การร่วมรับประทานอาหารค่ำและกล่าวปาฐกถาให้คณะรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลฟัง เมื่อคืนวันที่ 22 กรกฎาคม ของนายทักษิณ ชินวัตร ไม่ต่างอะไรกับตำนานทานอาหารกับสาวกมื้อสุดท้ายก่อนถูกตรึงกางเขนของฝรั่ง แต่ต่างกันที่หลังอาหารค่ำมื้อสุดท้ายกับสาวกในเมืองไทย ศาสดาถูกตรึงให้ตายทางการเมืองโดยตาข่ายแห่งกรรมของกระบวนการยุติธรรม
การปาฐกถาให้สาวกพรรคเพื่อไทย และคณะรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลฟัง ไม่ต่างจากความเชื่อฝรั่งในสมัยโบราณเช่นกันว่า “หงส์/ห่านส่งเสียงร้องไพเราะจับใจก่อนตาย”ทั้งสองสำนวนนี้ จึงใช้กับที่นายทักษิณเทศนาให้สาวกฟังระหว่างอาหารค่ำมื้อสุดท้าย
ทักษิณศาสดาของพรรคเพื่อไทยที่มีสาวกเป็นคณะรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลร่วมอยู่ด้วย คงสำเหนียกว่า เขาปาฐกถาเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อสั่งสอนให้พรรคร่วมรัฐบาลเกาะกลุ่มกันเหนียวแน่นกับพรรคเพื่อไทย ก่อนที่ศาสดาจะถูกตรึงด้วยตาข่ายแห่งกรรมของกระบวนการยุติธรรมในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ตาข่ายแห่งกรรมที่มาในรูปของศาลอาญา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และศาลรัฐธรรมนูญ ตลอดถึงองค์กรอิสระ อาทิ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)และคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ตาข่ายแห่งกรรมของกระบวนการยุติธรรมกลางน้ำ และปลายน้ำได้ตรึงเขาไว้อย่างแน่นหนา ซึ่งมีแต่ปาฏิหาริย์เท่านั้นที่ทำให้เขาเล็ดลอดตาข่ายแห่งกรรมนี้ไปได้
ทักษิณ ชินวัตร ศาสดาของพรรคเพื่อไทยกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ระหว่างศาลฯพิจารณาคดี ดิ้นรนอยู่ในตาข่ายแห่งกรรมของศาลฯ ที่กำลังพิจารณาคดีต่างๆ รวมทั้ง คดีอาญามาตรา 112 คดีฝ่าฝืนคำสั่งของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่เรียกว่า คดีชั้น 14 และ คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญ กำลังพิจารณาว่านายกรัฐมนตรี“ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ ในกรณีคลิปเสียงพูดโทรศัพท์กับ ฮุนเซน”
นอกจากศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่แล้วน.ส.แพทองธารยังถูก ป.ป.ช.สอบสวนว่า กระทำขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคหนึ่ง และวรรคสองหรือไม่ กรณีปรับลดหรือตัดทอนงบประมาณรายจ่าย สำหรับส่งใช้ต้นเงินกู้ดอกเบี้ยเงินกู้ และรายจ่ายตามข้อผูกพันที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย และเข้าไปมีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ซึ่งมีการนำงบประมาณไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการเติมเงิน 10,000 บาท หรือ แจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต
ซึ่งคดีนี้ ป.ป.ช.รับเรื่องร้องเรียนจาก นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ กับพวกไว้พิจารณา คาดว่า ป.ป.ช.จะสรุปสำนวนส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
พิเคราะห์จากความจริงที่ว่า ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาตามหลักรัฐศาสตร์ และนิติศาสตร์ เมื่อตุลาการศาลฯเสียงข้างมาก มีมติว่า ผู้ถูกร้องกระทำการขัดรัฐธรรมนูญ แม้แต่ผู้ถูกร้องรับเงินค่าจ้างทำกับข้าวออกทีวีศาลฯเคยพิจารณาให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาแล้ว
จึงคาดการณ์ว่า ผู้ถูกร้อง ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงกรณีนายกรัฐมนตรีไทยบอก ฮุนเซน ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งกับประเทศไทยว่า “แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นคนของฝ่ายตรงข้ามเรา” (นายกฯไทยและฮุนเซน) และลุง (ฮุนเซน) อย่าไปฟังสิ่งที่แม่ทัพภาค 2 พูด ลุงอยากได้อะไรบอกมาจะจัดให้” ประกอบกับพฤติกรรมที่ผู้ถูกร้อง แสดงท่าทีเข้าข้างศัตรูและพยายามขัดขวางยุทธวิธีของกองทัพไทยในกรณีความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ทำให้เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาไม่เป็นคุณต่อผู้ถูกร้อง
ถึงแม้ผู้ถูกร้องพยายามยืดเวลาส่งคำชี้แจงต่อศาลฯไปอีกสิบห้าวันคือถึงวันที่ 31 ก.ค. แต่ก็เชื่อว่าภายในเดือนสิงหาคม หรืออย่างช้าก็ต้นเดือนกันยายน ศาลรัฐธรรมนูญต้องมีคำสั่งในทางใดทางหนึ่งออกมา โดยส่วนตัวเชื่อว่าการพิจารณาจะไม่เป็นคุณต่อผู้ถูกร้อง
การยืดเวลา 15 วันของ น.ส.แพทองธาร จึงเปรียบเหมือนSwan song คือ เสียงร้องก่อนตายของหงส์/ห่าน ดังนั้น เมื่อมีปรากฏการณ์หงส์ร้องก่อนตาย จึงมีปรากฏการณ์อาหารค่ำมื้อสุดท้ายกับสาวกตามมา การปาฐกถาระหว่างอาหารค่ำให้สาวกฟังเมื่อคืนวันที่ 22 กรกฎาคม ของทักษิณ ชินวัตร ในฐานะเสมียนประเทศ คงสำเหนียกว่า เขาทำหน้าที่ สทร.เป็นครั้งสุดท้ายในรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ตามปฏิทินกรรมกำหนด
วันที่ 22 สิงหาคม ศาลอาญานัดฟังคำตัดสินคดีที่อัยการสูงสุดฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร ละเมิดมาตรา 112 คดีนี้ จำเลยไม่กังวลมากนัก เนื่องจากไม่ว่าคำตัดสินออกมาสถานใดจำเลยและอัยการอุทธรณ์ได้ และยังมีเวลาสู้คดีกันถึงศาลฎีกา
แต่คดีที่ทำให้ทักษิณต้องกินอาหารค่ำมื้อสุดท้ายกับสาวก รัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาล คือ คดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อยู่ระหว่างการไต่สวน ตามคำร้องของนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ว่ากรมราชทัณฑ์ส่งนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ไปอยู่ห้องพิเศษโรงพยาบาลตำรวจ180 วัน เป็นไปตามคำสั่งของศาลฯหรือไม่ และเป็นการกระทำขัด ป.วิอาญา ม. 246 วรรคหนึ่ง และวรรค 2 หรือไม่
การไต่สวนพยานแพทย์และเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ และการไต่สวนแพทย์เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลตำรวจที่ผ่านมา ล้วนไม่เป็นคุณต่อจำเลยและพยานที่ให้การไปแล้ว และความเลวร้ายอาจซ้ำเติมได้ เมื่อศาลฯนัดไต่สวนผู้แทนแพทยสภา ในวันที่ 25 กรกฎาคม ซึ่งแพทยสภาต้องให้ข้อมูลการสอบสวนต่อศาลว่า นายทักษิณ ป่วยขั้นวิกฤตหรือไม่ และนายทักษิณคงคาดการณ์ล่วงหน้าว่า แพทยสภาให้การต่อศาลฯเป็นผลบวกหรือเป็นผลลบต่อตน
นายทักษิณ จึงเตรียมการให้นายวิษณุ เครืองาม เนติบริกร ผู้มีอภินิหารกฎหมาย ขึ้นเป็นพยานแก้ต่างให้จำเลยเป็นปากสุดท้ายในวันที่ 30 กรกฎาคม นายวิษณุถึงแม้มีอภินิหารทางกฎหมายก็เชื่อว่า คำให้การของเขาคงเป็น Swan song เช่นเดียวกับการยืดเวลาส่งคำชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญของ น.ส.แพทองธาร
เนื่องจากคดีชั้น 14 ไม่ใช่คดีอาญาธรรมดา ที่ผู้ถูกกล่าวหาใช้อภินิหารทางกฎหมายให้พ้นคดีได้ คดีชั้น 14 เป็นเรื่องที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไต่สวนคดีเอง ดังนั้นนายวิษณุต้องบอกความจริงแก่ศาลว่า ทำไมพยานต้องไปพบนักโทษในห้องทำงานผู้บัญชาการเรือนจำ
การพบกับนักโทษคืนวันที่ 22 สิงหาคม 2566 พยานไปพบนักโทษในฐานะทนายความ หรือในฐานะรักษาการรองนายกรัฐมนตรีควบรักษาการรัฐมนตรียุติธรรม พยานได้นำเอกสารอะไรไปให้นักโทษลงนามหรือไม่ ที่สำคัญพยานได้สั่งการหรือแสดงท่าทีเป็นนัยให้กรมราชทัณฑ์ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับของพยาน ส่งนักโทษไปโรงพยาบาลตำรวจหรือไม่
เชื่อว่าคำให้การของนายวิษณุ ไม่สามารถนำอภินิหารกฎหมายมาใช้ได้ ถึงแม้นายวิษณุใช้ความพยายามอย่างไรก็ไม่เป็นคุณแก่จำเลยคดีชั้น 14 และเชื่อว่าหลังจากนายวิษณุเป็นพยานปากสุดท้าย ศาลคงปิดคดีและอาจนัดฟังคำพิพากษาภายในเดือนสิงหาคม หรืออย่างช้าก็ต้นเดือนกันยายนนี้
การดิ้นรนของทักษิณ ชินวัตร ในฐานะเสมียนประเทศกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่อยู่ระหว่างถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ จึงเหมือนคติ Last Dinner และ Swan song ของฝรั่ง เชื่อว่าชะตากรรมเลวร้ายของพ่อลูกตระกูลชินไม่จบสิ้นเพียงแค่นั้น
พวกเขาจะต้องพบวิบากกรรมต่อไปในคดีที่ถูกฟ้องถูกกล่าวหาอีกหลายคดี ถึงแม้ศาลรัฐธรรมนูญและศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสรุปคดีไปแล้วพวกเขายังต้องสู้คดีทางอาญาที่ ป.ป.ช. และ กกต. ตลอดถึงผู้ตรวจการแผ่นดินกำลังสอบสวน
หากนับรวมคดีที่ สทร. สมคบกับ ฮุนเซน ทำร้ายประเทศไทย และ โจมตีใส่ร้ายทำลายสถาบันสูงสุดของชาติ อาจกล่าวได้ว่าแผ่นดินไทยมีที่ให้พวกเขาอยู่ได้คือในคุกเท่านั้น
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี