‘สีหศักดิ์’จี้ผู้นำกัมพูชาต้องรักษาคำพูด  เตือนอย่ายั่วยุ  กองทัพจับตาโดรนสอดแนม

‘สีหศักดิ์’จี้ผู้นำกัมพูชาต้องรักษาคำพูด เตือนอย่ายั่วยุ กองทัพจับตาโดรนสอดแนม

วันพุธ ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

‘สีหศักดิ์’จี้ผู้นำกัมพูชาต้องรักษาคำพูด

เตือนอย่ายั่วยุ

กองทัพจับตาโดรนสอดแนม

กกล.บูรพาตั้งคอนเทนเนอร์

กั้นพรมแดนบ้านหนองจาน

“ทภ.2”แจ้งหยุดยิงครบ 72 ชม.ไร้ปะทะ พบกัมพูชาเตรียมกำลัง-เคลื่อนย้ายกำลังบำรุง-ปฏิบัติข่าวกรอง ใช้โดรนบินลาดตระเวน ตรวจแนวรบฝ่ายไทย กองทัพแจงภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ย้ำเดินหน้าปกป้องอธิปไตยควบคู่เจรจา แต่ยังเฝ้าระวังลาดตระเวนเข้ม 24 ชม. “นายกฯ” เผย ยังไม่ได้ฟังผลประเมินหลังครบกำหนดหยุดยิง ส่วน การปล่อยตัว 18 เชลยศึก รอฝ่ายดำเนินการประเมิน ปัดตอบ “ฮุน เซน”ไม่ยอมรับพื้นที่ไทยปักธง บอกใครอยากพูดอะไรพูดไป แต่ส่วนตัวมั่นใจพื้นที่ของไทย ย้ำครม.เดินหน้าทำงานาเต็มที่ หากเกียร์ว่างขอให้ปรับจนกว่ามีรบ.ชุดใหม่ “สีหศักดิ์”บี้เขมรรักษาคำพูด อย่ายั่วยุ เพื่อให้เกิดหยุดยิงยั่งยืน ชี้ถกเจบีซี ไทยไม่ได้ยื้อ แต่มีขั้นตอนต้องดูข้อก.ม. อาจได้ประชุมในรบ.หน้า

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 ธันวาคม กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) รายงานสถานการณ์ความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชาเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ตามข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งครบ 72 ชั่วโมง เวลา 12.00.น.วันนี้ ทภ.2 พบว่า ภาพรวมยังไม่มีการปะทะด้วยอาวุธหนัก แต่ยังตรวจพบความเคลื่อนไหวทางทหารของฝ่ายกัมพูชาในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะการส่งกำลังบำรุงและการใช้อากาศยานไร้คนขับเพื่อการตรวจการณ์


เขมรเคลื่อนย้ายกำลัง-อุปกรณ์ไปแนวหน้า

ทภ.2 สรุปสถานการณ์ชายแดน 4 จังหวัดดังนี้ ชายแดนจังหวัดอุบลราชธานี พื้นที่ช่องบก ตรวจพบรถบรรทุกของฝ่ายตรงข้ามประมาณ 30 คัน เคลื่อนย้ายจากบ้านจาร์ไปบ้านโกนปรัมเบย คาดว่าเป็นการส่งกำลังบำรุงและอุปกรณ์เข้าสู่พื้นที่แนวหน้า ขณะที่พื้นที่ช่องอานม้าไม่พบความเคลื่อนไหวที่มีนัยสำคัญ

ชายแดนจังหวัดศรีสะเกษ หลายพื้นที่แนวชายแดน อาทิ ช่องซำแต โดนตวล ภูผี สัตตะโสม พนมประสิทธิโส และช่องตาเฒ่า ตรวจพบการเคลื่อนย้ายกำลังบำรุงของฝ่ายตรงข้าม โดยใช้รถบรรทุกประมาณ 30 คัน จากบ้านจาร์ไปยังบ้านโกนปรัมเบย นอกจากนี้ ระหว่างการปฏิบัติภารกิจเคลียร์พื้นที่บริเวณสัตตะโสม ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิด ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 1 นาย พื้นที่ปราสาทพระวิหาร–ผามออีแดง–ห้วยตามาเรีย ตรวจพบรถบรรทุกเคลื่อนย้ายจากบ้านโกมุยไปปากช่องคานม้า

ใช้โดรนตรวจแนวรบ-ปฎิบัติการฝ่ายไทย

ขณะที่พื้นที่ภูมะเขือ–ช่องโดนเอาว์–พลาญยาว–พลาญหินแปดก้อน ตรวจพบโดรนประมาณ 10 ลำ บินจากหลังเนิน 281 มุ่งหน้าภูมะเขือ ที่ความสูงประมาณ 1,000 เมตร คาดว่าเป็นการตรวจการณ์แนววางกำลังของฝ่ายไทย ส่วนพื้นที่ช่องสะงำยังคงเงียบสงบ

ส่วนชายแดนจังหวัดสุรินทร์ พื้นที่ช่องจอม ช่องเปรอ และช่องระยี ไม่พบความเคลื่อนไหวที่สำคัญ พื้นที่ปราสาทคนา ตรวจพบทหารกัมพูชาออกลาดตระเวน คาดว่าเป็นการเฝ้าติดตามการปฏิบัติของฝ่ายไทย

ขณะที่พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ตรวจพบโดรนจำนวนมากถึงประมาณ 31 ลำ บินเข้ามาในพื้นที่การรบและหมู่บ้านใกล้เคียงอย่างต่อเนื่อง สันนิษฐานว่าเป็นการตรวจสอบแนวการวางกำลังของฝ่ายไทย

ชายแดนจังหวัดบุรีรัมย์ พื้นที่ช่องสายตะกู ตรวจพบโดรนราว 50 ลำ บินจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ไปทางทิศเหนือ ที่ความสูงประมาณ 900–1,000 เมตร คาดว่าเป็นการตรวจการณ์ทางทหารเช่นกัน โดยตลอดทั้งวันไม่พบการปะทะด้วยอาวุธหนักหรือการยิงตอบโต้โดยตรง สถานการณ์อยู่ในลักษณะหลังการหยุดยิง กิจกรรมการรบลดลง แต่ยังคงมีการเตรียมกำลัง เคลื่อนย้ายกำลังบำรุง และการปฏิบัติด้านข่าวกรองอย่างต่อเนื่อง

ชี้เขมรยังเป็นภัยคุกคามระดับสูง

“ฝ่ายกัมพูชาลดการใช้อาวุธยิงระยะไกล หันมาใช้อากาศยานไร้คนขับจำนวนมาก เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ ขณะที่ไทยยังตรึงกำลังในที่ตั้ง ควบคุมพื้นที่และรักษาเสถียรภาพของแนวป้องกันได้ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์เหยียบทุ่นระเบิดในพื้นที่ศรีสะเกษสะท้อนว่า ภัยคุกคามเชิงไม่สมมาตรยังอยู่ในระดับสูง จำเป็นต้องเพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวน การทำพื้นที่ให้ปลอดภัย และการคุ้มครองกำลังพลอย่างต่อเนื่อง”

กองทัพจับตาเข้มโดรนสอดแนมไทย

เวลา 14.00 น. ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาแถลงว่า ภาพรวมกระแสสังคมไทยยังเป็นไปในทิศทางบวก ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อมั่นบทบาทของทหารและการดูแลของรัฐบาล โดยเฉพาะการเสียสละของกำลังพลและพลังสนับสนุนจากภาคประชาชน อย่างไรก็ตาม ยังกังวลต่อความจริงใจของกัมพูชา ซึ่งรัฐรับฟังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

สำหรับกรณีพบทุ่นระเบิดสังหารและสมุดระบุพิกัดวางระเบิด กองทัพยืนยันว่า หลักฐานที่ตรวจพบชี้ชัดถึงความพยายามทำร้ายทหารไทย เข้าข่ายละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวา โดยไทยรวบรวมข้อมูลเป็นระบบ และดำเนินการผ่านกลไกสากลตามมาตรฐานที่เหมาะสม

ส่วนการพบโดรนจำนวนมากตามแนวชายแดน ถือเป็นประเด็นความมั่นคงที่ไทยให้ความสำคัญสูงสุด กองทัพประเมินสถานการณ์และใช้มาตรการที่จำเป็น ได้สัดส่วนและยึดความปลอดภัยของประชาชนเป็นศูนย์กลาง

ลั่นหยุดยิงใม่ใช่ยอมจำนนตรึงกำลังป้องปท.

ส่วนข้อกังวลของประชาชนบางส่วนที่มองว่ารัฐ “อ่อนข้อ” ให้กัมพูชา กองทัพชี้แจงว่า การเจรจาและการหยุดยิงเป็นเครื่องมือเพื่อลดความสูญเสีย ไม่ใช่การยอมจำนน ไทยยังคงตรึงกำลัง เฝ้าระวัง และพร้อมปกป้องอธิปไตยตลอด 24 ชั่วโมง โดยมิติการทูตและการทหารเดินไปพร้อมกันอย่างสมดุล

ในประเด็นบทบาทของจีนนั้น กองทัพระบุว่า จีนสนับสนุนแถลงการณ์ร่วมของ GBC ในฐานะประเทศที่ส่งเสริมเสถียรภาพของภูมิภาค ไทยรับฟังทุกข้อเสนอ แต่การตัดสินใจยึดผลประโยชน์ชาติ ความโปร่งใส และอธิปไตยของไทยเป็นหลัก

ย้ำเดินหน้าป้องอธิปไตยแต่ไม่ปิดช่องเจรจา

ทั้งนี้ เมื่อครบกำหนด 72 ชั่วโมงของการหยุดยิง ไทยจะติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด หากมีการยั่วยุหรือละเมิดข้อตกลง ไทยมีสิทธิและความพร้อมปกป้องตนเองตามกฎหมายระหว่างประเทศ ขณะเดียวกัน ยังเปิดโอกาสให้กระบวนการเจรจาเดินหน้าต่อ เพื่อคืนความสงบสุขตามแนวชายแดน และความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ ส่วนกรณีกัมพูชานัดประชุม JBC อย่างเร่งด่วน สะท้อนว่ากลไกทวิภาคียังทำงาน ไทยพร้อมเข้าร่วมภายใต้เงื่อนไขที่ไม่กระทบอธิปไตย ยึดหลักความสมัครใจ เท่าเทียมและความปลอดภัยในพื้นที่

ต่อคำแถลงของกัมพูชาที่ปฏิเสธข้อกล่าวหาของไทยนั้น กองทัพย้ำว่า ไทยยึดข้อเท็จจริงและหลักฐาน ไม่โต้ตอบด้วยอารมณ์ การสื่อสารมุ่งสร้างความน่าเชื่อถือในเวทีสากล และเปิดกว้างต่อการตรวจสอบที่เป็นธรรม ขณะที่ท่าทีจากนานาชาติ เช่น สหรัฐฯ ถูกมองว่าเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อการลดความตึงเครียด ไทยยินดีต่อการสนับสนุนสันติภาพ แต่การตัดสินใจทุกอย่าง ยังตั้งอยู่บนอธิปไตยและผลประโยชน์ของประชาชนไทยเป็นที่ตั้ง

มทภ.2บินด่วนเยี่ยมทหารที่รพ.สุรินทร์

เวลา 11.00 น. ที่ตึกอุบัติเหตุและอาคาร 9 ชั้นที่ 6 โรงพยาบาลสุรินทร์ พลโท วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่2 เดินทางเข้าเยี่ยมทหารที่บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลสุรินทร์

โดยนพ.ชวมัย สืบนุการณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุรินทร์พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญติดตามดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดตลอด24ชั่วโมง ทำให้ครอบครัวของทหารที่รับบาดเจ็บมีกำลังใจขึ้นมาก ที่เห็นท่านแม่ทัพมาเยี่ยมถึงโรงพยาบาล และล่าสุดอาการลูกชายอาการดีขึ้น ทั้งนี้ พลโท วีระยุทธ มอบกระเช้าพร้อมเงินสดจำนวนหนึ่งให้ทหารที่บาดเจ็บพร้อมกับครอบครัวผู้ดูแล เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับเหล่าทหารผู้กล้าต่อไป

ทภ.1ยกเลิกเคอร์ฟิวสระแก้วมีผลทันที

วันเดียวกัน กองกำลังบูรพา กองทัพภาคที่ 1 (ทภ.1) ยกเลิกประกาศห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานภายในระหว่างระยะเวลาที่กำหนด ตามที่ กองกำลังบูรพา ได้ออกประกาศห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 19.00 น. - 05.00 น. ในพื้นที่อำเภอ ตามแนวชายแดน จังหวัดสระแก้ว ได้แก่ อำเภอตาพระยา อำเภอโคกสูง อำเภออรัญประเทศ และอำเภอคลองหาด ลงวันที่ 10 ธันวาคมนั้น เนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่ที่ปรากฏภัยคุกคาม ต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน จากภายนอกราชอาณาจักรอยู่ในระดับที่ควบคุมได้แล้ว เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในการดำเนินชีวิตประจำวัน ส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัด จึงให้ยกเลิกประกาศห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานในระยะเวลาที่กำหนดดังกล่าว ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

วางตู้คอนเทนเนอร์กั้นพรมแดนหนองจาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ Army Military Force โพสต์ข้อความพร้อมภาพที่หมู่บ้านโจกเจย หรือ หมู่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ที่กกล.บูรพายึดคืนมาจากเขมร ก่อนลงนามหยุดยิง 72 ชั่วโมง วันนี้ (30 ธันวาคม เจ้าหน้าที่ทหารนำตู้คอนเทนเนอร์ที่ได้รับบริจาคมาก่อนหน้านี้มาวางกั้นเป็นแนวรั้ว ตามแนวชายแดน พร้อมปักธงชาติแสดงแนวเขตอธิปไตยของไทย สร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้ชาวบ้านในพื้นที่

ชาวบ้านสายตะกูผวาEODกู้ระเบิดได้อื้อ

ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาเพิ่มเติมว่า หลังรัฐบาลสองฝ่ายลงนามหยุดยิงและอนุญาตให้ชาวบ้านกลับเข้าบ้านได้แล้ว แต่ประชาชนจำนวนหนึ่งยังเผชิญอันตรายจากระเบิดตกค้าง โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งพบลูกจรวดหลายลำกล้อง BM-21 และกระสุนปืน ค. ตกกระจายตามไร่นาและสวนยางพาราของชาวบ้าน

นายวุฒิไกร ฉิมงาม ผู้ใหญ่บ้านบ้านสายโท 10 เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ชุด EOD ระดมกำลังค้นหาแค่วันครึ่ง เจอระเบิดที่ยังไม่ทำงานมากวกว่า 20 ลูก คาดว่าจะมีหลงเหลืออีกจำนวนมาก เพราะช่วงปะทะเดือดเขมรยิงถล่มมาวันละไม่ต่ำกว่า 50 ลูก ตอนนี้ต้องเตือนลูกบ้านห้ามเข้าไปใกล้ หากพบวัตถุต้องสงสัยให้รีบแจ้งทันที พร้อมยอมรับว่าชาวบ้านยังกังวลเรื่องข่าวเขมรบินโดรนรุกราน และเคลื่อนกำลังทหารอยู่ตลอดเวลา

ขณะที่ชาวบ้านบางส่วนเผยว่า แม้หลังเที่ยงวันนี้จะครบ 72 ชั่วโมงการหยุดยิง และยังไม่ได้ยินเสียงปืน แต่ตนก็ไม่นิ่งนอนใจ หลังกลับมาจากศูนย์อพยพได้รีบซักผ้าและเก็บกระเป๋าสัมภาระเตรียมพร้อมไว้ตลอดเวลา เผื่อมีการปะทะรอบที่ 3 จะได้หนีได้ทัน พร้อมทิ้งท้ายว่า “ไม่เชื่อใจเขมรว่าจะหยุดยิงจริง”

ลั่นพื้นที่ไทยปักธงเป็นของปท.ไทย

เวลา12.38 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์หลังครบกำหนดหยุดยิง 72 ชั่วโมง ในการลงนาม Joint Statement ระหว่างไทย-กัมพูชา ช่วงเที่ยงวันเดียวกันนี้ว่า ยังไม่ได้ฟังผลการประชุมประเมินว่าอย่างไร แต่เราทำตามข้อตกลง ส่วนจะปล่อยตัวเชลยศึกเลยหรือไม่นั้น ยังไม่ทราบ เป็นเรื่องของคนดำเนินการ

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีสมเด็จ ฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ออกมาพูดลักษณะไม่ยอมรับการปักธงในพื้นที่ที่ทหารไทยยึดคืนมาได้ จะถือเป็นสัญญาณว่าสถานการณ์ชายแดน ยังไม่ได้สงบจริงหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “ก็เราถือ ไม่เอา พูดไป เราไปปักธงก็แสดงว่าเรามั่นใจว่านี่คือพื้นที่ของประเทศไทย ก็แค่นั้น ใครจะพูดอะไรก็พูดไป รัฐบาลไทยก็พูดแบบนี้ คนไทยก็พูดแบบนี้”

นายกฯสั่งครม.ลุยงานต่ออย่าเกียร์ว่าง

น.ส.อัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า วันนี้เป็นการประชุมครม.ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทยให้ความสำคัญ และกำชับถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นพิเศษ นายกฯเล็งเห็นความสำคัญ และแสดงความห่วงใย ประชาชนที่อยู่พื้นที่ที่ยังได้รับผลกระทบ โดยพูดถึงมาตรการเยียวยาดูแลผู้สูญเสีย ด้รับผลกระทบ รวมถึงผู้เสียสละทั้งร่างกายชีวิตและจิตใจรักษา อธิปไตยไทย ขณะเดียวกัน ครม.ยังรักษาการอยู่ นายกฯสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่ ยังดำเนินการอย่างสุดความสามารถ จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ จนกว่าจะมี ครม. ชุดใหม่ ฉะนั้น การทำหน้าที่ของครม.ทุกคน ยังทำหน้าที่ตามปกติ ถ้ายังใส่เกียร์ว่างอยู่ นายกฯขอให้ปรับใหม่ ให้เดินหน้าทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพราะบางอย่างยังจำเป็นที่รัฐมนตรีต้องเซ็นอนุมัติเรื่องเร่งด่วน ฉะนั้นในส่วนครม.ยังคงดำเนินการเพื่อเติมเต็มศักยภาพ และประชาชน

จี้เขมรรักษาคำพูดอย่ายั่วยุให้หยุดยิงถาวร

ด้านนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการหารือ 3 ฝ่ายระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย กัมพูชาและจีน ที่จีนว่า เราอยากทำให้ข้อตกลงหยุดยิงเป็นการหยุดยิงที่ยั่งยืน และนำมาสู่การสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ขณะเดียวกัน ก็ต้องดูว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา จะเดินต่อไปอย่างไร เพราะช่วงนี้เพิ่งตกลงหยุดยิงกันจึงยังมีความเปราะบางอยู่ ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่จะทำให้เกิดความเข้าใจผิด หรือ บั่นทอนการหยุดยิง อาทิ ปล่อยโดรน ใช้คำพูดยั่วยุ หรือออกถ้อยแถลงระดับผู้นำต่างๆ ซึ่งต้องระมัดระวังและต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน พร้อมยกตัวอย่างกรณีนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาออกมาพูดว่าการหยุดยิง ไม่ได้หมายความว่ากัมพูชาแพ้ ซึ่งเรื่องนี้อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ เพราะหากตั้งคำถามแบบนี้ เราก็ต้องถามกลับไปว่าใครเป็นฝ่ายขอหยุดยิง แต่ตนคิดว่าเราควรก้าวข้ามตรงนั้น และมาทำให้การหยุดยิงยั่งยืน รวมถึงสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน

นายสีหศักดิ์ ยังกล่าวถึงความชัดเจนในการปล่อยตัว 18 เชลยศึกของกัมพูชาว่าเป็นไปตามที่เราพูดคุยกันคือหยุดยิง 72 ชั่วโมง งอยากย้ำว่าอยากให้เคารพการหยุด และสิ่งที่พูดคุยกันไว้ ก็ต้องรักษาคำพูด

ถกเจบีซีต้องรอดูขั้นตอน-ข้อกม.

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีพบโดรน 250 ลำ บริเวณชายแดน และทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลครั้งที่ 11 ส่งผลกระทบต่อข้อตกลงหยุดยิง 72 ชั่วโมงหรือไม่ นายสีหศักดิ์กล่าวว่า ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง และดูว่าเป็นทุ่นระเบิดเก่าหรือใหม่ ซึ่งประเด็นที่เราคุยในที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC คือการมี Hotline ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุเหล่านี้ เราต้องตรวจสอบไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด และอีกประเด็นคือกัมพูชาเหมือนพยายามเร่งให้เกิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทยกัมพูชา หรือ JBC เกี่ยวกับการปักปันเขตแดน จึงต้องมาดูกันต่อ การประชุม JBC ต้องดูข้อกฎหมายว่า รัฐบาลรักษาการต้องขออาณัติจากรัฐบาลหรือไม่ เพราะเป็นข้อตกลงที่ผูกพันถึงรัฐบาลใหม่ และการประชุม JBC จะประชุมได้ช่วงไหน ประเด็นนี้มีขั้นตอนอยู่

ไม่ใช่จะสามารถจัดประชุมได้ทันที แต่ยืนยันเราไม่ได้ประวิงเวลา เพียงแต่พื้นที่ต้องปลอดภัยก่อน เพราะเราต้องลงพื้นที่ร่วมกันเพื่อปักปันเขตแดน

อาจต้องรอให้มีรบ.ใหม่ก่อน

ถามว่า ประเมินฉากทัศน์หลังหยุดยิง 72 ชั่วโมงอย่างไร นายสีหศักดิ์กล่าวว่า หากไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นใน 72 ชั่วโมง เราก็เดินหน้าสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ สำหรับการปักปันเขตแดนฮุนเซน ไม่ยอมรับเขตแดนที่ทหารไทยปักปันจะเป็นปัญหาหรือไม่นั้น บริบทมันเปลี่ยนไปแล้ว ฉะนั้น การประชุม JBC จะมีขึ้นเมื่อใดเราก็ต้องพิจารณาตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป มีขั้นตอนอยู่ และอาจไปถึงรัฐบาลใหม่จึงจะประชุมกันได้ ซึ่งเรายังไม่รู้ท่าทีรัฐบาลใหม่จะเป็นอย่างไร และจะมีการทบทวน MOU 43 หรือไม่ ก็ยังไม่มีข้อยุติ

“เรามีการหยุดยิงถือว่าเพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับประชาชน เราอยากให้ทั้งสองฝ่ายเคารพการหยุดยิง เพราะเขาก็สูญเสียพอสมควร ประชาชนของเขาก็อยากจะกลับเข้าสู่พื้นที่เดิม ฉะนั้นเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ที่จะทำให้การหยุดยิงที่ตกลงกันไว้ เป็นการหยุดยิงที่ยั่งยืนถาวร ส่วนปัญหาอื่นเราควรคุยกันได้ในฐานะเพื่อนบ้าน” นายสีหศักดิ์ กล่าว

นายกฯถกบิ๊กเล็ก-สีหศักดิ์กำชับเฝ้าชายแดนช่วงปีใหม่

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 17.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เชิญนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ  พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม  นายอรรษิษฐ์  สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และน.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี มาร่วมหารือ หลังครบกำหนดหยุดยิง 72 ชั่วโมง ตามถ้อยแถลงการลงนาม Joint Statement      ทั้งนี้ นายกฯกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวัง ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้มีการละเมิดข้อตกลงช่วงวันหยุดปีใหม่ เพื่อสร้างความสบายใจให้ประชาชน รัฐบาลยืนยันว่าจะดูแลความปลอดภัยของประชาชนอย่างดีที่สุด

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top