ป.ป.ช. มติเอกฉันท์เลือก 'สุรพงษ์ อินทรถาวร' เลขาธิการฯ คนใหม่ แทน 'สาโรจน์'

ป.ป.ช. มติเอกฉันท์เลือก 'สุรพงษ์ อินทรถาวร' เลขาธิการฯ คนใหม่ แทน 'สาโรจน์'

วันอังคาร ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 21.48 น.

มติเอกฉันท์ ป.ป.ช.เลือก “สุรพงษ์ อินทรถาวร ” หัวหน้าผู้ว่าคดีในศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง "คดีชั้น14" เป็นเลขาฯ คนใหม่ 

วันที่ 30 ธันวาคม2568 ผู้สื่อข่าวราย งานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาและมีมติเอกฉันท์เลือกนายสุรพงษ์ อินทรถาวร  รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.คนใหม่    แทนนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ยื่นหนังสือลาออกจากราชการในช่วงเดือนตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา 


สำหรับประวัติ  นายสุรพงษ์ อินทรถาวร  ปัจจุบันอายุ 59 ปี  การศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหงนิติศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง  หลักสูตร ผู้บริหารระดับสูงด้านวิทยาการพลังงาน (วพน.) รุ่นที่ 17 หลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) รุ่นที่ 23 หลักสูตร การบริหารงานภาครัฐและกฎหมายมหาชน (ปรม.) รุ่นที่ 13 หลักสูตรนักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง (นยปส.) รุ่นที่ 3    

เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน ระดับ 3 สำนักงาน ป.ป.ป. 29 ตุลาคม 2533
เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน ระดับ 6 สำนักงาน ป.ป.ช. 1 ตุลาคม 2542
นักกฎหมาย ป.ป.ช. ระดับ 8 สำนักงาน ป.ป.ช. 29 มิถุนายน 2550
ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครสวรรค์ 5 ตุลาคม 2555
ผู้อำนวยการศูนย์กำกับดูแลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ 1 ตุลาคม 2557
ผู้อำนวยการสำนักคดี 23 มกราคม 2558
ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. 1 ตุลาคม 2560
รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. 1 ตุลาคม 2563
รองเลขาธิการฯ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช 1 ตุลาคม 2568
วิทยานิพนธ์ รางวัลชมเชย หัวข้อ “การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐศึกษากรณี : การไต่สวนข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542” คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
 
งานที่ได้รับมอบหมายเป็นกรณีพิเศษ
- กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
- กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ.
- กรรมการดำเนินการขับเคลื่อนตามมาตรา 130 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย          การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
- อนุกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ
- อนุกรรมการพิจารณาและให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย สำนักงาน ป.ป.ท.
- อนุกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ กรมบัญชีกลาง
- อนุกรรมการบริหารงานคดี
- คณะทำงานจัดทำคำของบประมาณ
- คณะทำงานประเมิน ITA ของส่วนราชการภายในสำนักงาน ป.ป.ช.

ผลงานสำคัญ  
 (1) ดำเนินการยกร่างพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการฟ้องคดีปิดปากในความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่และประพฤติมิชอบ พ.ศ. .... ได้เป็นผลสำเร็จ และส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าวไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา จนท้ายที่สุดในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 5  (สมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ ในวันพุธที่ 5  มีนาคม 2568   ที่ประชุมได้พิจารณามีมติเอกฉันท์ 506  เสียง   เห็นชอบกับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ .. พ.ศ. .... และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2568  ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่  5  มิถุนายน 2569    และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 6  มิถุนายน 2568  เป็นต้นไป  

อันจะเป็นมาตรการและกลไกในการป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งเป็นภารกิจหลักของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และสำนักงาน ป.ป.ช.    รวมถึงเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และยังทำให้กฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของไทยมีมาตรฐานสากล เป็นที่ยอมรับ สอดคล้องกับอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. 2003  (United Nations Convention against Corruption : UNCAC) ด้วย

(2) ยกร่างระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือ การขอรับความช่วยเหลือ และการยกเลิกการให้ความช่วยเหลือตามมาตรา  132/2  พ.ศ. 2568  และระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าด้วยกองทุนป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ฉบับที่ 3 ) พ.ศ. 2568   และการขับเคลื่อนการบังคับใช้กฎหมายในฐานะประธานอนุกรรมการจัดเตรียมความพร้อมการดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตที่แก้ไขเพิ่มเติม (Anti SLAPP Law) จนเสร็จสิ้นกระบวนการและมีผลบังคับใช้ได้เป็นผลสำเร็จ โดยระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือ การขอรับความช่วยเหลือ และการยกเลิกการให้ความช่วยเหลือตามมาตรา 132/2 พ.ศ. 2568   ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 26  กันยายน 2568  และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2568  เป็นต้นไป    และระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าด้วยกองทุนป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ฉบับที่ 3 ) พ.ศ. 2568  ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 26  กันยายน 2568  และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 6  มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป

(3) หัวหน้าผู้ว่าคดีและการดำเนินคดีในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขดำที่ บ.ค.1/2568  ระหว่าง อัยการสูงสุด คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้เข้าเป็นคู่ความแทน โจทก์ พันตำรวจโททักษิณหรือนายทักษิณ ชินวัตร จำเลย (คดีชั้น 14  ) ชั้นบังคับโทษตามคำพิพากษา

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top