหารกัมพูชารุกคืบเข้ามาในพื้นที่ชายแดน ที่เป็นจุดยุทธศาสตร์เดิมที่ทหารกัมพูชาถูกไทยยึดคืน และยิงผลักดันกัมพูชาออกจากแนวชายแดนของไทยต่อเนื่อง พบว่าทหารกัมพูชายิงจรวด BM-21 เข้ามาฝั่งไทย 2 ชุด รอบแรกช่วงเวลาประมาณ 08.00 น. และรอบที่ 2 เวลา 10.30 น. ซึ่งฝั่งไทยยิงปืนใหญ่โต้ตอบกลับไปจำนวนหลายชุด ก่อนลดระดับยิงประปรายและเพิ่มความถี่สลับกันไป ขณะที่พื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ยังไม่พบการปะทะ ส่วนสถานการณ์หน้าแนวรบมีการปะทะกันอย่างหนักมีเสียงทั้งปืนเล็ก ปืนใหญ่ดังอยู่
กกล.บูรพาทำลายอาคารในปอยเปตฐานสแกมฯ
เวลา 13.48 น. กองทัพภาคที่ 1 (ทภ.1)เผยว่า กองกำลังบูรพาปฏิบัติการทำลายอาคาร 2 หลัง บริเวณฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ตรงข้ามตำบลท่าข้าม อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว หลังตรวจสอบพบอาคารดังกล่าวถูกใช้เป็นที่ตั้งของเครือข่ายสแกมเมอร์ และฐานที่มั่นของพลซุ่มยิงฝ่ายกัมพูชา ซึ่งใช้อาวุธยิงเข้ามาในพื้นที่ฝั่งไทย จากการพิสูจน์ทราบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่าในอาคารมีการติดตั้งระบบแอนตี้โดรน และถูกใช้เป็นเป้าหมายทางทหารที่อาจก่ออันตรายต่อฝ่ายไทย หลังการโจมตีอาคารได้รับความเสียหาย และไม่มีการยิงตอบโต้จากฝ่ายกัมพูชาเพิ่มเติม ขณะเดียวกันกลุ่มเครือข่ายสแกมเมอร์ได้หลบหนีออกจากพื้นที่ ยืนยันว่าปฏิบัติการดังกล่าวเป็นการทำลายเป้าหมายทางทหาร เพื่อป้องกันภัยคุกคามต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย
ทหารเสือราชินีพลีชีพอีก1-สระแก้วยังเดือด
นอกจากนี้ กองกำลังบูรพา (กกล.บูรพา) กองทัพภาคที่ 1 (ทภ.1) ปฏิบัติภารกิจปกป้องอธิปไตยในสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาเป็นวันที่ 15 มีการรบปะทะเพื่อยึดครองพื้นที่ใน 3 พื้นที่คือ บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา บ้านหนองหญ้าแก้ว บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ล่าสุด กองทัพภาคที่ 1 ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัว ส.อ.กัมปนาท ทองแสง สังกัด กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21รอ.) เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม กองทัพภาคที่ 1 ขอเชิดชูเกียรติในความเสียสละทำหน้าที่ชายชาติทหารปกป้องแผ่นดินไทยด้วยชีวิต ทั้งนี้ จะดูแลจัดพิธีศพอย่างสมเกียรติ และดูแลสิทธิต่างๆให้กับครอบครัวอย่างครบถ้วนต่อไป
นายกฯเรียกถกผบ.เหล่าทัพก่อนคุยสมช.
ด้านความเคลื่อนไหวของรัฐบาล เวลา 09.35 น. ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 17/2568 มีพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนจากกรมท่าอากาศยาน สำนักงานการบินพลเรือน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วย ทั้งนี้ ก่อนประชุม นายกฯหารือนอกรอบกับ พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเลขาธิการ สมช. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนเป็นประธานประชุม สมช. ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
ขู่ใช้โดรนในพื้นที่ควบคุมโทษถึงประหาร
หลังประชุม สมช. นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการ สมช. แถลงผลประชุม สมช.ว่า ที่ประชุมหารือกรณีพบโดรนที่เข้ามาในพื้นที่จุดสำคัญ ทั้งสนามบินและจังหวัดชายแดน ซึ่งสำนักงานการบินพลเรือนออกประกาศกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมมีผลตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม ในพื้นที่จังหวัดชายแดนและสนามบินสำคัญทั่วประเทศ ที่ประชุมมีมติสำคัญ 2 ส่วนคือ มาตรการเร่งด่วน และมาตรการระยะยาว โดยมาตรการเร่งด่วนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำนักงานการบินพลเรือน สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สนับสนุนการดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดการโดรนเป้าหมายที่เข้ามาในพื้นที่ รวมถึงกำหนดมาตรการป้องกันสืบสวนสอบสวนและแอนตี้โดรน
นายฉัตรชัยกล่าวต่อว่า ให้กระทรวงกลาโหมผ่อนคลายมาตรการอนุญาตให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดหาแอนตี้โดรนได้ ที่เป็นยุทธภัณฑ์จึงต้องขออนุญาตกองทัพใช้เตรียมการให้มีไว้ป้องกันพื้นที่ ให้เข้มงวดนำเข้า และตรวจสอบการลักลอบนำเข้าโดรน และประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่าการบินโดรนเข้ามาในพื้นที่ความมั่นคงมีโทษร้ายแรงโดยเฉพาะสนามบิน ที่มีโทษสูงสุดคือการประหารชีวิต เพราะเป็นภัยต่อความมั่นคง และมีความผิดตามกฎหมายอาญาด้วย
ตั้งศูนย์จัดการโดรนแห่งชาติ
สำหรับมาตรการระยะยาว นายฉัตรชัยกล่าวว่า ก่อนหน้านี้มติสมช.เคยมีมติให้กองทัพอากาศเป็นหน่วยงานหลักบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การทำงานเป็นเอกภาพ โดยตั้งเป็นองค์กรขึ้นมาคือ ศูนย์บริหารจัดการควบคุมต่อต้านอากาศยานไม่มีคนขับแห่งชาติ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ที่ทันสมัยในอนาคต รวมถึงพัฒนาบุคลากรให้พร้อมใช้เครื่องมือดังกล่าว ซึ่งเป็นทักษะขั้นสูง และเห็นชอบทบทวนกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเรื่องของการเพิ่มโทษ กรณีที่ใช้โดรนกระทบต่อความมั่นคง ส่วนการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน เพื่อพูดถึงปัญหาชายแดนไทยกัมพูชาวันนี้ ที่ประชุมสมช.ยืนยันหลักการตามที่เคยมีมติสมช.ไปแล้วว่า เป้าหมายปลายทางสุดท้าย ต้องเป็นการหารือทวิภาคีไทยกับกัมพูชา ยืนยันต้องจบที่การหารือระหว่างไทย-กัมพูชา
แบ่ง3พื้นที่จัดการโดรนป่วน
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แถลงหลังประชุมสมช.กรณีพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน บริเวณพื้นที่ตอนในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิว่า ปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เรื่องโดรน เป็นการปฏิบัติร่วมภายใต้ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านอากาศยานไร้คนขับของกองทัพอากาศ (ทอ.) ตั้งแต่ที่มีมติ สมช.เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ดังนั้น การปฏิบัติดังกล่าวจะแบ่งพื้นที่ออกเป็นวงใน วงกลาง และวงนอก ซึ่งวงในเรียกว่าไข่แดง เป็นทอ.และท่าอากาศยานไทย (ทอท.) ดูแล ส่วนวงกลางเรียกว่าไข่ขาว ตร.ดูแล และวงนอก กองทัพบก (ทบ.) ดูแล
ทั้งนี้ ตร.กำหนดมาตรการและแผนปฏิบัติหรือยุทธศาสตร์เรื่องการป้องกัน ปราบปราม สืบสวนสอบสวน และยกระดับความมั่นคงที่เกี่ยวกับระยะสั้นและระยะยาวไว้เรียบร้อย การดำเนินการและการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เรามีรูปแบบทั้งของนครบาลและนครราชสีมา ที่ดูแลสนามบินมาเป็นต้นแบบ ซึ่งออกแบบแผนเผชิญเหตุไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับวงนอกพื้นที่เป็นหน้าที่ ทบ. ซึ่งมีผลปฏิบัติอย่างชัดเจนและต่อเนื่องมา
บินโดรนป่วนโทษหนักคุกตลอดชีวิต-ประหาร
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวต่อว่า ส่วนการบูรณาการและการแนะนำ เราปฏิบัติอยู่แล้ว โดยเห็นว่าการใช้ความร่วมมือของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) กสทช. ทอท. ตร. และกองทัพ ถือเป็นเรื่องสำคัญด้านการข่าวที่เราต้องนำมาประเมินและวิเคราะห์วางแผนปฏิบัติให้เป็นระบบและเกิดความสำเร็จต่อไป ส่วนด้านกฎหมาย ความผิดที่เกิดขึ้น ผู้ที่ใช้โดรนในพื้นที่ห้ามบินหรือสนามบินเป็นการกระทำผิดเกี่ยวกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ.2558 อันนี้มีโทษประหารชีวิต แต่หากสอบสวนแล้วพบว่าผิดต่อความมั่นคงจะผิดต่อประมวลกฎหมายอาญา เรื่องความมั่นคงหมวด 2 และ 3 มีโทษสูงสุดคือ จำคุกตลอดชีวิต
“สิ่งเหล่านี้อยากบอกกับผู้ที่มีความคิดจะป่วน ทำเรื่องทำผิดให้รู้โทษ ตำรวจกำหนดเป้าหมายที่จะทดสอบมาตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคมเป็นต้นมา มีการตั้งจุดตรวจให้รู้ว่าเราไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่กระทบต่อความไม่สงบของประชาชนอย่างเด็ดขาด ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับแจ้งมาตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคมอยู่ระหว่างการดำเนินการด้วยการใช้ขีดความสามารถที่เรามี ดำเนินการอยู่”ผบ.ตร.กล่าว
ยังไม่ยืนยันมีโดรน40ลำป่วนสุวรรณภูมิ
ผู้สื่อข่าวถามว่าทราบหรือไม่โดรนที่ปรากฏที่สุวรรณภูมิต้นตอมาจากไหน ผบ.ตร.เผยว่า อยู่ระหว่างตรวจสอบจำนวน ถามต่อว่า โดรนที่บอกว่า 40 ลำเป็นไปตามรายงานจริงหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า เป็นข้อมูลข่าวสารที่แจ้งเข้ามา การแจ้งอยู่ในแผนเผชิญเหตุ นับจากเวลาที่แจ้ง ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปสุวรรณภูมิบ้างแล้ว ซึ่งอยู่พื้นที่โดยรอบสุวรรณภูมิ เข้าไปร่วมปฏิบัติการกับผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรรมการผู้จัดใหญ่ได้รับข้อมูล นับจากเวลารับข้อมูลจนถึงปฏิบัติการเรายังไม่พบ เราได้รับข้อมูลเท่านั้น เป็นการรับข้อมูลมาเพื่อพิสูจน์ทราบและตรวจสอบ โดยกระบวนการและเครื่องมือที่เรามีอยู่ตามขีดความสามารถ
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวต่อว่า ขณะนี้ตั้งสมมุติฐานก่อนว่าเรารับแจ้งจำนวนกี่ลำ อยากใช้คำว่าเรารับแจ้ง แล้วเรื่องการป่วนหรือวัตถุประสงค์ที่แท้จริง ต้องใช้วิชาการสอบสวน เพราะบริเวณในท่าอากาศสุวรรณภูมิยังไม่มีกล้องหรือระบบที่เราสืบสวนและสอบสวนได้ ต้องใช้วิธีสืบสวนของเรา ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ ตั้งโจทย์และธงไว้ว่าถ้าเป็นจริงต้องหาที่มาที่ขึ้นบินของโดรน ใครเป็นผู้บังคับ ควบคุม หรือเจ้าของ และปลายทางไปไหน แต่เราต้องพิสูจน์ทราบให้ได้ว่าข้อมูลเหล่านี้เกิดขึ้นและมีจริง ขณะนี้ตั้งข้อสมมุติไว้ร้ายแรงที่สุดแล้วนำไปสืบสวนตรวจสอบให้ได้
เร่งสอบโดรนป่วนสนามบินไม่ฟันธงวินาศกรรม
เมื่อถามอีกว่า หากโดรนมี 40 ลำตามที่มีรายงาน จะถือเป็นการก่อวินาศกรรมได้หรือไม่ เพราะพลเรือนไม่สามารถครอบครองได้ขนาดนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวว่า เป็นข้อมูลที่เราต้องเอามาดูร่วมกันกับฝ่ายความมั่นคง ตนต้องนำข้อมูลเหล่านี้รายงานทางศูนย์ปฏิบัติการกองทัพอากาศ( ศปก.ทอ.) ส่วนจะเข้าข่ายก่อวินาศกรรมหรือไม่ จากข้อมูลที่เราแจ้งจากการบิน ถ้าข้อมูลเป็นความจริงคือ เป็นการบินระดับผ่านไป ต้องไปดูพฤติกรรมและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าจะถึงขั้นเป็นการก่อวินาศกรรมหรือไม่ แต่ในฐานะที่ตนเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทั้งเหล่าทัพและตร. รวมถึง กพท. เราต้องตั้งสมมุติฐานขั้นร้ายแรงที่สุด และกำหนดแผนมาตรการป้องกันไว้ อย่างไรก็ตาม อาจเป็นก่อเหตุหรืออะไรที่ไม่พึงประสงค์ และเกิดอันตรายต่ออากาศยานหรือประชาชน เราต้องมีแผนปฏิบัติรองรับชัดเจนและเข้มข้นต่อไป งัดหลักฐานเขมรใช้ชุมชนโล่มนุษย์ตั้งฐานยิงไทย
เวลา 14.00 น.ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหมแถลงว่า กองทัพไทยมีหลักฐานว่ากัมพูชาใช้ที่ตั้งในหมู่บ้านของกัมพูชาเพื่อซ่อนพลาง และเป็นฐานโจมตีฝ่ายไทย ซึ่งเราจะรวบรวมนําไปประท้วงในเวทีนานาชาติได้รับทราบถึงความโหดร้ายของกัมพูชาที่ละเมิดสิทธิและอนุสัญญาต่างๆ ระหว่างประเทศ สำหรับสถานการณ์ตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม มีการเปิดฉากยิงโดยเขมรมายังพื้นที่ชุมชน อ.อรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ทําให้ไทยประกาศฉุกเฉินอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เร่งด่วน ในส่วนของกาสิโนทมอดา ชายแดน จ.ตราด กองทัพเรือและกองทัพอากาศร่วมปฎิบัติการจนควบคุมได้เบ็ดเสร็จ ขณะเดียวกัน เช้าวันนี้ (22 ธันวาคม) เขมรยังโจมตีพลเรือน ทําให้ลูกระเบิดตกในพื้นที่เกษตร ยุ้งข้าวชาวบ้านเสียหาย และยิงอาวุธหนักใส่ที่ตั้งฝ่ายไทยทําให้ทหารไทยเสียชีวิต 1นาย
แนวรบทภ.2เขมรระดมยิงหวังยึดพื้นที่คืน
ด้านพันเอก ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ในส่วนพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 สถานการณ์ภาพรวมจุดที่เราควบคุมได้แล้ว ปัจจุบันเรียกได้ว่าอยู่ในขั้นตอนสถาปนาความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง แต่กัมพูชายังโจมตีเข้ามา แม้จะเบาบางลง แต่ไทยก็ต้องป้องกันตัวเองโจมตีกลับเพื่อยับยั้งการโจมตีดังกล่าวให้หมดสิ้นสภาพ
ขณะที่พื้นที่กองทัพภาคที่ 1 จ.สระแก้ว ตั้งแต่วานนี้ (21 ธันวาคมถึงวันนี้มีสถานการณ์ต่อเนื่อง จากการที่กองกําลังบูรพาเปิดปฏิบัติการเข้าควบคุมพื้นที่สําคัญ บ้านคลองแผง บ้านหนองหญ้าแก้ว บ้านหนองจาน ซึ่งกัมพูชารุกล้ำเข้ามานาน และเราพยายามควบคุมพื้นที่คืน ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างปฏิบัติการเข้มข้น มีการโจมตีทั้งพื้นที่ทหารและบ้านเรือนประชาชน ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก
กองทัพฮึ่มตอบโต้จนกว่าเขมรจะรับเงื่อนไข
เวลา 16.00 น. วันเดียวกัน ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก พล.อ.อ.ประภาส สอนใจดี ผู้ช่วย ผบ.ทอ. ในฐานะผอ.ศูนย์แถลงข่าวฯกล่าวถึงกรณีฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ออกมาส่งสัญญาณสู้รบโดยประกาศยุทธศาสตร์สงครามระยะยาวกับไทยว่า เรื่องนี้ต้องให้ความสำคัญ เพราะผู้นำระดับสูงของกัมพูชาออกแถลงการณ์และสร้างความเชื่อให้คนกัมพูชา ขอย้ำว่าคนเขมรและประชาชนไทยไม่ขัดแย้งกัน สาสน์ที่ออกมาวันนี้คือ การสร้างการมีส่วนร่วมในประเทศของเขา ยืนยันว่าทุกอย่างที่กองทัพไทยดำเนินการ ตามความชอบธรรมและยึดกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งการใช้โล่มนุษย์และการใช้อาวุธในพื้นที่พลเรือน กองทัพไทยไม่เคยทำในสิ่งเหล่านี้
“การใช้วาทกรรม โฆษณาชวนเชื่อ ไม่ใช่สิ่งที่ชาวโลกเชื่อถือ แต่เชื่อถือในข้อเท็จจริง และกฎหมายระหว่างประเทศ เช่นเดียวกับที่ไทยทำอยู่ สิ่งเหล่านี้เราไม่จำเป็นต้องตอบโต้ แต่เราต้องอยู่ในหลักการที่ถูกต้อง ขอให้มั่นใจว่าผู้นำไทยรวมถึงกองทัพไทยพร้อมปฎิบัติเพื่อประชาชน ถ้าสัญญาณต่างๆที่เราปกป้องควบคุมพื้นที่ ถ้ามีการรุกล้ำ เราจะตอบโต้อย่างเหมาะสมต่อเนื่องจนกว่ากัมพูชาจะยอมรับข้อเสนอของไทย” พล.อ.อ.ประภาสกล่าว
รอฟังบัวแก้วแถลงการณ์-นำขึ้นเวทีโลก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผลประชุมรมว.ต่างประเทศอาเซียน ที่มาเลเซีย ฝ่ายกัมพูชาเสนอขอให้หยุดยิงเวลา 22.00 น. ของคืนนี้ ในขณะที่ผู้นำจิตวิญญาณของกัมพูชาส่งสัญญาณไปอีกทางหนึ่งจะทำให้การทำงานของกองทัพยากลำบากหรือไม่ พล.อ.อ.ประภาสกล่าวว่า ไม่ยุ่งยาก ให้รอฟังคำแถลงการณ์ที่เป็นทางการจากกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมทั้งยืนยันว่าหน่วยงานความมั่นคงยังติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ขณะที่ทหารหน้าแนวสามารถควบคุมพื้นที่ และยืนอยู่บนความเสี่ยงไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งเราก็ผ่านบทเรียนมาหลายครั้ง
“ที่บอกว่าหยุดยิง แต่สุดท้ายก็ไม่หยุดยิง ยังปะทะซุ่มโจมตี เป็นเรื่องความจริงใจ ซึ่งก็เห็นใจผู้ปฏิบัติงาน และยืนยันการดำเนินการทุกอย่างของกองทัพเป็นไปตามนโยบายรัฐบาล” พล.อ.อ.ประภาสกล่าว และว่า ส่วนการหารือที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC)วันที่ 24 ธันวาคมขอให้เป็นไปตามกลไก แต่ขอย้ำว่า ต้องฟังคำแถลงการณ์ทางการของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ขั้นตอนคือการนำข้อเท็จจริงไปสู่เวที การเมืองระหว่างประเทศ
ทอ.ยันทัพไทยพร้อมปฎิบัติขั้นสูงสุด
พลอากาศโท จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวเสริมว่า หากฮุนเซน ยกระดับการปะทะชายแดนเป็นสงคราม ถือเป็นประเด็นนี้สำคัญมาก กรณีผู้นำกัมพูชาออกมาชี้แจงว่าเขาเตรียมอะไรไว้ ซึ่งตามข้อเท็จจริงแล้วเราไม่จำเป็นต้องบอกใครว่าเราเตรียมอะไรไว้ แต่ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า กองทัพไทยพร้อมปฎิบัติขั้นสูงสุด ในทุกกรณีที่ผ่านมาเรามีบทเรียน เราจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นกับเราอีก เราพร้อมในการปฎิบัติภารกิจโดยไม่จำเป็นต้องบอกว่าคืออะไร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี