สัมภาษณ์ โค้ชอนุรักษ์ ศรีเกิด อดีตนักฟุตบอลทีมชาติ (เสื้อม่วง) และตัวแทนนักฟุตบอล คุณจักรพงษ์ สืบสมุทร นักเรียนโรงเรียนเทพศิรินทร์ ห้อง ม.6/2 (เสื้อขาว) ก่อนการแข่งขันฟุตบอล AFF U19 CHAMPIONSHIP 2016 ระหว่างทีมชาติไทยกับทีมชาติเมียนมา ณ Hang Day Stadium ฮานอย ประเทศเวียดนาม
จุดเริ่มต้นของผมไปฮานอย ครั้งนี้เพื่อจะไปให้กำลังใจฟุตบอลทีมชาติไทย อายุต่ำกว่า 19 ปี ในการแข่งขันฟุตบอล AFF U19 CHAMPIONSHIP 2016 ระหว่างทีมชาติไทยกับทีมชาติเมียนมา ณ Hang Day Stadium ฮานอย ประเทศเวียดนาม ความเป็นลูกแม่รำเพย ก็มีแรงบันดาลใจมากหน่อยเพราะโค้ชจุ่น-อนุรักษ์ ศรีเกิด เป็นรุ่นน้องผมที่เทพศิรินทร์ และยังมีนักเรียนเทพศิรินทร์ รุ่นปัจจุบันคือ คุณจักรพงษ์ สืบสมุทร ติดทีมชาติไทยด้วย วิญญาณนักฟุตบอลเก่าลูกแม่รำเพยของผมก็เลยพาทีมของผม 8 คน ไปบุกฮานอยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
การไปฮานอยคราวนี้มีเรื่องที่จะมาแบ่งปันให้ท่านผู้อ่านหลายเรื่อง
เรื่องแรกก็คือ เมื่อกว่า 24 ปีที่แล้วสมัยผมยังอยู่ที่สถาบันทรัพยากรมนุษย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีโอกาสทำงานทางวิชาการจัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศเพื่อนบ้านกับเวียดนามอยู่ติดต่อกันหลายรุ่น รุ่นละ 5 สัปดาห์ มีผู้นำจาก สปป.ลาว และ
กัมพูชา มาร่วมด้วย จากความร่วมมือกับธนาคารชาติ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่นร่วมและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
บรรยากาศที่คณะได้ไปเยี่ยม Vietnam Institute for Development Strategies (VIDS) Ministry of Planning and Investment ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น จาก Assoc.Prof Dr.Bui Tat Thang, President และ Ms.Phan Ngoc Mai Phuong Phan Phuong
ถึงแม้ว่าเวลาจะเลย มานานแล้ว แต่การทำงานด้วยความจริงใจ ตรงประเด็นทำให้ลูกศิษย์ให้ความสนใจและความสำคัญของบทบาทในขณะที่ผมอยู่ธรรมศาสตร์และยิ่งช่วงหลังมี Social Media ทำให้การเชื่อมโยงระหว่างศิษย์เก่ากับทีมงานของเรายังแน่นหนาอย่างยิ่ง พอเขารู้ว่าทีมเราจะไปฮานอยก็มีการประสานงานกันเพื่อพบปะรำลึกถึงความหลังต่างๆ เมื่อสมัยที่ทำงานร่วมกัน
น่าสนใจตรงที่ว่า งานวิชาการที่ผมทำคือการจัดหลักสูตรซึ่งตรงกับความต้องการของผู้นำในสมัยนั้นในเรื่องการพัฒนาทุนมนุษย์ ให้มีศักยภาพในการแข่งขันของเวียดนามและเน้นเศรษฐกิจเสรี เพราะระบบเวียดนามเป็นระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์ยังไม่ใช่เศรษฐกิจเสรี
การสอนให้เขาเข้าใจกลไกของตลาดว่ามีบทบาทอย่างไรอาจช่วยให้เศรษฐกิจเวียดนามปัจจุบันมีความสำคัญมากขึ้น การส่งออกมีมากขึ้นและการลงทุนระหว่างประเทศมีมากขึ้น
บรรยากาศที่คณะได้เดินทางไปเยี่ยม National Economic University และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากศิษย์เก่าคนสำคัญอีกท่านหนึ่ง Assoc.Prof.Dr. Pham Truong Hoang, Dean of Faculty of Tourism and Hospitality. และยังได้ทำความรู้จักและพูดคุยกับ Mr.Pham Sy Long, Deputy Director, Department of International Cooperation. และทีมศิษย์เก่าของ ASEAN+3 Tourism and Sport Networking Development Camp อีกหลายท่าน.. มีหลายเรื่องที่เวียดนามอยากทำร่วมกับไทย สิ่งที่สำคัญคือการทำงานอย่างต่อเนื่องและมองการพัฒนาอย่างยั่งยืนร่วมกัน
ช่องว่างระหว่างไทยและเวียดนามด้านเศรษฐกิจก็ลดลงถึงเวลาที่ประเทศทั้งสองจะได้มีความร่วมมือเป็นหุ้นส่วนมากขึ้น
ผมมีส่วนทำให้ Chira way ประสบความสำเร็จมาถึงปัจจุบันจากการทำงานกับเวียดนามคือการได้เรียนรู้ไปด้วย ผู้นำเขามีคำถามที่ฉลาดใฝ่รู้ ลูกศิษย์ผมคนหนึ่ง Mr.Dao Thiem ซึ่งปัจจุบัน อายุ 84 ปี แล้ว เป็นอดีตประธานสถาบันยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ Mr.Pham Hai อายุ 78 ปี และ Dr. Luu Bich Ho อายุ 78 ปี ได้มารับประทานอาหารร่วมกัน ลูกศิษย์เวียดนามของผมหลายคนมาต้อนรับ ได้ทราบงานของผมที่ผ่านมา จึงจะเริ่มมีโครงการต่อเนื่องอีกซึ่งผมภูมิใจที่ได้รับเกียรติวันนี้
ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อต่อยอดลูกศิษย์รุ่นเมื่อ 24 ปีที่แล้ว การไปครั้งนี้ยังได้ประชุมอย่างเป็นทางการที่สถาบันยุทธศาสตร์เศรษฐกิจโดยตกลงจะมีความร่วมมือกันในยุคต่อไปอีก
ผมคิดว่าการทำงานที่มีความไว้เนื้อเชื่อใจ จริงใจให้ความรู้ที่แท้จริงต่อกันและมีความต่อเนื่องจะเป็นประโยชน์ต่อการทูตภาคประชาชนและความสัมพันธ์ในระยะยาวได้
บรรยากาศแห่งความประทับใจที่ฮานอย..ได้มอบหมวก Chira Academy เป็นที่ระลึกแก่ Alumni ทั้ง 2 Gen
รุ่นเก่าและรุ่นใหม่เป็นสัญลักษณ์ของทุนทางเครือข่ายของพวกเราที่จะเชื่อมความสัมพันธ์อันดีและความร่วมมือด้านทรัพยากรมนุษย์ระหว่างไทยกับเวียดนามในแบบการทูตภาคประชาชน
แต่ผมไม่ได้มีลูกศิษย์รุ่น 24 ปีที่แล้ว เท่านั้นเพราะในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ผมก็ได้มีโอกาสทำงานระดับ ASEAN กับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทยได้เข้าไปทำงานในโครงการ ASEAN Plus Three Tourism Students Summit 2014 ที่เดินทางมาในประเทศไทย จึงมีลูกศิษย์รุ่นใหม่อีกหลายคน เป็นโครงการ Seminar on “Integrated Management Capacity Building for ASEAN Community เมื่อปี 2015 ลูกศิษย์รุ่นใหม่นี้ประกอบไปด้วยคนรุ่นใหม่ ซึ่งใช้ Social Media เชื่อมโยงกันทำให้ได้ทราบหมดว่าผมมีนโยบายไปเยี่ยม Alumni ทุกประเทศ ขณะนี้ไปมาแล้ว 3 ประเทศ นอกจากเวียดนาม ไปอินโดนีเซีย กัมพูชามา แล้ว และสปป.ลาว จะเป็นประเทศต่อไป
คณะเราและศิษย์เก่าเวียดนามได้มีโอกาสพบกันหารือที่จะทำงานต่อไปและดูแลต้อนรับคณะของเราตลอดเวลาโดยเฉพาะ
ลูกศิษย์รุ่นล่าสุดที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย National Economic University ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของฮานอย Assoc.Prof.Dr. Pham Truong Hoang, Dean of Faculty of Tourism and Hospitality คณบดีของคณะการท่องเที่ยวก็ได้มีการพบปะหารือกันอย่างเป็นทางการและคิดจะทำงานร่วมกันทางวิชาการ นอกจากนี้ได้พบรองอธิการบดีฝ่ายวิเทศศาสตร์ด้วย ได้ใช้แนวคิดของผมคือ Growth and Sustainability ของการท่องเที่ยวให้เกิดความสมดุลระหว่างรายได้กับความยั่งยืนของการท่องเที่ยวซึ่งมีโอกาสจะทำงานร่วมกันโดยทำวิจัย 20 ปีข้างหน้าในการเปรียบเทียบไทย เวียดนามในการท่องเที่ยวในระยะยาว
สุดท้ายลูกศิษย์ ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่มาร่วมพบปะกันในงานเลี้ยงกลางคืน ผมนึกว่า หมวกของ Chira academy จะเป็นที่ต้องการของลูกศิษย์ผมในเมืองไทยเท่านั้น ปรากฏว่าศิษย์เวียดนาม ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ต่างพอใจกับหมวกของผม ทำให้ผมมีความสุขมากครับ
การทูตภาคประชาชนเป็นแนวคิดของ นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรีที่ผมเชิญท่านไปร่วมงาน เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงในกัมพูชา เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว วันนี้ได้เรียนรู้ว่าการทูตภาคประชาชนใช้วิชาการได้ช่วยความสัมพันธ์ในความไว้เนื้อเชื่อใจของ 2 ประเทศได้ จากความจริงใจที่มีต่อกัน เน้น Trust, Equality ให้เรียนรู้ซึ่งกันและกันศึกษาให้ความสำคัญในวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ความหลากหลายของประเทศอย่างแท้จริง
Value diversity เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี