วันอังคาร ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2568
เหตุการณ์ปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา ดุเดือดกว่าปี’54 ตามคาด
เพราะกัมพูชาท่าทีต้องการให้เกิดเรื่อง และโจมตีไทยก่อน ลักลอบวางทุ่นระเบิดสังหาร แล้วก็ยังปิดฉากยิงใส่ทหารไทยก่อนอีกด้วย
1. เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือน รายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน
ต่อมา ฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร
2. ฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตแดนไทย
การกระทำอันรุนแรงและไร้มนุษยธรรมของฝ่ายกัมพูชา สมควรถูกโลกประณาม
ปรากฏหลักฐานวีดีโอคลิปที่ประชาชนกัมพูชาบันทึกไว้เอง ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธจรวด BM-21 ยิงจากฐานยิงเคลื่อนที่บนถนนสาธารณะ ท่ามกลางชาวบ้าน เพราะรู้ว่ายิงปุ๊บทหารไทยล็อกพิกัดได้ทันที ต้องโดนสวน
ทหารกัมพูชาใช้ชาวบ้านเป็นโล่มนุษย์
ขณะที่การโจมตีนั้น มีพลเรือน บ้านเรือนไทย โรงพยาบาล โดนถล่มด้วย
เบื้องต้น มีพื้นที่พลเรือนตกเป็นเป้าหมายของอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชา จนทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย รวมถึงมีประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ดังนี้
1. พื้นที่บริเวณปั๊ม ปตท. บ้านผือ ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิต 6 ราย บาดเจ็บ 10 ราย
2. พื้นที่บ้านโจรก ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิต 2 ราย (1 รายเป็นเด็กชายอายุ 8 ปี) และได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ส่งต่อ รพ.กาบเชิง
3. พื้นที่บ้านกุดเชียงมุน, บ้านจันลา, บ้านโพนทอง ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย
4. พื้นที่บ้านขี้เหล็ก ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ส่งผลให้บ้านเรือนและสัตว์เลี้ยงทางการเกษตรได้รับความเสียหาย
5. พื้นที่หมู่ 16 ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ พบผู้บาดเจ็บ 1 ราย
6. พื้นที่บ้านหนองแรด ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ส่งผลให้บ้านเรือนได้รับความเสียหาย
7. พื้นที่บ้านนายบุญล่วม ทองวิเศษ หมู่ 9 ต.โดมประดิษฐ์ ส่งผลให้บ้านเรือนได้รับความเสียหาย
โลกต้องประณามการกระทำอันรุนแรงต่อเป้าหมายพลเรือนของฝ่ายกัมพูชา กระทำผิดหลักมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง
3. กองทัพไทยยึดหลักปฏิบัติการตอบโต้ในลักษณะจำกัดวงและจำเพาะเป้าหมายทางทหาร โดยเคร่งครัดต่อหลักสากล เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อประชาชนกัมพูชา
แต่กัมพูชากลับเลือกใช้อาวุธโจมตีพลเรือนอย่างไร้ความปรานี
ฝ่ายกัมพูชากระทำละเมิดอนุสัญญาเจนีวาอย่างชัดเจน โดยใช้อาวุธหนักโจมตีเป้าหมายที่ไม่ใช่ทางทหาร ได้แก่
.png)
“ปราสาทตาเมือนธม”
“ปราสาทโดนตวล”
“ปั๊มน้ำมัน บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ”
“โรงพยาบาลพนมดงรัก”
“บ้านเรือนประชาชน”
“ศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์”
มีผู้บริสุทธิ์จำนวนมากได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
4. กองบัญชาการกองทัพไทย แถลงการณ์ต่อประชาชนคนไทย ระบุว่า
“จากสถานการณ์ตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ขยายความรุนแรงมีการเปิดฉากการยิงโดยกำลังทหารฝั่งกัมพูชา มีการใช้อาวุธประจำกาย และอาวุธประจำหน่วยหลายชนิดเข้ามายังฝั่งไทย ในหลายพื้นที่ ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ทั้งทหาร และประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ตามที่ปรากฏในภาพข่าว
โดยการปฏิบัติทางทหาร ตามพระราชบัญญัติ การจัดระเบียบราชการ กระทรวงกลาโหมพุทธศักราช 2551 มาตรา 39 มอบอำนาจให้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการทางทหาร ได้สั่งการให้ กองทัพบกใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถซึ่งเป็นแผนเผชิญเหตุ ตามแผนป้องกันประเทศฝั่งตะวันออก
โดยมี ผู้บัญชาการทหารบก เป็น ผู้บัญชาการเหตุการณ์ มีอำนาจในการบัญชาการและการใช้กำลังทางบก และร้องขอการสนับสนุนกำลังทางอากาศ และทางเรือ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของกำลังทางบก ตามแผนเผชิญเหตุ
โดยการปฏิบัติการทางทหาร มี 2 ขั้น คือ ขั้นปกติ ขั้นปฏิบัติการ
ปัจจุบัน อยู่ในขั้นการปฏิบัติการ
โดยใช้อาวุธยิงสนับสนุนของกองทัพภาคที่ 2 และการยิงสนับสนุนทางอากาศจากกองทัพอากาศ โดยมีเป้าหมายคือ ที่ตั้งกองกำลังทหารฝ่ายกัมพูชา เพื่อระงับเหตุการณ์
โดยไม่มีการใช้อาวุธต่อเป้าหมายฝ่ายพลเรือนกัมพูชาแต่อย่างใด
ทั้งนี้ หากไม่สามารถระงับสถานการณ์ความรุนแรงหรือการใช้กำลังของฝ่ายตรงข้าม กองทัพจะพิจารณายกระดับการใช้กำลัง สู่ขั้นการป้องกันประเทศในระดับต่อไป
กองทัพไทย ขอประณามการกระทำของกองทัพกัมพูชา ตลอดจนรัฐบาลกัมพูชา ที่มีเจตนาชัดเจนในการเปิดฉากการรบโดยใช้อาวุธหนักโจมตี โดยไม่คำนึงถึงความสูญเสีย ต่อพลเรือนทั้งสองประเทศ
ทั้งนี้ กองทัพไทยขอให้คำมั่นต่อประชาชนชาวไทยว่า จะพิทักษ์ และปกป้องอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดน และความมั่นคงของชาติ พร้อมเป็นหลักประกันความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนอย่างเต็มขีดความสามารถ สำหรับความคืบหน้าของสถานการณ์จะรายงานให้ทุกท่านทราบต่อไป” - กองบัญชาการกองทัพไทย : 24 กรกฎาคม 2568
5. กระทรวงการต่างประเทศ แถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ไทย-กัมพูชา
“1. รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการกระทำของกองทัพกัมพูชาที่ละเมิดอธิปไตยของไทย และกฎหมายระหว่างประเทศ ต่อเหตุการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชาลอบเข้ามาวางกับระเบิดในดินแดนไทย เป็นผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บเมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม 2568 และได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการของฝ่ายไทย ในช่วงเช้าของวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 รวมทั้งได้โจมตีอย่างรุนแรงต่อเนื่องในพื้นที่ฝั่งไทยตลอดเช้านี้ รวมถึงเป้าหมายพื้นที่ที่เป็นพลเรือน โดยเฉพาะโรงพยาบาล จนเป็นเหตุให้ประชาชนบาดเจ็บและเสียชีวิต
2. ดังนั้น เมื่อคำนึงถึงความร้ายแรงดังกล่าวจากการที่กัมพูชาจงใจมีการกระทำเป็นปฏิปักษ์อย่างชัดเจนต่อประเทศไทย รัฐบาลไทยจึงตัดสินใจลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตและเรียกเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ กลับประเทศไทย (recall) และขอให้เอกอัครราชทูตกัมพูชากลับประเทศเช่นกัน
3. รัฐบาลไทยเรียกร้องให้กัมพูชายุติการกระทำที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรงซ้ำๆ ซึ่งเป็นการขัดต่อหลักการความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีและความสุจริตใจ อีกทั้งจะยิ่งเป็นการบ่อนทำลายชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของกัมพูชาในประชาคมโลก
4. รัฐบาลไทยเรียกร้องให้กัมพูชาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยุติการโจมตีเป้าหมายทางทหารและพลเรือน รวมถึงยุติการละเมิดอธิปไตยของไทยโดยทันที โดยรัฐบาลไทยพร้อมที่จะยกระดับมาตรการป้องกันตนเอง หากกัมพูชายังคงไม่ยุติการกระทำที่เป็นการโจมตีทางอาวุธและละเมิดอธิปไตยของไทยตามหลักสากลและกฎหมายระหว่างประเทศ”
6. ฝ่ายกัมพูชา ก็พยายามกล่าวหาให้ร้ายไทยว่าเป็นฝ่ายรุกราน
และกัมพูชาก็เดินหมากตามที่คิดวางแผนไว้ คือ ยื่นหนังสือทางการถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UN Security Council)
เจตนา คือ ต้องการให้คณะมนตรีความมั่นคงฯ เรียกประชุมฉุกเฉิน เพื่อเข้ามาแทรกแซงสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม มติสำคัญใดๆ ที่จะผ่านในคณะมนตรีความมั่นคงฯ จะต้องได้รับเสียงเห็นชอบจากสมาชิก 9 ใน 15 ประเทศ
และที่สำคัญ จะต้องไม่มีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ ได้แก่ จีน ฝรั่งเศส รัสเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ใช้อำนาจยับยั้ง (veto)
หากมีการใช้อำนาจยับยั้ง มตินั้นก็จะไม่สามารถผ่านได้ จะทำให้คณะมนตรีความมั่นคงฯ อาจไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ในทางปฏิบัติ
นี่คือสิ่งที่ทางการไทย ผู้เกี่ยวข้อง จะต้องเร่งดำเนินการเต็มที่ มิฉะนั้น จะถือว่าละเลย เอื้อประโยชน์แก่กัมพูชา หรือขายชาติ
7. ว่ากันตามตรง คนไทยส่วนใหญ่ในวันนี้ ไว้ใจทหาร กองทัพ ให้จัดการปัญหาความมั่นคงชายแดนอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
แต่ไม่ไว้ใจนักการเมือง ไม่ว่าจะในรัฐบาล หรือในสภา ที่จะเข้าไปแทรกแซง ล้วงลูก หรือล้วงลับข้อมูลทางยุทธการทางการทหาร
เพราะกลัวว่าจะมี “ไส้ศึก” หรือ “หนอนบ่อนไส้”
หรือ “ฝ่ายตรงข้ามกับแม่ทัพ”
คาบข่าวไปบอกอังเคิล
ชี้เป้า หรือบั่นเซาะทำลายความมั่นคงของชาติ
อย่าคิดว่าคนไทยรู้ไม่ทันคนขายชาติ
สารส้ม

‘เขมร’ตอแยไม่เลิก ขน BM-21 รุกรานไทย ยิงเข้า‘ซำแต-ภูผี-ช่องตาเฒ่า-ปราสาทตาควาย’
ทะลุล้าน ‘โต๋นแตร-ทินกร’ โปรโมทซีรีส์กลางสยาม ‘I Promise I Will Come Back ฉันคอยเธอ’ รีรัน
LG ร่วมกับ มูลนิธิ เมเจอร์ แคร์ สร้างโอกาสทางการเรียนรู้ ส่งมอบ ‘ห้องหนังเพื่อการเรียนรู้’ ห้องที่ 79
‘แผนรักฉบับร้าย’ คึกคัก ‘มิกค์-พิ้งค์พลอย’ นำทีม ชวนทัพนักแสดงเมาท์ฉ่ำ รับกระแสสุดปัง
‘นิว นภัสสร’ เปิดตัว Bibbidii Line Up 2026 ผุดโปรเจ็กต์ใหม่เอาใจแฟนๆ สายซีรีส์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี