วันจันทร์ ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ภท.พุ่งขึ้นที่หนึ่ง
‘เพื่อไทย’ตามติด‘พรรคส้ม’ร่วง
ซูเปอร์โพลกางผลสำรวจ
จับตาพลังเงียบตัวชี้ขาด
ซูเปอร์โพลมาแล้ว กางผลสำรวจ “ภูมิใจไทย”คะแนนนิยมพุ่งขึ้นอันดับหนึ่ง แตะ 9.3 ล้านเสียง ขณะที่ “เพื่อไทย” ทะยานมาอันดับสอง 7.8 ล้านเสียง ส่วน “ประชาชน” ลดฮวบร่วงเหลือ3.4ล้านเสียง จับตาพลังเงียบ 14 ล้านเสียงชี้ชะตาเลือกตั้งในช่วงโค้งสุดท้าย ด้านนิด้าโพลเผย“อนุทิน”มาแรงสนามโคราช ตามด้วย“ณัฐพงษ์-ยศชนัน”
เมื่อวันที่28ธันวาคม2568สำนักวิจัยซูเปอร์โพลเปิดเผยรายงานผลการสำรวจเรื่องหลักสถิติประมาณการแนวโน้มคะแนนเสียงของพรรคการเมืองครั้งที่2 สำรวจจากกลุ่มตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ อายุ 18 ปีขึ้นไปจำนวน1,253 ตัวอย่างระะหว่างวันที่ 25-27ธันวาคม2568
สำหรับการสำรวจครั้งนี้ใช้หลักสถิติประมาณการคะแนนเสียงในระดับประเทศ อาศัยประสบการณ์และแบบจำลองเชิงสถิติที่เคยใช้มาแล้วในอดีตเช่น กรณีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ที่โพลชี้ว่านายชัชชาติ สิทธิพันธุ์จะได้รับคะแนนประมาณ 1.2 ล้านเสียง ขณะที่ผลการนับคะแนนจริงอยู่ที่ประมาณ 1.3 ล้านเสียง รวมถึงกรณีการทำโพลลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญปี2560 พบว่าคนจะรับร่างรัฐธรรมนูญ61.5และ กกต.ประกาศผลจริงว่า คนรับร่างรัฐธรรมนูญ 61.4
รายงานของซูเปอร์โพลชี้ว่า จากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 53,057,546 คน การประมาณการครั้งที่ 2 คาดว่าผู้จะไปเลือกตั้ง ส.ส. วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 มีจำนวน 39,793,156 คน เพิ่มขึ้นจากการประมาณการครั้งที่ 1 ซึ่งอยู่ที่ 38,307,548 คน หรือเพิ่มขึ้น 1,485,608 คน
ในทางกลับกัน กลุ่ม “ไม่ไป/ไม่แน่ใจ” ลดลงจาก 14,749,998 คน เหลือ 13,264,390 คน หรือลดลง 1,485,608 คน ซึ่งมีนัยสำคัญเชิงพฤติกรรมว่า “ความลังเลด้านการไปใช้สิทธิ” ถูกดึงกลับเข้าสู่ระบบการตัดสินใจมากขึ้น (อย่างน้อยในเชิงความตั้งใจ)
ข้อสังเกตสำคัญคือตัวเลขเพิ่ม–ลดในสองกลุ่มนี้ “สมดุลกันพอดี” สะท้อนการเคลื่อนย้ายของสถานะจาก “ไม่ไป/ไม่แน่ใจ” ไปสู่ “ไปเลือกตั้ง” มากกว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงขนาดฐานประชากร ซึ่งยังคงเท่ากับ 53,057,546 คน ทั้งสองครั้ง
ภาพลักษณ์เชิงสัญลักษณ์: ความชอบโลโก้พรรคการเมือง (เก่า/ใหม่) ในมิติ “สัญลักษณ์ทางการเมือง” รายงานนำเสนอความชอบต่อการออกแบบโลโก้ ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนการจดจำและความรู้สึกต่อพรรค (brand cue)
โดยในกลุ่ม“พรรคการเมืองเก่า” 3อันดับแรก ได้แก่ โลโก้พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 24.0โลโก้พรรคประชาชน ร้อยละ19.8โลโก้พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 12.4 ขณะที่ในกลุ่ม “พรรคการเมืองเปิดตัวใหม่” 3 อันดับแรก ได้แก่ โลโก้พรรคปวงชนไทย ร้อยละ 27.3โลโก้พรรครักชาติ ร้อยละ 21.5โลโก้พรรคไทยก้าวใหม่ ร้อยละ18.2.
เชิงสังเคราะห์ ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนว่า “พรรคใหม่” บางพรรค (โดยเฉพาะปวงชนไทยที่ 27.3%) สามารถสร้างแรงดึงดูดเชิงภาพลักษณ์ได้สูงกว่า “พรรคเก่า” ที่คะแนนนำในหมวดเดียวกันอยู่ที่ 24.0% ซึ่งตีความได้ว่า “การออกแบบสัญลักษณ์” อาจกำลังทำหน้าที่เป็นประตูด่านแรกของการรับรู้และความสนใจ ก่อนการตัดสินใจเชิงนโยบายหรือเชิงตัวบุคคล
ผลประมาณการคะแนนเสียงระดับประเทศ: การเปลี่ยนแปลงครั้งที่1และครั้งที่2 ตารางประมาณการคะแนนเสียง (ครั้งที่ 2) แสดงการจัดวางกำลังทางการเมืองในเชิง “จำนวนคะแนนคาดหมาย” โดยเปรียบเทียบกับครั้งที่1 ดังนี้ พรรคภูมิใจไทย: จาก 8,436,150 คะแนน เพิ่มเป็น 9,338,128 คะแนน (เพิ่มขึ้น) พรรคเพื่อไทย: จาก 7,587,229 คะแนน เพิ่มเป็น 7,799,459 คะแนน (เพิ่มขึ้น)
พรรคประชาชน: จาก 4,509,891 คะแนน ลดเหลือ 3,448,741 คะแนน (ลดลง) เลือกพรรคอื่นๆและพรรคเปิดตัวใหม่: จาก 5,199,640 คะแนน ลดเหลือ 4,562,949 คะแนน (ลดลง) คนลังเล/ไม่ตัดสินใจ/ไม่ตอบ: จาก 12,574,638 คะแนน เพิ่มเป็น 14,643,879 คะแนน (เพิ่มขึ้น) ไม่ไปเลือกตั้ง: จาก 14,749,998 คน ลดเหลือ 13,264,390 คน (ลดลง)และยอดรวมผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้นยังคงเท่ากับ 53,057,546 คน
สังเคราะห์เชิงความหมาย ภาพรวมการเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 2มี “สามสัญญาณ” ที่ควรอ่านร่วมกันเป็นระบบ คือ (1) การเพิ่มขึ้นของคะแนนคาดหมายในสองพรรคหลัก (ภูมิใจไทยเพิ่มจาก 8.44 เป็น 9.34 ล้าน; เพื่อไทยเพิ่มจาก 7.59 เป็น 7.80 ล้าน) บ่งชี้การ “ยืนยันตัวเลือกเดิม” ของบางส่วนในระบบผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
(2) การลดลงของพรรคประชาชนจาก 4.51 เหลือ 3.45 ล้านคะแนน เป็นการหดตัวที่มีนัยต่อการแข่งขันในกลุ่มฐานเดิม/ฐานเมือง/ฐานอุดมการณ์ ซึ่งอาจสะท้อนการถูกดึงคะแนนออกไปทั้งสองทิศทาง คือกลับไปสู่พรรคเก่า หรือไหลเข้าสู่สถานะ “ไม่ตอบ/ลังเล”
(3) ที่สำคัญที่สุด คือการขยายตัวของ “คนลังเล/ไม่ตัดสินใจ/ไม่ตอบ” จาก 12.57 เป็น 14.64 ล้านคะแนน ซึ่งเป็นก้อนประชากรการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในตาราง และเป็นตัวแปรชี้ขาดผลลัพธ์ในโค้งสุดท้าย
กล่าวโดยสรุปเมื่อรวมผลทั้งหมด รายงานครั้งที่2 ชี้ว่าประเทศกำลังอยู่ในภาวะ “การแข่งขันบนฐานความไม่แน่นอนสูง” โดยแม้ความตั้งใจไปใช้สิทธิจะเพิ่มเป็น 39.79 ล้านคน แต่ในเวลาเดียวกัน กลุ่ม “ลังเล/ไม่ตอบ” กลับขยายตัวเป็น 14.64 ล้านคน
“สะท้อนว่าการเพิ่มของผู้ตั้งใจจะออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง (turnout intent) ไม่ได้แปลว่า “ความชัดเจนของตัวเลือก” เพิ่มขึ้นเสมอไป กล่าวคือ ผู้คนอาจ “ตั้งใจไปเลือกตั้งมากขึ้น” แต่ยัง “ไม่พร้อมเลือกพรรค” ในช่วงเวลาที่ทำการสำรวจ”รายงานซูเปอร์โพลระบุ
สำหรับข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติและเชิงนโยบาย/ยุทธศาสตร์ ต้องทำงานกับก้อน “14.64 ล้าน” ด้วยยุทธศาสตร์ลดความลังเล (Uncertainty Reduction) การสื่อสารควรเปลี่ยนจาก “บอกว่าดี” ไปสู่ “ทำให้ตัดสินใจง่าย” เช่น ข้อความสั้นที่ตอบ 3 คำถามหลัก: เลือกแล้วชีวิตดีขึ้นอย่างไร ทำได้จริงแค่ไหน จำเป็นต้องเลือกพรรคนี้หรือไม่ และเริ่มเมื่อไร โดยเป้าหมายคือย้ายคนจาก “ไม่ตอบ/ลังเล” ไปเป็น “เลือกพรรค” ให้เร็วที่สุดก่อนวันเลือกตั้ง โลโก้/อัตลักษณ์เป็นประตูแรกแต่ต้องเชื่อมเข้ากับสาระให้ติด (Brand ไปสู่ Policy Bridge)
เมื่อเห็นว่าโลโก้พรรคใหม่บางพรรคมีแรงดึงสูง(เช่น ปวงชนไทย 27.3%) ควรเร่ง “แปลงการจำได้” ให้เป็น “เหตุผลในการเลือก” ผ่านนโยบาย 1–2 เรื่องที่จำง่ายและวัดผลได้ เพื่อป้องกันการเป็นแค่กระแสภาพลักษณ์ระยะสั้น
การคุมโครงเรื่องเล่า (narrative) ทั้งมิติของนโยบายคุณค่าอารมณ์ข้อเท็จจริงและเรื่องเล่าต่างๆต้องสอดคล้องกับสถิติกลุ่มคนตั้งใจจะไปใช้สิทธิเลือกตั้ง (turnout) ที่ขยับขึ้น เพราะผู้ตั้งใจไปเลือกตั้งเพิ่มขึ้น 1,485,608 คน การรณรงค์ภาคสนาม/สื่อสารออนไลน์ควรเน้น “การปิดการขาย” (conversion) มากกว่าการสร้างการรับรู้ทั่วไป
โดยวัดผลเป็นสัปดาห์ต่อสัปดาห์ว่าคน “จากลังเลไปสู่การตัดสินใจเลือก” ขยับเท่าไร เช่น น้ำท่วมภาคใต้ปีนี้เสียหายกว่า 5 หมื่นล้านบาท ประชาชนได้รับผลกระทบหนักกว่า 1 ล้านคน นี่ไม่ใช่ภัยธรรมชาติธรรมดา แต่คือผลของระบบรัฐที่ไปไม่ทันชีวิตคน และนี่คือเหตุผลที่ต้องเปลี่ยนวิธีบริหารประเทศ ดังนั้นการคุมโครงเรื่องเล่าคือการเปลี่ยนข้อมูลให้มีความหมายต่อการตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชน
ขณะเดียวกันศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจเรื่อง “เลือกตั้ง 69 ของคนโคราช” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 18 - 22 ธันวาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในจังหวัดนครราชสีมา กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,067 หน่วยตัวอย่างเก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์
จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่คนนครราชสีมาจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 40.58 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 2 ร้อยละ 13.59 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) อันดับ 3 ร้อยละ 13.31 ระบุว่าเป็น นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (พรรคประชาชน) อันดับ 4 ร้อยละ 5.81 ระบุว่าเป็น นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 5 ร้อยละ 5.72 ระบุว่าเป็น พลเอกรังษี กิติญาณทรัพย์ (พรรคเศรษฐกิจ)
อันดับ 6ร้อยละ 4.88 ระบุว่าเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์) อันดับ 7 ร้อยละ 3.84 ระบุว่าเป็น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 8ร้อยละ 2.16 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อันดับ 9 ร้อยละ 2.06 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) อันดับ 10 ร้อยละ 1.31 ระบุว่าเป็น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (พรรครวมไทยสร้างชาติ)เป็นต้น
สำหรับพรรคการเมืองที่คนนครราชสีมามีแนวโน้มในการเลือก ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 31.01 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ อันดับ 2 ร้อยละ 20.06 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 3 ร้อยละ 17.43 ระบุว่าเป็น พรรคประชาชน อันดับ 4 ร้อยละ 14.34 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย อันดับ 5 ร้อยละ 5.44 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์
อันดับ 6 ร้อยละ 4.69 ระบุว่าเป็น พรรคเศรษฐกิจ อันดับ 7 ร้อยละ 2.44 ระบุว่าเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ อันดับ 8 ร้อยละ 1.22 ระบุว่าเป็น พรรคไทยสร้างไทย และร้อยละ 3.37 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พรรคชาติพัฒนา พรรคพลังประชารัฐ พรรคไทยภักดี พรรคไทยก้าวใหม่ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคประชาชาติ พรรคไทรวมพลัง เป็นต้น
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่คนนครราชสีมามีแนวโน้มในการเลือก สส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 34.86 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ อันดับ 2 ร้อยละ 22.40 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 3 ร้อยละ 16.40 ระบุว่าเป็น พรรคประชาชน อันดับ 4 ร้อยละ 12.09 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย อันดับ 5 ร้อยละ 4.22 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์
อันดับ 6 ร้อยละ 3.66 ระบุว่าเป็น พรรคเศรษฐกิจ อันดับ 7 ร้อยละ 2.53 ระบุว่าเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ อันดับ 8 ร้อยละ 1.12 ระบุว่าเป็น พรรคชาติพัฒนา และร้อยละ 2.72 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พรรคพลังประชารัฐ พรรคไทยสร้างไทย พรรคไทยภักดี พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคไทยก้าวใหม่ พรรคไทรวมพลัง พรรครักชาติ และไม่ประสงค์ลงคะแนน (Vote No)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี