แนวหน้าหนังสือพิมพ์คุณภาพ ทุกบรรทัดคือสาระและข้อเท็จจริง...nnหลังเสียงปืนแตก สองพ่อลูก “ชินวัตร” รีบชิงออกมาประณามพฤติกรรมอันป่าเถื่อนของ “เขมร” ทันทีโดย “ทักษิณ” ทำเป็นฮึดฮัด ออกลูกแข็งกร้าวว่า “ที่ผ่านมาไทยได้แสดงความอดทนและยึดหลักสันติวิธีตลอด แต่จากนี้ไป ทหารไทยมีสิทธิ์ตอบโต้ตามแผนยุทธการ และกระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินมาตรการที่เหมาะสมได้อย่างเต็มที่และชอบธรรม”
...nn ขณะที่ตัวลูกสาวก็น้ำตาคลอ ประณามเขมรว่า “ดิฉันขอประณามกัมพูชาต่อการใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนไทย ตามข้อเท็จจริง ทางฝ่ายกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อนและมีการยิงในวิถีไกลเข้าสู่เขตแดนไทย ถือว่าเป็นการละเมิดหลักปฏิบัติสากลตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักสิทธิมนุษยชนและจริยธรรมอันดีอย่างชัดเจน ซึ่งส่งผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก”
...nn อันที่จริง ความบาดหมางระหว่างไทยกับเขมรเกิดมาเนิ่นนาน สู้รบปรบมือกันก็หลายครั้งโดยเฉพาะจากปัญหาพิพาทเรื่องเขตแดน ซึ่งเถียงกันไม่จบ เพราะถือแผนที่กันคนละฉบับ ปัญหาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนมันจึงคาราคาซังมาตลอด แต่ที่ผ่านมาก็อยู่กันได้ก็เพราะมีการวางแนวตรึงกำลัง “คุมเชิง” แบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน
...nn แต่พอเขม่นกันที ก็หยิบยกไอ้ปัญหาเรื่องข้อพิพาทมาเป็นชนวนทุกครั้ง แต่ความบาดหมางครั้งล่าสุดนี้มันผิดสังเกตก็ตรงที่ดันเกิดในยุคที่พรรคเพื่อไทยของ 2 พ่อลูกเป็นแกนนำรัฐบาล
...nnวันนี้ คนไทยคงจะมองกันอย่างงุนงงและสงสัยว่า สองตระกูล“ไทย-เขมร” ระหว่าง “ทักษิณ ชินวัตร” กับ “ฮุนเซน” นั้น มันขัดแย้งกันด้วยเรื่องอะไรกันแน่?มีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยใช่หรือไม่? มีอะไรแอบแฝงอยู่ในรอยร้าว เพราะไปๆ มาๆมันกลายเป็นว่า “คนไทย-ประเทศไทย” ของเรา รวมทั้งชาวเขมร คล้ายๆ กำลังจะตกเป็นตัวประกันของ 2 ตระกูลนี้!!
...nn ฉะนั้น การที่ “ทักษิณ”ออกมาประณามพฤติกรรมของเขมร และ “อิ๊งค์” น้ำตาคลอเบ้าร่วมวงประณามด้วย เพราะกลัวจะตกซีนนั้น มันจึงไม่มีน้ำหนักหรือความสำคัญอะไรทั้งสิ้น เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้ว ทั้งพ่อทั้งลูกนั่นเองที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความบาดหมางขึ้นระหว่างทั้ง 2 ประเทศ
...nnไล่สำรวจตามหน้าสื่อทุกวันนี้ ทุกภาคส่วนต่างเทน้ำหนักไปที่การออกมาประณามพฤติกรมอันป่าเถื่อน ถ่อยดิบ ไร้มนุษยธรรมของเขมร ซึ่งก็สมควรแล้ว เพราะ 2 พ่อลูก ทั้ง “ฮุนเซน-ฮุน มาเนต” มีพฤติกรรมที่เป็น“อาชญากรสงคราม” ขณะที่สื่อต่างประเทศ ก็นำเสนอข่าวไปในแนวทางเดียวกันว่า เขมรเปิดฉากยิงไทยก่อนแน่นอน
...nn พิจารณาถ้อยแถลงของ “กองทัพไทย”แล้ว ก็น่าจะพอทำให้ได้เห็นกันว่า 2 พ่อลูก“ฮุนเซน-ฮุน มาเนต” เข้าข่ายเป็น “อาชญากรสงคราม” แน่นอน
...nn“กองทัพไทยขอประณามอย่างรุนแรงต่อการใช้อาวุธยิงระยะไกลโจมตีเป้าหมายพลเรือนอย่างต่อเนื่องของกองทัพกัมพูชา ซึ่งเป้าหมายพลเรือน ประกอบด้วย ชุมชนเมือง โรงพยาบาล โรงเรียน การกระทำอันป่าเถื่อนเหล่านี้ได้คร่าชีวิตและสร้างความบาดเจ็บแก่ประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมากอย่างไร้เหตุผล
...nn จากหลักฐานที่มีอยู่เชื่อได้ว่ารัฐบาลกัมพูชา โดย สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีอันน่าสะเทือนใจเหล่านี้ การกระทำดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงการขาดความเคารพต่อชีวิตมนุษย์และการไม่แยแสต่อสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน
...nn การกำหนดเป้าหมายโจมตีพลเรือนโดยเจตนาถือเป็นอาชญากรรมสงคราม และผู้ที่รับผิดชอบจะต้องถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เราขอเรียกร้องให้องค์กรระหว่างประเทศและประชาคมโลกดำเนินการสอบสวนอย่างอิสระและโปร่งใส เพื่อให้มั่นใจว่าผู้กระทำผิดจะได้รับการลงโทษอย่างเหมาะสม
...nn กองทัพไทยขอยืนหยัดเคียงข้างผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีอันโหดร้ายเหล่านี้ และขอเรียกร้องให้ยุติการกระทำที่รุนแรงต่อพลเรือนในกัมพูชาโดยทันที ประชาคมโลกต้องไม่เพิกเฉยต่อความทารุณที่เกิดขึ้น และต้องร่วมกันผลักดันให้เกิดความยุติธรรมและความรับผิดชอบ”
...nn แม้แต่ “อ้วน-ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ยืนกรานว่า ศึกชายแดนไทย-เขมร ไม่ใช่สงคราม แต่เป็นเพียงการปะทะ จนทำให้ถูกด่าไปทั่วเมือง ก็ออกมายอมรับว่า 2 พ่อลูก เข้าข่ายเป็นอาชญากรสงคราม “สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่ไทยรับไม่ได้ กัมพูชาเปิดแนวรบทั้ง 4 แนวใน 4 จังหวัดอีสานใต้ของไทยมีเจตนาสร้างปัญหา ยิงเข้ามา ดังนั้นสิ่งที่ต้องประณามสมเด็จฮุนเซน และ พล.อ.ฮุน มาเนต อย่างรุนแรงและต้องรับผิดชอบก็คือ มีการยิงมาที่พลเรือน ไม่เข้าสู่เป้าหมายทางทหาร โดยเฉพาะระเบิดที่ลงร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน ซึ่งห่างจากถังน้ำมันใหญ่เพียง 40 ม.เท่านั้นซึ่งหากมาโดนถังน้ำมันใหญ่จะเกิดความเสียหายในพื้นที่พลเรือนเป็นอย่างมาก ถือว่าผิดหลักกฎหมายระหว่างประเทศอย่างรุนแรง
...nn ที่สำคัญยังยิงมาที่กลางโรงพยาบาลพนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่ง 2-3 เหตุการณ์ที่ผ่านมา ทำให้มีพลเรือนไทยเสียชีวิตรวมๆ 20 คนแล้ว และบาดเจ็บสาหัสอีกหลายคน”
...nnยังคาดเดากันไม่ได้ว่าศึกไทย-เขมร ในครั้งนี้ จะจบลงที่จุดไหน? ขณะที่ “อันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรีมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน ได้เสนอตัวเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ย แต่ปัจจัยสำคัญคือ ใครจะเป็นฝ่ายหยุดยิงก่อน และหากไทย “ยอมอ่อนข้อ”ขอเป็นฝ่ายหยุดยิงก่อน รัฐบาลเพื่อไทยของ 2 พ่อลูก“ชินวัตร” อยู่ไม่ได้แน่นอน !!
คชสีห์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี