วันเสาร์ ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ย้ำไม่อาด้วยคนแตะมาตรา112
'หนู'ฟาด'เท้ง'
เมินร่วมดีเบต-ปท.มีปัญหาเยอะ
‘ชวน’แฉการเมืองเงินสกปรก
ทุ่มซื้อพรรค500ล้าน-สส.50ล.
“อนุทิน” แจงไม่ร่วมดีเบต เหตุปท.มีปัญหาเยอะ เอาเรื่องอธิปไตยก่อน รับพูดไม่เก่ง-ไม่ชอบตอบโต้ เดี๋ยวชวนทะเลาะชี้หลังเลือกตั้งรู้ใครจับใคร ฟาดกลับ “เท้ง” ไม่เอาด้วยคนแตะ ม.112 สวนแทนที่จะนิรโทษกรรมให้คนไม่ลบหลู่สถาบันพระมหากษัตริย์ดีกว่า มั่นใจ 8 กุมภาพันธ์ 2569 ได้เลือกตั้งแน่นอน ‘ชวน’แฉการเมืองเงินสกปรก ทุ่มเงินซื้อพรรคสูงถึง 500ล.-สส.50ล.ตอกย้ำวงจรอุบาทว์เดิมๆ ย้ำการเมืองได้มาด้วยเงินสกปรกไม่มีศักดิ์ศรี ด้าน‘อภิสิทธิ์’การันตี3แคนดิเดตนายกฯไม่ใช่แค่อาสาเป็นนายกฯเดินหน้าชูนโยบายคนไทยหายจน4ปี ดันเศรษฐกิจโต5% ปัดสร้างวาทกรรมไม่จับมือ’กธ.’ยันทำตามเสียงประชาชน ลั่นไม่ร่วมงานพวกแก้112
เมื่อเวลา 07.25 น. วันที่ 26 ธันวาคม 2568 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วย นายกรณ์ จาติกวณิช,นางการดี เลียวไพโรจน์ รองหัวหน้าพรรคฯ , นายสกลธีภัททิยกุล รองหัวหน้าพรรคฯ ดูแลพื้นที่กรุงเทพฯและนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่ปรึกษาผู้อำนวยศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันนำผู้สมัครสส.33เขตของกรุงเทพฯ ไหว้สักการะศาลหลักเมือง เพื่อความเป็นสิริมงคล และสร้างขวัญกำลังใจ ปลุกพลังกลุ่ม”กรุงเทพฯฟ้าใหม่”ก่อนลงสมัครเลือกตั้งวันที่ 27ธ.ค.68
‘มาร์ค’ย้ำ3แคนดิเดตวิสัยทัศน์เดียวกัน
จากนั้น นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ยืนยันต่อการประกาศชื่อผู้ที่พรรคจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯ3รายชื่อ ว่า ทั้ง 3คน ไม่ใช่มาเป็นผู้อาสาเป็นนายกฯ ที่ต่างคนต่างมา แต่มีที่มาเหมือนกันคือ ความคิด ตั้งใจ วิสัยทัศน์และเคยทำงานร่วมกันมา ในสถานะและโอกาสต่าง ดังนั้น มั่นใจว่าแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคประชาธิปัตย์ มองอนาคตของประเทศที่อยากเห็น ตรงกัน ดังนั้นการทำงานของทั้ง 3คน มีลักษณะกลมกลืน อีกทั้งได้คุยนโยบายที่ใช้รณรงค์หาเสียงมากับมือ เราไม่เปรียบเทียบแคนดิเดตนายกฯของพรรคการเมืองอื่น แต่อธิบายให้เห็นว่าการคัดเลือกแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคทั้ง 3คน อยากให้ประชาชนมั่นใจว่ากลมกลืน ยึดมั่นใจอุดมการณ์และวิสัยทัศน์เดียวกัน
ไม่จับมือ’กธ.’ทำตามเสียงประชาชน
“จากปัญหาที่พบว่าประชาชนเหนื่อยท้อกับอะไร และเขาต้องทน แต่วันนี้เป็นโอกาสหลุดพ้นสภาพนั้น พรรคประชาธิปัตย์เปิดประเด็นไทยหายจน ไม่ได้หมายถึงจนเงินเท่านั้น แต่จะทยอยเปิดนโยบายที่เป็นคำตอบแก้จนแต่ละด้านเป็นอย่างไร ซึ่งแคนดิเดตนายกฯ3คน ที่ประกาศชื่อนั้น มีความชัดเจน ไม่ใช่ประกาศลอยๆ โดยจะระบุเป้าหมายที่ชี้วัดที่ประเมินเราได้หากมีโอากทำงาน เช่น ประกาศว่า 4 ปี เศรษฐกิจไทยโต 5% ลดหนี้สินของประชาชนจากเดิมที่มียอดหนี้ 80-90% ให้เหลือ60% โดยทั้งหมดทำได้โดยการเมืองสุจริต หมายความว่าประเทศไทยไม่ถูกจัดอันดับในลำดับดัชนีความโปร่งใสที่107 แต่ต้องกลับมาติดอันดับในสมัยที่พวกเราทำงาน คือลำดับที่ 80” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีพรรคกล้าธรรม (กธ.) ตอบโต้หลังประกาศไม่จับมือร่วมรัฐบาล มองว่าเป็นวาทกรรมการเมือง นายอภิสิทธิ์ กล่าววว่า ไม่ใช่วาทกรรม แต่เป็นความตั้งใจประกาศและทำจริง ไม่มีปัญหาอะไรและไม่ต้องการตอบโต้ ต่อความ สิ่งที่ตนประกาศเป็นการแสดงจุดยืนของการสร้างบ้านเมืองสุจริต ที่ได้รับฟังจากประชาชนจำนวนมากที่ต้องการเห็นบ้านเมืองพ้นสภาพปัญหาในปัจจุบัน เมื่อถามว่า ล่าสุดพรรคประชาชน (ปชน.) สนับสนุนคำประกาศของพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้น มีโอกาสร่วมกันทำงานหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นเรื่องเดียวกัน ทั้งนี้ มีความพยายามตีความหรือยัดเยียด ทั้งที่ตนเองพูดชัดเจนที่สุดว่า ตนเป็นห่วงเรื่องการแก้ไขกฎหมายมาตรา112เนื่องจากพรรคต่างๆไม่มีใครพูด ยกเว้นเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรม ทั้งที่เป็นกฎหมายคนละฉบับ เมื่อถามว่า ต้องการร่วมมือกับพรรคการเมืองแบบไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พร้อมร่วมกับทุกพรรคที่สร้างบ้านเมืองสุจริต มีวิสัยทัศน์ชัดเจนที่ทำให้เศรษฐกิจเติบโตเพื่อประโยชน์ของประชาชน เมื่อถามว่า จะร่วมกับพรรคเพื่อไทย (พท.) หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ทำไมต้องถามต่อ ผมพูดชัดเจนแล้ว ให้ไปถามคนอื่นที่ไม่ตอบดีกว่า เพราะผมมองว่าสิ่งที่เป็นวาทกรรม คือ พูดว่าไม่ร่วมทุนเทา แต่หันไปหันมาไม่มีใครเป็นทุนเทา แล้วมาจากไหน”
พาไทยหายจน ยันเป็นผู้นำที่ทำเป็น
พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เผยแพร่คลิปเปิดตัว3แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคฯ สำหรับการเลือกตั้ง สส.8กุมภาพันธ์นี้ อย่างเป็นทางการ ประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคฯ และ นางการดี เลียวไพโรจน์ รองหัวหน้าพรรคฯ ภายในคลิปยังระบุว่า ทำอย่างไรให้ไทยหายจนพรรคประชาธิปัตย์ จึงเสนอผู้นำที่ทำเป็น เพื่อภารกิจยิ่งใหญ่ “พาไทยหายจน” โดยยกนายอภิสิทธิ์ มีความซื่อสัตย์ โปร่งใส มีวินัยการคลัง ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ไทยจะหายจน ต้องเริ่มต้นด้วยการสร้างการเมืองสุจริต สร้างความโปร่งใสทุกระบบ ถึงจะขจัดสิ้นทุกปัญหาเทาๆที่คนไทยทน จากนั้น แนะนำผู้นำทางเศรษฐกิจ พาไทยหายจน คือ นายกรณ์ จาติกวณิช ที่ได้รับรางวัลรัฐมนตรีคลังโลก ในวัย 44 ปี ซึ่งนายกรณ์ ระบุว่า ไทยหายจนเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริง เราต้องเร่งทำงาน ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ การแข่งขันต้องเป็นธรรม เชื่อมโลกอย่างทันโลก เกษตรกร SMEs ผู้ส่งออกทุกคน ต้องเติบโต
ต่อมา แนะนำผู้นำนักเทคโนโลยีเพื่ออนาคต นางการดี เลียวไพโรจน์ นักเทคโนโลยีเพื่ออนาคต ประสบการณ์กว่า 20 ปี เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งนางการดี ระบุว่า สร้างอนาคตไทยด้วยเศรษฐกิจดิจิทัล วางแผนคน วางแผนประเทศให้หายจนอย่างยั่งยืน ทีมเวิร์คเดียวกัน สร้างทุกความสำเร็จที่ผ่านมา รวมพลัง DNA ประชาธิปัตย์ ขับเคลื่อนไทยหายจน เพราะพวกเราทำเป็น ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ จะยื่นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในวันที่ 28ธ.ค.นอกจากนี้ ในวันที่ 29 ธ.ค.พรรคประชาธิปัตย์จะจัดกิจกรรมพบปะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคฯ ทั้ง 3 คน
ขณะที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ยืนยันต่อการประกาศชื่อผู้ที่พรรคจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี จำนวน 3 รายชื่อ ว่า ทั้ง 3คน ไม่ใช่มาเป็นผู้อาสาเป็นนายกฯ ที่ต่างคนต่างมา แต่มีที่มาเหมือนกันคือ ความคิด ตั้งใจ วิสัยทัศน์และเคยทำงานร่วมกันมา ในสถานะและโอกาสต่าง ดังนั้น มั่นใจว่าแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคประชาธิปัตย์ มองอนาคตของประเทศที่อยากเห็น ตรงกัน ดังนั้น การทำงานของทั้ง 3 คน มีลักษณะกลมกลืน อีกทั้งได้คุยนโยบายที่ใช้รณรงค์หาเสียงมากับมือ
‘ชวน’แฉทุ่มซื้อพรรค500ล.-สส.50ล.
นายชวน หลีกภัย อดีตสส.บัญชีรายชื่อพรรคปชป.กล่าวแนะนำแนวทางการหาเสียงให้กับผู้สมัครสส.ในพื้นที่ภาคกลาง ว่า ควรศึกษาข้อมูลจริงในพื้นที่ให้ดี เพราะเวลา 40กว่าวันไม่สามารถเดินได้หมดทุกพื้นที่ เพราะคนยุคนี้เขารู้ว่าใครพูดจริง ไม่จริง เป็นสิ่งสำคัญ ยังต้องรู้ว่าเขามีการเตรียมการเพื่อประโยชน์ของการเมือง มีการโยกย้ายข้าราชการ มีการย้ายภายใน 24ชั่วโมงในอำเภอหนึ่งเพราะไม่ถูกใจนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล พวกเราต้องเตรียมรับมือ เวลาพูดก็อย่าไปเป็นศัตรูกับข้าราชการ เพียงแต่ขอให้ยึดมั่นความถูกต้อง ยึดความตรงไปตรงมา อย่าไปเป็นเครื่องมือใครเช่น กรณีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ตนได้ทำจดหมายถึงปลัดกระทรวงสาธารณสุข ขอให้ปกป้องอสม.อย่าให้นักการเมืองเอามาใช้เป็นเครื่องมือทุจริตหรือซื้อเสียง ความจริงตนเป็นคนประกาศให้มี อสม.ในช่วงที่เป็นนายกฯและนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นคนแรกที่เริ่มจะให้เบี้ยเลี้ยง อสม.ต่อมาก็ นายสาธิต ปิตุเตชะ เป็นรมช.สาธารณสุข ก็เป็นคนผลักดันให้จนได้
การเมืองสุจริตทำประเทศรุ่งเรืองแน่
ข้อมูลเหล่านี้ควรจะศึกษาและนำไปพูด เพราะประชาชนและอสม.ส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่ามาจากพรรคการเมืองบางพรรค ดังนั้นเราต้องรู้ข้อเท็จจริง เพราะเวลาหาเสียง ถ้าเราเดินอย่างเดียวไม่มีทางที่จะชนะหรอก ดังนั้นการจะสู้ได้คือ การให้ความจริง ชี้ให้คนเห็นว่า การที่การเมืองมาจากการใช้เงิน ก็จะเกิดการทุจริต มันก็จะอยู่ในวงจรอุบาทว์ ซื้อเสียงได้สส.มาตั้งรัฐบาลก็โกง แล้วเอาเงินนี้มาซื้อเสียงเวียนอยู่อย่างนี้ เราจะหลุดพ้นวงจรอุบาทว์นี้ไปได้ คือ การเมืองสุจริต ประเทศรุ่งเรืองเมื่อบ้านเมืองสุจริต เราต้องมีความกล้าในการให้ความจริงกับประชาชนที่ต้องทำมาหากินเขาไม่รู้หรอกอะไรยังไงเพราะเขาไม่มีเวลามาศึกษา ดังนั้นถ้าได้มาเป็นผู้แทนจริงๆต้องกล้าพูดอย่าไปกลัวความจริงอะไรที่ไม่ดีก็บอกว่าเป็นอย่างนี้
แฉซื้อพรรค500ล้าน-ซื้อตัวสส.5ล้าน
นายชวนกล่าวว่า หากต้องการให้ประเทศเราเป็นมหาอำนาจต้องไม่ไปร่วมมือกับวงจรทุจริต ใครที่อยู่จังหวัดที่มีการซื้อเสียง ต้องศึกษาว่าจังหวัดนั้นเขาใช้ประมาณเท่าไหร่ บางพรรคเขาขายไปเลย 500ล้านบาท เพื่อเอาเงินมาจ่ายคนละ5-10ล้านบาท ตนได้คุยกับบางคนที่ไปอยู่พรรคอื่นว่าทำไมก่อนหน้านี้บอกว่าจะไม่ไปที่อื่น เขายอมรับว่ามาคุยกับนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ เลขาธิการพรรคแล้วว่าไม่มีเงินให้อย่างที่พรรคอื่นทำกัน แต่เขาจำเป็นต้องใช้เงินก็เลยต้องขอไป เคยถามบางคนที่นั่งอยู่ในสภาว่าได้มาเท่าไหร่ เขาก็บอกตัวเลขมา ผมบอกอย่าใช้เลย ท่านได้มาด้วยเงินก้อนนี้ก็ไม่มีศักดิ์ศรีอะไร แต่ถ้าเขาให้มาก็เก็บเงินไว้ แต่มันเป็นเงินสกปรก มีบางคนจะไปซื้อพรรคการเมือง 500ล้านบาท ซื้อสส.50ล้านบาท ตนถาม นายสาธิต ปิตุเตชะว่า ญาติที่ไปอยู่พรรคอื่นได้เท่าไหร่ ท่านบอกว่าราคาเหมือนกับที่อื่น เงินพวกนี้มันหามาเองไม่ได้หรอก ยกเว้นพวกต้มตุ๋น สแกมเมอร์ ซึ่งหัวหน้าพรรคประกาศชัดเจนว่า ไม่เอาด้วยกับการเมืองที่มาจากระบบนี้ หากเราพูดเรื่องความสุจริตก็ไม่ต้องทำเรื่องที่ทุจริต โกง แทรกแซงสว.อันนี้ไม่ใช่การเมืองสุจริต
แนะต้องหาเสียงเพิ่ม2เท่าถึงจะชนะ
‘ขอย้ำว่าพวกเราที่สมัครผู้แทน ถ้าท่านไม่พูดท่านไม่ได้ ท่านไม่ชนะ ท่านมีโอกาสต่อเมื่อท่านพูดกับประชาชนบอกความจริงประชาชนระหว่าง 50ล้านกับ 5หมื่น เขาสู้กันได้อย่างไร แต่เราสู้ได้ ผมสู้มาแล้ว แต่เหนื่อย เหนื่อยตลอดช่วงหาเสียงผมแทบจะขาดใจ ฉะนั้นไม่มีใครได้มาฟลุ๊คๆ ถ้าเราไม่พูด ก็ไม่มีวันได้ อยากเกือบตกหรือเกือบได้ ถ้าอยากเกือบตก คือได้ ต้องทำงานหนักใครไม่ทำงานหนัก ไม่มีวันได้ กระแส พรรคดีขึ้นมาจริง แต่ไม่ขนาดที่จะท่วมท้นหรอก ฝากไว้ให้เป็นข้อคิดสำหรับคนที่อยากเป็นผู้แทนจริงๆก็ต้องทำงานหนัก สัปดาห์มี 7วัน พวกเราควรหาเสียงสัปดาห์ละ14วัน คือเพิ่มเป็นสองเท่า ผมขอให้กำลังใจผู้สมัครสส.ของพรรคทุกคน ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้”นายชวนกล่าว
‘อนุทิน’ยันไม่ดีเบต-ปท.มีปัญหาเยอะ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีไม่ไปออกรายการดีเบตหาเสียงว่า ตนยังทำหน้าที่นายกฯ ซึ่งไม่ใช่รักษาการและไม่มีคำว่า รัฐบาลรักษาการ วันนี้ประเทศไทยมีปัญหาเยอะแยะ เดี๋ยวตนต้องกลับไปสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ตนเอาเรื่องอธิปไตยก่อนดีกว่าไหมตรงนี้สำคัญกับตนมากกว่าที่ทำอย่างไรก็ได้ให้ความเสี่ยง ความหวาดกลัว ความหวาดระแวง การสูญเสียของพี่น้องทหารและประชาชน เอาเรื่องนี้ให้จบไปก่อน เมื่อถามว่า จะไม่ไปดีเบตกับเขา นายอนุทินกล่าวว่า ตนพูดไม่เก่ง ตนไม่ชอบตอบโต้ พอตอบโต้ เดี๋ยวทะเลาะกัน ตนหลีกเลี่ยงการทะเลาะกัน ตนก็มีสไตล์การใช้ชีวิตองตน ซึ่งตนไม่อยากไปว่ากล่าวใคร ไม่อยากไปกล่าวหาใคร ตนไม่อยากไปแก้ตัวในสิ่งที่ถูกกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริง เพราะไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร
ชอบพูดนานๆ-พูดคนละ2นาทีเสียเวลา
เมื่อถามว่า ที่มีการพูดว่ากลัวที่จะพลาดพลั้ง ไม่เกี่ยวกันใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนพูดไม่เก่ง พูดไปแล้วก็ไม่ได้ผลบวกอะไรขึ้นมา มีแต่ลบ เพราะต้องไปทะเลาะกับเขา ต้องไปดีเฟน ต้องไปชี้แจง ไม่ได้ทันได้พูดคุยกัน ไปดีเบต 5คน 7คน หรือบางครั้ง 10คน พูดกันคนละ2นาที ตนพูดไม่ได้ ตรงนี้อาจจะเป็นจุดอ่อนของตนให้ตนพูด 3ชั่วโมงพูดได้ แต่ให้พูด 2นาที พูดไม่ได้ ถ้าไปแล้วต้องไปนั่งตอบโต้ข้อกล่าวหาต่างๆไม่ได้พูดเรื่องตัวเอง มันเสียเวลาคนฟัง ซึ่งตนมีความชัดเจนในเรื่องนโยบายของพรรคภูมิใจไทยอยู่แล้ว ซึ่งตนก็หาทางสื่อสารกับประชาชนในรูปแบบที่สื่อสารได้ชัดเจนและไม่ถูกจำกัดด้วยเวลา ตนมีเวลา 40 กว่าวัน อย่างวันที่ 27ธ.ค.ตนก็ไปเปิดตัวผู้สมัครสส.และเดินสาย 3-4 จังหวัดไปหาประชาชนเลย ไม่ต้องผ่านการดีเบตหรืออะไรต่างๆ ตนก็มีแนวทางการทำงาน ไปรับฟังสิ่งที่ประชาชนอยากให้เกิด อยากเห็นและคาดหวังจากตนได้ในอีกรูปแบบหนึ่ง
พร้อมร่วมงานทุกพรรค-เว้นแตะม.112
เมื่อถามว่า นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน จะไม่มีการโหวตให้นายอนุทินเป็นนายกฯ และรัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นจะเป็นการต่อสู้กันระหว่างพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย นายอนุทินกล่าวว่า“ทำไมถึงไม่โหวต ที่ไม่โหวตเพราะ โกรธที่ผมยุบสภาหรือ ผมทำชั่วทำอะไร ผมทำเลวอะไรกับประเทศชาติหรือเปล่าถึงไม่มาร่วมงาน ถ้าพวกท่านบอกว่า ตัวเองเป็นคนดี มีความสามารถ รักชาติรักบ้านเมืองเหมือนกัน ผมก็รักชาติรักบ้านเมืองไม่แพ้กัน ทำไมถึงทำงานร่วมกันไม่ได้ ยังไม่ทันเลือกตั้งเลย พี่น้องประชาชนยังไม่ทันตัดสินแล้วมาบอกว่า ไม่ทำงานร่วมกันแล้ว ถึงเวลาลุยต้องลุย ถ้าจะต้องถอยแล้วบ้านเมืองเดินหน้าไปได้ก็ต้องถอย ผมไม่เคยคิดเลยว่า จะร่วมกับใครไม่ได้ อย่างที่ผมพูดไม่ร่วมกับพรรคไหนที่ไปแตะมาตรา112 ซึ่งเป็นแนวทางของพรรคภูมิใจไทย
นิรโทษกรรมคนไม่ทำผิดม.112ดีกว่า
เมื่อถามว่า ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ฟาดกลับ นายอนุทิน หยุดสร้างนิทานหลอกเด็กกรณีมาตรา112 แจงชัดยกมือดีเบต แค่ดันนิรโทษกรรมคดีการเมือง พรรคประชาชน(ปชน.)ไม่หวั่นพรรคน้ำเงินขู่ไม่จับมือพร้อมสู้เลือกตั้ง โดย นายอนุทิน กล่าวว่า น้ำเงินน่าจะหมายถึงพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่ได้ขู่ใคร แต่เรื่องของมาตรา112 จะปรับเปลี่ยนให้มันไม่มีการบังคับที่เข้มงวดแบบนี้พรรคภูมิใจไทยไม่เอาด้วยอยู่แล้วพูดง่ายๆมาตรา112 มีความสมบูรณ์อยู่แล้ว เราต้องปกป้องสถาบันหลักของชาติเอาไว้ เรื่องการผลักดันนิรโทษกรรมผู้ที่ทำผิดมาตรา112 ตนว่าแทนที่จะไปผลักดันการนิรโทษกรรมผู้กระทำผิดมาตรา112 ผลักดันให้คนไม่ลบหลู่สถาบันพระมหากษัตริย์ดีกว่าไหม จะได้ไม่ทำผิดกฎหมาย เราเป็นคนไทยเราก็ต้องหวงแหนสถาบันหลักของเราเหมือนกัน
ขอบคุณปชช.-ย้ำ8ก.พ.69ได้เลือกตั้งแน่
พิธีกรถามต่อว่า นายกฯดีเบตออกรายการไปถึง นายณัฐพงษ์ ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่กล้าหรอกครับ ตนถึงบอกเอามาก็เอามานั่งเถียงกัน แล้วประชาชนได้อะไร ถ้าเกิดเป็นแบบนี้ร่วมกันไปประเทศก็น่าจะเสียหาย ไปฟาดฟันกันในคณะรัฐบาล มันยิ่งหนัก ชัดเจนกันแบบนี้มันก็ดีอยู่แล้วให้ประชาชนตัดสิน
เมื่อถามว่า นายกฯอยากบอกอะไรประชาชน นายอนุทิน กล่าวว่า ขอบคุณประชาชนในโอกาสที่ให้ตนปฎิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกฯ อยากขอความเข้าใจและการสนับสนุนจากประชาชนอีกครั้งในการเลือกตั้งที่จะมาถึง วันที่8ก.พ. 2569 คิดว่าน่าจะได้เลือกตั้งแน่รัฐบาลพร้อมให้สนับสนุน กกต.ในการเลือกตั้งและกกต.ได้ออกมาตรการสำหรับการเลือกตั้ง ต่อให้ยังมีสถานการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นก็ยังเลือกตั้งได้ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า ตนจะทำงานรับใช้ท่านและประเทศไทยอย่างเต็มที่
ภท.เปิดชื่อคนดังว่าที่ผู้สมัครสส.กทม.
พรรคภูมิใจไทยเดินหน้าเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครจากการตรวจสอบรายชื่อผู้สมัครทั้ง 33 เขต มีบุคคลที่น่าจับตามองซึ่งมีประวัติและบทบาททางสังคมที่โดดเด่น ดังนี้ 1.นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ (เขต 11) หรือที่รู้่จักในนาม‘เอก สายไหมต้องรอด’ ผู้ก่อตั้งเพจอาสาช่วยเหลือสังคมชื่อดัง2.นางสาวพัชรินทร์ซำศิริพงษ์ (เขต 2) ดร.พัชรินทร์ หรือ ดร.ส้ม อดีต สส. กทม. ผู้มีความเชี่ยวชาญระดับปริญญาเอกด้านอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม ถือเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ที่มีความโดดเด่นในเรื่องการผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิภาพและความปลอดภัยของเด็กและสตรี 3.นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ (เขต 5) อดีต สส.กทม.หลายสมัย และอดีตประธานสภากรุงเทพมหานคร มีฐานเสียงที่เข้มแข็งและคลุกคลีกับปัญหาของคนในเขตพื้นที่ห้วยขวาง-ดินแดงมาอย่างยาวนาน 4.รศ.ดร.ลลิตา ฤกษ์สำราญ (เขต 7) อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรและสส.หลายสมัย 5.นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ (เขต 14) อดีต สส.กทม.และอดีตทีมสุดซอยในช่วงที่ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม 6.นายถนอม อ่อนเกตุพล (เขต 15) พิธีกรรายการโทรทัศน์ อดีตที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ กทม.และโฆษกกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ พื้นที่กทม.พรรคภูมิใจไทย มอบหมายให้ น.ส.ศุภมาส อิศรภักดีและนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์เป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่ โดยตั้งเป้าการได้ สส.ในพื้นที่เขต กทม. ครั้งแรกและได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์เพิ่มขึ้นจากกลุ่มคนเมืองจากการที่พรรคมีนางศุภจี สุธรรมพันธ์, เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ และนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว จะเข้ามาเป็นทีมทำงานในฐานะรองนายกฯ และควบกระทรวงต่างๆ เพื่อร่วมขับเคลื่อนงาน
‘บิ๊กป้อม’เปิดมูลนิธิฯอวยพรปีใหม่
ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดให้อวยพรปีใหม่ ภายหลังมีกระแสข่าวจะวางมือทางการเมือง ท่ามกลางปัญหาสุขภาพ พร้อมถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตนายกฯ โดยช่วงเช้า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต รมว.มหาดไทย นำคณะกรรมการมูลนิธิป่ารอยต่อฯ พร้อมด้วยน้องๆ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) รุ่น 17 เข้าอวยพรและรับพรปีใหม่จาก พล.อ.ประวิตร โดยวันนี้สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว นอกจากนี้ ยังมี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีต ผบ.ทหารสูงสุด , พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร อดีต รมช.กลาโหม และ ผบ.ทบ.,พล.อ.ณัฐอินทรเจริญ อดีตปลัดกลาโหม ,พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม , พล.อ.วลิต โรจนภักดี อดีต รอง ผบ.ทบ.
ยังไม่วางมือการเมือง-สื่อเข้าใจผิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงหนึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้อวยพรให้ผู้มาร่วมงาน ขอให้มีความสุขวันปีใหม่ โดยมีคนแซวว่า “ยังดูหนุ่ม แข็งแรง” พล.อ.ประวิตร ตอบกลับว่า “หนุ่มอะไร อายุ 80 ปี พอแล้ว”
แหล่งข่าวระดับสูงจากพรรค พปชร.ยังชี้แจงกรณี สื่อมวลชนบางแห่งเสนอข่าวว่าพล.อ.ประวิตร พอแล้วว่า คำว่า”พอแล้ว” พล.อ.ประวิตรแค่หมายถึงสัมภาษณ์พอแล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะวางมือตั้งแต่ตอนนี้แต่อย่างใด สื่ออาจเข้าใจคาดเคลื่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี